IAMS TH
cat article detail banner
cat article detail banner

adp_description_block191
วิธีอ่านฉลากอาหารแมวอย่างถูกต้อง

  • แบ่งปัน

เชื่อว่าทาสแมวทั้งหลาย ต้องเช็กข้อมูลส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการอย่างละเอียด ก่อนเลือกซื้ออาหารให้น้องเหมียวสุดเลิฟ แต่บางครั้งข้อมูลเหล่านี้ก็อาจสร้างความสับสน ต้องเลือกแบบไหน? เลือกอย่างไร? ให้มีสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสำหรับเจ้าตัวน้อยมากที่สุด ในบทความนี้ เราจึงรวบรวมจุดสังเกตสำคัญบนฉลากโภชนาการ เพื่อช่วยให้คุณอ่านและทำความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ตามมาดูกันเลย

ฉลากอาหารมีข้อมูลเกี่ยวกับอะไรบ้าง?

ฉลาก จะต้องบ่งบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้

  • คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี
  • ข้อมูลบริษัทและการบริการลูกค้า
  • ส่วนผสมในการผลิตอาหาร
  • รหัสระบุผลิตภัณฑ์ และวันหมดอายุ
  • ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน
  • มาตรฐาน AAFCO

คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี

ข้อมูลในส่วนนี้จะบอกอัตราส่วนสูงสุดหรือต่ำสุดของปริมาณสารอาหารแต่ละชนิด โดยเปอร์เซ็นสูงสุด (ไม่น้อยกว่า %) หมายถึงสารอาหารที่มีปริมาณมากที่สุด ส่วนเปอร์เซ็นต่ำสุด (ไม่มากกว่า %) หมายความว่ามีปริมาณสารอาหารอย่างน้อยกี่เปอร์เซ็น ทั้งนี้ฉลากอาหารแมวควรระบุปริมาณส่วนประกอบและสารอาหารสำคัญจำนวน 4 ชนิด ซึ่งได้แก่

  • โปรตีน (ไม่น้อยกว่า %)
  • ไฟเบอร์ (ไม่มากกว่า %)
  • ไขมัน (ไม่มากกว่า %)
  • ความชื้น (ไม่มากกว่า %)

ตัวอย่างเช่น หากฉลากบนผลิตภัณฑ์ระบุว่ามี โปรตีน ไม่น้อยกว่า 25% แปลว่าคุณค่าของโปรตีนที่ได้รับต้องมีปริมาณอย่างน้อย 25% หรือมากกว่า การคำนวณคุณค่าสารอาหารเหล่านี้ต้องวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น

ฉลากอาหารอาจระบุส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น แมกนีเซียม (ไม่น้อยกว่า %) ,ทอรีน (ไม่มากกว่า %) ,เถ้า หรือส่วนของสารอนินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารหลังการเผาผลาญ (ไม่น้อยกว่า %) และกรดลิโนเลอิก (ไม่มากกว่า %)

  • แม้ว่าคุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมีจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบความแตกต่างของอาหารแมวแต่ละชนิด อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถใช้วัดคุณภาพของอาหารหรือบ่งบอกคุณค่าของสารอาหารที่ได้รับโดยตรง วิธีเดียวที่จะเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสม คือการคำนวณปริมาณพลังงานที่ใช้ได้จากสารอาหาร โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ทางผู้ผลิตให้มานั่นเอง

การควบคุมคุณภาพของอาหารแมว

  1. มาตรฐาน AAFCO

อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการตรวจสอบจาก AAFCO (Association of American Feed Control Officials) ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐในอเมริกาเหนือ ทำหน้าที่กำหนดมาตราฐานโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง หากตรวจสอบแล้วว่าการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม บนบรรจุภัณฑ์ก็จะมีสัญลักษณ์ของ AAFCO รับรองอยู่ ทั้งนี้มั่นใจได้เลยว่าการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของ มาร์ส เพ็ทแคร์ เป็นไปตามมาตรฐานของ AAFCO รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก

