IAMS TH
Kitten Basics: Do Kittens Get Hairballs?
Kitten Basics: Do Kittens Get Hairballs?

adp_description_block16
การดูแลลูกแมวเบื้องต้น : ลูกแมวมีก้อนขนหรือไม่

  • แบ่งปัน

ลูกแมวก็มีก้อนขนได้แม้จะไม่พบบ่อยเท่าแมวโต วัยเด็กเป็นวัยที่เรียนรู้ได้ไว เมื่อเค้าโตขึ้นลูกแมวจะเริ่มพัฒนานิสัยการเลียทำความสะอาดขนขึ้นมา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดก้อนขนได้หากเค้ามีขนยาว
 

ก้อนขนมีสาเหตุมาจากอะไร?

แมวจำนวนมากใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำความสะอาดขนของตัวเอง ระหว่างที่เลียทำความสะอาดไปเจ้าเหมียวก็กลืนเส้นขนลงไปด้วย จนเกิดการสะสมในกระเพาะ หากก้อนขนไม่ไหลไปตามทางเดินอาหาร แมวจะพยายามไอหรือขย้อนเพื่อจำกัดก้อนขนออกมา

ตลอดอายุขัย แมวส่วนใหญ่ต้องเจอกับภาวะก้อนขนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่ลูกแมว แมวพันธุ์ขนยาว หรือแมวที่ทำความสะอาดขนบ่อย ๆ จะมีโอกาสพบก้อนขนมากกว่าปกติ

 

คุณจะช่วยลดก้อนขนในลูกแมวได้อย่างไร?

คุณสามารถช่วยลดภาวะก้อนขนในลูกแมวหรือแมวโตให้น้อยลงได้ด้วยเคล็ดลับต่อไปนี้

 

  • เปลี่ยนอาหาร

อาหารที่ใช้จะช่วยบรรเทาภาวะก้อนขนทั้งในลูกแมวและแมวโต อย่าง ไอแอมส์™ ชนิดเม็ดสูตร
บีทพัลพ์จะช่วยขยับก้อนขนไปตามทางเดินอาหาร

สำหรับแมวโต งานวิจัยของเราพบว่าไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรลดก้อนขน ช่วยขับก้อนขนออกมาทางอุจจาระได้มากกว่าอาหารเม็ดจากแบรนด์ชั้นนำถึง 80% นอกจากนี้ใยอาหารในสูตรยังประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่ทำให้เกิดการหมักระดับปานกลาง เพื่อบำรุงสุขภาพทางเดินอาหารอีกด้วย

 

  • ตรวจสุขภาพผิวหนังและขน

การรักษาสุขภาพผิวหนังและขนจะช่วยให้ขนร่วงน้อยลง ส่งผลให้แมวกลืนขนจากการเลียทำความสะอาดขนลดลง และลดการสะสมก้อนขนระหว่างที่เค้าเติบโตขึ้นเป็นแมวโตเต็มวัย นอกจากนี้โปรตีนและไขมันคุณภาพสูงจากสัตว์ที่พบได้ในสูตรอาหารลูกแมวของไอแอมส์™ ก็ให้สารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพผิวหนังและขนของเค้า

 

  • แปรงขนเป็นประจำ

สำหรับลูกแมวและแมวที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาก้อนขน คุณสามารถช่วยแปรงขนให้เค้าบ่อย ๆ เพื่อลดปริมาณขนที่เค้ากลืนเข้าไปได้

 

  • รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนสำหรับแมว
    รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนสำหรับแมว
    adp_description_block272
    รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนแมว

    • แบ่งปัน

    แมวเลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ต้องเอาใจใส่อะไรมากมาย ชุดความเชื่อเหล่านี้ไม่เป็นความจริง! แม้จะพึ่งพาตัวเองได้ค่อนข้างดี แต่แมวเหมียวยังคงต้องการการดูแลอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การรักษาพยาบาล และการดูแลป้องกัน โดยแมวทุกตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและวัคซีน FVRCP เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสติดเชื้อร้ายแรง และลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
     

    วัคซีนถูกพัฒนามาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง การฉีดวัคซีนให้แมวมักจะพิจารณาจากอายุ สุขภาพโดยรวม การใช้ชีวิต และสายพันธุ์ โดยวัคซีนสำหรับแมวแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ วัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก วัคซีนหลักจำเป็นสำหรับแมวทุกตัว ส่วนวัคซีนทางเลือกจะฉีดให้กับแมวหลังจากพิจารณาสถานการณ์บางอย่างแล้ว
     

