การตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนอาหารให้แมวของคุณเมื่อไรและใช้วิธีใดต้องมีการวางแผนล่วงหน้า เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ชอบอะไรที่เป็นกิจวัตร เค้าจึงมักจะชอบอาหารแบบเดิมมากกว่าอาหารใหม่ แมวก็เหมือนคน เมื่อคุ้นชินกับอะไรแล้วก็มักจะไม่ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร
เคล็ดลับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนอาหารให้เจ้าเหมียวได้สำเร็จ จนเค้ายอมหันมากินอาหารชนิดใหม่ได้
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือค่อย ๆ ทำให้แมวคุ้นเคยกับอาหารใหม่ ให้เวลาเค้าชินกับการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มจากการผสมอาหารใหม่ 25% และอาหารเดิม 75% จากนั้นจึงเปลี่ยนอัตราส่วนในช่วงสามวันโดยเพิ่มปริมาณอาหารใหม่และลดปริมาณอาหารเดิม เมื่อสิ้นสุดช่วงเปลี่ยนอาหาร คุณควรให้เค้าได้กินอาหารใหม่ 100% ซึ่งในช่วงเปลี่ยนอาหารอาจพบปัญหาได้ เช่น เจ้าเหมียวกินเฉพาะอาหารเดิมหรือไม่ยอมกินอาหารเลย แต่คุณไม่ต้องกังวลเนื่องจากแมวที่มีสุขภาพดีสามารถอดอาหารได้ถึงสองวันโดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ
ต้องระวังท่าทางของคุณด้วย การหิ้วอาหารใหม่เข้ามาในบ้านแล้วนำไปใส่ในชามอาหาร และสั่งให้แมวกินอาหารใหม่ การทำแบบนี้อาจทำให้เจ้าเหมียวอดข้าวประท้วงได้ วิธีที่ดีกว่าคือคุณควรใช้น้ำเสียงที่น่าฟังแนะนำอาหารใหม่ให้เค้า ค่อย ๆ พูดให้เค้าลองกินอาหารใหม่ดู
ต้องใจแข็ง อย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ ในช่วงสองวันแรก ห้ามให้ขนมหรืออาหารเหลือจากมื้ออาหารของคุณเด็ดขาด! แมวสอนเราพอ ๆ กับที่เราสอนเค้า ถ้าคุณใจอ่อนจะยิ่งเป็นการสนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าวและทำให้การเปลี่ยนอาหารยากขึ้น
ทำใจเมื่อต้องเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด ปัญหาใหญ่ ๆ ในการเปลี่ยนอาหารเกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด หากแมวของคุณยังคงไม่ยอมกินอาหารเม็ด ลองเติมน้ำอุ่นผสมลงไป หรือลองนำอาหารไปอุ่นในไมโครเวฟให้พอร้อน และอย่าลืมว่าหากผสมน้ำเปล่ากับอาหารแล้ว ต้องนำไปทิ้งภายใน 20 นาที ถ้าหากแมวไม่กิน เพื่อป้องกันอาหารตกค้าง อาหารกระป๋องก็เช่นเดียวกัน หลังจากเค้าชินกับอาหารที่เติมน้ำแล้ว คุณจึงเปลี่ยนให้เค้าหันมากินอาหารเม็ดได้
แมวเลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ต้องเอาใจใส่อะไรมากมาย ชุดความเชื่อเหล่านี้ไม่เป็นความจริง! แม้จะพึ่งพาตัวเองได้ค่อนข้างดี แต่แมวเหมียวยังคงต้องการการดูแลอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การรักษาพยาบาล และการดูแลป้องกัน โดยแมวทุกตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและวัคซีน FVRCP เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสติดเชื้อร้ายแรง และลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
วัคซีนถูกพัฒนามาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง การฉีดวัคซีนให้แมวมักจะพิจารณาจากอายุ สุขภาพโดยรวม การใช้ชีวิต และสายพันธุ์ โดยวัคซีนสำหรับแมวแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ วัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก วัคซีนหลักจำเป็นสำหรับแมวทุกตัว ส่วนวัคซีนทางเลือกจะฉีดให้กับแมวหลังจากพิจารณาสถานการณ์บางอย่างแล้ว
การฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยปกป้องแมวจากการตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายแรงได้ โดยวัคซีนสำคัญที่ลูกแมวทุกตัวควรได้รับมีดังนี้