ส่วนผสมในการผลิตอาหาร

รายการของส่วนผสมจะเรียงลำดับตามปริมาณมากไปน้อย

แม้จะระบุรายการและอัตราส่วนของส่วนผสมต่าง ๆ มาให้ แต่เราก็ไม่สามารถพิจารณาคุณภาพของส่วนผสมได้อย่างชัดเจน การตรวจสอบคุณภาพของอาหารต้องผ่านการวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น

โดยฉลากอาหารแมวจำเป็นต้องระบุข้อมูลสำคัญเหล่านี้

  • ข้อมูลโดยรวม – ชื่อแบรนด์อาหารและส่วนผสมหลักในการผลิตอาหาร เช่น ข้าวและเนื้อไก่
  • ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย – เป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิตอาหาร เพื่อใช้สำหรับการติดต่อในกรณีที่พบปัญหาเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์
  • ปริมาณสุทธิของอาหาร – บอกถึงปริมาณอาหารทั้งหมดที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์
  • รายการส่วนผสม –ส่วนผสมที่สำคัญจะแสดงเป็นร้อยละของน้ำหนักโดยประมาณ โดยจะเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย
  • การตามสอบ – เป็นข้อมูลที่ใช้ตรวจสอบแหล่งผลิตอาหาร หรือตลอดทุกขั้นตอนในการผลิต
  • แถลงการณ์เรื่องความเพียงพอทางโภชนาการ – เพื่อชี้แจงว่าอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ รวมถึงอธิบายว่าเหมาะสำหรับน้องแมวช่วงวัยใดบ้าง
  • คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี – จะบ่งบอกปริมาณสารอาหารในรูปแบบอัตราส่วนร้อยละ โดยต้องระบุปริมาณของโปรตีน ไขมัน ไฟเปอร์ และความชื้นอย่างครบถ้วน หรืออาจระบุส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วยได้
  • ปริมาณพลังงาน – อาจระบุเป็นกิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม หรือระบุด้วยหน่วยวัดอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป เช่น กิโลแคลอรีต่อถ้วย
  • ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน – เป็นแนวทางในการกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวัน หรือปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว

แถลงการณ์เรื่องความเพียงพอทางโภชนาการของ AAFCO

อาหารสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ต้องมีข้อความเกี่ยวกับความเพียงพอทางโภชนาการของ AAFCO โดยจะมีการกำหนดหรือทดสอบตามขั้นตอนและคำแนะนำของ AAFCO

  • 'ตามสูตร' หมายความว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการผลิตตามหลักเกณฑ์ด้านโภชนาการของ AAFCO แต่ไม่มีการทดสอบอาหารกับสัตว์เลี้ยงก่อนจำหน่าย
  • 'ทดสอบ' คือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบด้านโภชนาการ และมีการทดสอบอาหารกับสัตว์เลี้ยงเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามเกณฑ์ด้านการเจริญเติบโต การบำรุงรักษา และ/หรือการสืบพันธุ์

ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์อาจระบุข้อความ เช่น 'ผลิตภัณฑ์นี้มีไว้สำหรับการให้อาหารชั่วระยะเวลาเท่านั้น' และ 'ใช้ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้น'

รหัสระบุผลิตภัณฑ์ และวันหมดอายุ

รหัสการผลิตจะถูกใช้ในการติดตามผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา ใช้ตรวจสอบสินค้าคงคลัง และจัดการกับปัญหาที่ลูกค้าพบเจอได้ดีขึ้น

วันหมดอายุหรือวันที่ “ควรบริโภคก่อน” ใช้ในการพิจารณาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์และอายุการเก็บรักษา

วิธีอ่านฉลากโภชนาการ

เคล็ดลับง่าย ๆ ในการอ่านฉลากโภชนาการ มีดังนี้

  • สังเกตชื่อผลิตภัณฑ์ – เพื่อเช็กชนิดและรสชาติของอาหาร โดยชื่อผลิตภัณฑ์มักจะเน้นส่วนผสมหลักหรือรสชาติของอาหาร
  • สังเกตประเภทของอาหาร – ต้องระบุว่าเป็นอาหารสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ เพราะพวกเค้ามีความต้องการทางโภชนาการที่เฉพาะเจาะจง และแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ
  • เลือกอาหารที่ใช่ – ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ช่วยให้เราเลือกอาหารได้ดีขึ้น โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าอาหารมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลหรือไม่ เหมาะกับช่วงวัยของน้องแมวหรือเปล่า อาหารบางชนิดก็อาจระบุว่าเหมาะสำหรับแมวทุกช่วงอายุ สำหรับแมววัยผสมพันธุ์ หรือแมวที่เลี้ยงแบบระบบปิด