    วัคซีนแต่ละชนิดและช่วงวัยที่เหมาะสมของแมว

    การฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยปกป้องแมวจากการตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายแรงได้ โดยวัคซีนสำคัญที่ลูกแมวทุกตัวควรได้รับมีดังนี้

    1. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

    วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าต้องฉีดเป็นประจำทุกปีหรือทุก ๆ 3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนที่คุณเลือก เพื่อปกป้องลูกแมวตัวน้อยจากไวรัสเรบีส์ที่อันตราย เชื้อชนิดนี้ไม่ได้พบแค่ในหมาแมวเท่านั้น แต่พบได้ในคนด้วย โดยแพร่กระจายผ่านการกัดหรือข่วนจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการก้าวร้าว สับสน และมีอาการกลัวน้ำหลังผ่านระยะฟักตัว โรคพิษสุนัขบ้าส่งผลร้ายแรงต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ ไม่มียารักษา อัตราเสียชีวิตก็สูง การฉีดวัคซีนป้องกันจึงจำเป็นมาก

    1. วัคซีน FVRCP

    ต่อกันด้วยวัคซีนรวมที่ช่วยป้องกันแมวจากไวรัสสามชนิด ได้แก่ ไวรัสไข้หัดแมว รวมถึงเชื้อ Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) และ Feline Calicivirus (FCV) ซึ่งก่อให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดในแมว ทั้งนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีน FVRCP เป็นประจำทุกปี

    1. วัคซีน FeLV

    วัคซีน FeLV เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายผ่านทางของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยแมวอาจติดเชื้อขณะเลียขนหรือจากการใช้ชามอาหารชามน้ำร่วมกับแมวที่ติดเชื้อ ไวรัสร้ายแรงนี้อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจาง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรฉีดวัคซีน FeLV ให้แมวตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ วัคซีนนี้ประกอบด้วย 2 โดส โดยเว้นระยะห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์สำหรับลูกแมว และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อแมวอายุอย่างน้อย 16 สัปดาห์

    1. วัคซีน FPV

    วัคซีน FPV จะช่วยปกป้องแมวจากโรคไข้หัดแมว โดยลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FPV เมื่อมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และฉีดทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์จนกระทั่งอายุ 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ฉีดกระตุ้นในช่วงอายุ 1 – 2 ปี

    1. วัคซีนรวม 4 โรค

    วัคซีน F4 หรือ FVRCCP พัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรคหวัดแมว การติดเชื้อไวรัสคาลิไซในแมว โรคไข้หัดแมว และโรคติดเชื้อคลาไมเดียในแมวซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนของแมว อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ตาในระยะเริ่มแรกด้วย ลูกแมวควรได้รับวัคซีนชนิดนี้เมื่อมีอายุ 8, 12 และ 16 สัปดาห์ จากนั้นฉีดกระตุ้นซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุครบ 1 ปี และฉีดใหม่ทุก ๆ 3 ปี

    1. วัคซีนรวม 5 โรค

    วัคซีน F5 หรือ Fevac 5 เป็นวัคซีนรวมที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของลูกแมวเพื่อรับมือกับไวรัส 5 ชนิด การฉีดวัคซีนชนิดนี้จะช่วยให้ลูกแมวตัวน้อยปลอดภัยจากโรคร้ายแรงต่าง ๆ
     

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน

    หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว ลูกแมวของคุณอาจรู้สึกไม่สบายตัวและแสดงอาการผิดปกติเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างกลไกป้องกันเพื่อกำจัดไวรัสร้ายแรง โดยผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดวัคซีนมีดังนี้

    1. อ่อนเพลีย เซื่องซึม

    2. อยากอาหารลดลง

    3. อาเจียน

    4. มีไข้ 

    5. ท้องเสีย

    6. มีอาการบวมหรือรอยแดงบริเวณที่ฉีด

    การฉีดวัคซีนป้องกันถือเป็นหนึ่งในการดูแลที่สำคัญ มันช่วยให้แมวมีสุขภาพแข็งแรง มีพลัง และกระฉับกระเฉง ขอแนะนำให้พ่อแม่แมวทุกคนวางแผนตารางการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสม โดยสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

Close modal