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าต้องฉีดเป็นประจำทุกปีหรือทุก ๆ 3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนที่คุณเลือก เพื่อปกป้องลูกแมวตัวน้อยจากไวรัสเรบีส์ที่อันตราย เชื้อชนิดนี้ไม่ได้พบแค่ในหมาแมวเท่านั้น แต่พบได้ในคนด้วย โดยแพร่กระจายผ่านการกัดหรือข่วนจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการก้าวร้าว สับสน และมีอาการกลัวน้ำหลังผ่านระยะฟักตัว โรคพิษสุนัขบ้าส่งผลร้ายแรงต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ ไม่มียารักษา อัตราเสียชีวิตก็สูง การฉีดวัคซีนป้องกันจึงจำเป็นมาก
ต่อกันด้วยวัคซีนรวมที่ช่วยป้องกันแมวจากไวรัสสามชนิด ได้แก่ ไวรัสไข้หัดแมว รวมถึงเชื้อ Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) และ Feline Calicivirus (FCV) ซึ่งก่อให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดในแมว ทั้งนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีน FVRCP เป็นประจำทุกปี
วัคซีน FeLV เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายผ่านทางของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยแมวอาจติดเชื้อขณะเลียขนหรือจากการใช้ชามอาหารชามน้ำร่วมกับแมวที่ติดเชื้อ ไวรัสร้ายแรงนี้อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจาง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรฉีดวัคซีน FeLV ให้แมวตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ วัคซีนนี้ประกอบด้วย 2 โดส โดยเว้นระยะห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์สำหรับลูกแมว และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อแมวอายุอย่างน้อย 16 สัปดาห์
วัคซีน FPV จะช่วยปกป้องแมวจากโรคไข้หัดแมว โดยลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FPV เมื่อมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และฉีดทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์จนกระทั่งอายุ 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ฉีดกระตุ้นในช่วงอายุ 1 – 2 ปี
วัคซีน F4 หรือ FVRCCP พัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรคหวัดแมว การติดเชื้อไวรัสคาลิไซในแมว โรคไข้หัดแมว และโรคติดเชื้อคลาไมเดียในแมวซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนของแมว อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ตาในระยะเริ่มแรกด้วย ลูกแมวควรได้รับวัคซีนชนิดนี้เมื่อมีอายุ 8, 12 และ 16 สัปดาห์ จากนั้นฉีดกระตุ้นซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุครบ 1 ปี และฉีดใหม่ทุก ๆ 3 ปี
วัคซีน F5 หรือ Fevac 5 เป็นวัคซีนรวมที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของลูกแมวเพื่อรับมือกับไวรัส 5 ชนิด การฉีดวัคซีนชนิดนี้จะช่วยให้ลูกแมวตัวน้อยปลอดภัยจากโรคร้ายแรงต่าง ๆ
หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว ลูกแมวของคุณอาจรู้สึกไม่สบายตัวและแสดงอาการผิดปกติเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างกลไกป้องกันเพื่อกำจัดไวรัสร้ายแรง โดยผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดวัคซีนมีดังนี้
อ่อนเพลีย เซื่องซึม
อยากอาหารลดลง
อาเจียน
มีไข้
ท้องเสีย
การฉีดวัคซีนป้องกันถือเป็นหนึ่งในการดูแลที่สำคัญ มันช่วยให้แมวมีสุขภาพแข็งแรง มีพลัง และกระฉับกระเฉง ขอแนะนำให้พ่อแม่แมวทุกคนวางแผนตารางการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสม โดยสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้