ข้อมูลบริษัทและการรับประกันความพึงพอใจ

ข้อมูลของผู้ผลิตควรประกอบด้วยชื่อบริษัท ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว

ควรมีหมายเลขโทรศัพท์โทรฟรีเพื่อความสะดวกของลูกค้า และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินเมื่อมีการโทรขอข้อมูลเพิ่มเติม

นอกจากจะระบุการรับประกันสินค้าแล้ว ผู้ผลิตต้องระบุด้วยว่ามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามความพึงพอใจของลูกค้า (เช่น การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ การคืนเงิน ฯลฯ)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์

  1. อาหารแมวควรมีโปรตีนกี่เปอร์เซ็นต์?
  2. อาหารแมวควรมีปริมาณโปรตีนอย่างน้อย 26% หลังหักปริมาณความชื้นออกไปแล้ว จึงจะถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลตามมาตรฐาน AAFCO

  3. อาหารแมวสูตรแมวโต (+1) และสูตรแมวโต (+7) แตกต่างกันอย่างไร?
  4. สิ่งที่แตกต่างกันคือปริมาณใยอาหารและปริมาณแคลอรี โดยอาหารสูตรแมวโต (+7) จะมีใยอาหารสูงกว่าและมีแคลอรีน้อยกว่า แต่สัดส่วนของโปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุจะเท่ากันกับสูตรแมวโต (+1)

  5. ข้อมูลใดที่ไม่จำเป็นต้องระบุบนฉลากอาหารแมว?
  6. ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของส่วนผสมอาหารบนฉลากอาหารแมว

  7. อาหารสัตว์เลี้ยงถูกควบคุมโดยองค์การอาหารและยาด้วยใช่หรือไม่?
  8. ใช่ การผลิตอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงจะอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การอาหารและยา

  • Our Favorite Tips to Train a Kitten
    Our Favorite Tips to Train a Kitten
    adp_description_block53
    รวมเคล็ดลับฝึกลูกแมวให้เป็นเด็กดีและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม

    • แบ่งปัน

    การรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้านเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเจ้าของทุกคน มีสิ่งสำคัญมากมายที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้เจ้าตัวน้อยทั้งหลายเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย และหนึ่งในนั้นคือการฝึกลูกแมวอย่างเหมาะสม ซึ่งจำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและทางพฤติกรรม โดยในช่วงวัยเจริญเติบโต สมองของลูกแมวเปรียบเสมือนฟองน้ำ พวกเค้าจะดูดซับข้อมูลและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักจากเจ้าของ มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะเติบโตเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ปรับตัวได้ดี มีความสุข และมีสุขภาพดี โดยคุณสามารถติดตามทุกเรื่องน่ารู้และเคล็ดลับการฝึกลูกแมวได้จากบทความนี้ 

     

    เคล็ดลับการฝึกลูกแมวให้ได้ผล

    สำหรับทาสแมวมือใหม่ ต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกลูกแมวควรเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเป็นการส่งเสริมในเชิงบวก คุณสามารถสอนลูกแมวได้ทุกอย่างตั้งแต่คำสั่งพื้นฐานไปจนถึงการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและการฝึกอย่างสม่ำเสมอ หรือจะลองใช้เคล็ดลับง่าย ๆ ต่อไปนี้ด้วยก็ได้เช่นกัน

     

    1. ฝึกสอนคำสั่งที่สำคัญ

      การฝึกลูกแมวให้นั่งควรเป็นขั้นตอนแรกในการฝึก เริ่มด้วยการถือขนมไว้หน้าจมูกลูกแมว จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปเหนือหัว  เพื่อให้ลูกแมวเงยหน้าขึ้นมองตามขนม ซึ่งก้นของพวกเค้าจะค่อย ๆ ย่อลงกับพื้นตามธรรมชาติ ทันทีที่พวกเค้านั่งลง ให้พูดคำสั่งว่า 'นั่ง' แล้วค่อยยื่นขนมให้พวกเค้าเป็นลำดับต่อไป ทำขั้นตอนนี้ซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าพวกเค้าจะเข้าใจคำสั่ง
       

    2. จัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว

      การจัดเตรียมพื้นที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับเจ้าตัวน้อยเป็นสิ่งสำคัญ คุณอาจจะเตรียมกล่องลังหรือกรงไว้ให้พวกเค้าภายในบ้าน สำหรับการฝึกให้อยู่ในกรง ให้วางผ้าห่มนุ่ม ๆ และของเล่นไว้ข้างใน จากนั้นปล่อยให้ลูกแมวสำรวจรอบ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อพวกเค้าเข้าไปข้างในกรงก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชม คุณสามารถปิดประตูเป็นช่วงสั้น ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการฝึกครั้งต่อ ๆ ไป
       

    3. เปิดโอกาสให้สำรวจโลกรอบ ๆ ตัว

      การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของการฝึกลูกแมว เริ่มต้นด้วยการแนะนำให้ลูกแมวรู้จักกับเพื่อน คนในครอบครัว และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน อาจจะพาเจ้าตัวน้อยเหล่านี้นั่งรถเล่นในระยะทางสั้น ๆ เพื่อให้สัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ ตัว ทั้งภาพ เสียง และกลิ่น ยิ่งได้สัมผัสกับผู้คน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากเท่าไร พวกเค้าก็จะยิ่งมีความมั่นใจและปรับตัวได้ดีเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
       

    4. ช่วงเวลาเล่นสนุกสำคัญที่สุด

      การฝึกลูกแมวให้เล่นเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ เริ่มต้นด้วยการแนะนำเจ้าลูกเหมียวให้รู้จักกับของเล่นชนิดต่าง ๆ และคอยสังเกตว่าของเล่นชิ้นไหนที่พวกเค้าสนใจมากที่สุด เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มสนุกแล้ว คุณอาจชวนพวกเค้าเล่นเกมสนุก ๆ เช่น คาบของ ตะครุบเหยื่อ และชักเย่อ
       

    5. ฝึกใช้กระบะทราย

      เจ้าของควรเริ่มฝึกให้พวกเค้าใช้กระบะทรายตั้งแต่ยังเด็ก โดยวางลูกแมวไว้ในกระบะทรายทุกครั้งหลังมื้ออาหารและหลังการงีบหลับ เมื่อพวกเค้าใช้กระบะทราย ก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชมเชย ทั้งนี้ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่สงบและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงต้องทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำด้วย
       

    6. ปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม

      พฤติกรรมการกินอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าเหมียว จึงควรฝึกให้พวกเค้ามีพฤติกรรมที่เหมาะสม เริ่มต้นด้วยการสอนให้พวกเค้ากินอาหารจากชามและดัดนิสัยชอบขอของกิน นอกจากนี้ควรให้อาหารลูกแมวเป็นเวลาและกำหนดปริมาณตามคำแนะนำ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
       

    7. ฝึกให้จำชื่อตัวเอ

      เป็นการฝึกที่สำคัญและมีประโยชน์ไม่น้อยเลย โดยคุณอาจเริ่มต้นด้วยการเรียกชื่อเจ้าตัวน้อยของคุณ จากนั้นให้รางวัลหรือชมเชยเมื่อพวกเค้าตอบสนองต่อการเรียก โดยแนะนำให้ฝึกเรียกชื่อพวกเค้าบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
       

      การฝึกลูกแมวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอดทนและความสม่ำเสมอ เจ้าเหมียวอาจใช้เวลาสักพักในการเรียนรู้คำสั่งหรือทักษะต่าง ๆ ทั้งนี้เจ้าของควรเลือกฝึกในเชิงบวกและต้องทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุก! อย่าลืมมอบความรัก พูดชมเชย และให้ขนมแสนอร่อยเป็นรางวัลตลอดการฝึกด้วย

Close modal