เช่นเดียวกันกับคน ปัญหาน้ำหนักเกินเป็นต้นเหตุของโรคร้ายมากมายในสุนัข โดยสาเหตุหลักมาจากการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ และการให้อาหารปริมาณที่มากเกินไป หากคุณพบว่าน้องหมามีน้ำหนักตัวขึ้น โดยที่ให้อาหารปริมาณเท่าเดิม และออกกำลังเป็นประจำ นั่นอาจเป็นผลข้างเคียงจากความผิดปกติของฮอร์โมน ทั้งนี้น้องหมาที่มีน้ำหนักเกินอาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ กระดูกเสื่อม ข้อต่ออักเสบ และโรคร้ายอีกมากมาย เราจึงควรดูแลให้พวกเค้ามีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม
มาดูกันว่าเจ้าตัวน้อยของคุณอยู่ระดับไหนในตารางน้ำหนักนี้
น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์: คุณสามารถสังเกตเห็นกระดูกซี่โครง กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกรานของพวกเค้าได้อย่างชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกินปกคลุมส่วนไหนของร่างกาย พวกเค้าอาจมีภาวะกล้ามเนื้อลีบ
น้ำหนักมาตรฐาน: คุณสามารถคลำเจอกระดูกซี่โครง กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกรานได้โดยง่าย เห็นเอวได้อย่างชัดเจนเมื่อมองจากด้านบนและด้านข้าง สำหรับน้องหมาขนสั้นอาจสังเกตเห็นกระดูกซี่โครงบางส่วน ในขณะที่พวกเค้าบิดตัว วิ่งเล่น หรือออกกำลังกาย
น้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์: น้องหมาที่มีน้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์ คือมีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักมาตรฐาน 10 - 20 % คลำเจอกระดูกซี่โครงได้ยาก มีไขมันส่วนเกินปกคลุมบริเวณท้องและหาง แผ่นหลังนูนและกว้างขึ้น แนะนำให้จัดตารางออกกำลังกายเพื่อกำจัดน้ำหนักส่วนเกินออกไป
ภาวะอ้วน: น้องหมาที่มีภาวะอ้วน คือมีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักมาตรฐาน 20% ขึ้นไป คลำไม่พบกระดูกซี่โครงเพราะมีไขมันปกคลุม บริเวณคอและท้องห้อยย้อยอย่างเห็นได้ชัด
หากคุณเลี้ยงน้องหมาพันธุ์เล็ก คุณสามารถชั่งน้ำหนักให้พวกเค้าได้เองที่บ้าน ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
ขั้นที่หนึ่ง – เริ่มจากชั่งน้ำหนักตัวคุณเองก่อน พร้อมจดน้ำหนักเอาไว้
ขั้นที่สอง – อุ้มน้องหมาขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง ขึ้นชั่งน้ำหนักอีกครั้ง พร้อมจดน้ำหนักเอาไว้
ขั้นที่สาม – คำนวณน้ำหนักของน้องหมา ด้วยการลบน้ำหนักตัวคุณออกจากน้ำหนักที่ชั่งพร้อมกับน้องหมา
วิธีการนี้ไม่เหมาะสำหรับน้องหมาพันธุ์กลางและใหญ่ เพราะขนาดตัวทำให้อุ้มได้ยาก และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักด้วยวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัย
คุณสามารถดูแลน้องหมาที่คุณรักให้มีน้ำหนักตัวตามเกณฑ์มาตรฐานได้ง่าย ๆ หากปฏิบัติตามคำแนะนำ และขั้นตอนที่สำคัญดังต่อไปนี้
น้องหมาจะมีสุขภาพดีเมื่อมีการควบคุมปริมาณอาหารอย่างเหมาะสม และถูกฝึกให้กินอาหารตรงเวลา ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารปรุงเอง เพราะพวกเค้ามีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างจากคน และมันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
มีอาหารสุนัขมากมายให้เราได้เลือกซื้อกันในท้องตลาด ซึ่งมีส่วนประกอบและสารอาหารที่แตกต่างกันไป แต่หากคำนึงถึงเรื่องการควบคุมน้ำหนักเป็นสำคัญ อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรควบคุมน้ำหนักสำหรับสุนัขโตเต็มวัย และอาหารสุนัขไอแอมส์™ เฮลท์ตี้ เนเชอรัล™ สูตรควบคุมน้ำหนัก รสไก่ คือตัวเลือกที่ดีสำหรับน้องหมา
ด้วยความน่ารักและสายตาที่ออดอ้อนของเจ้าตัวน้อย อาจทำให้เราเผลอตัวแบ่งเบคอนแสนอร่อยหรือเนื้อชิ้นโตให้กับพวกเค้าได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอดทนกับการอ้อนที่แสนน่ารัก แต่เราต้องทำให้ได้ เพราะการแบ่งอาหารที่เรากิน คือการเพิ่มปริมาณไขมันให้น้องหมา และส่งเสริมให้พวกเค้าติดนิสัยขอกินอาหารตลอดเวลา
อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมน้ำหนักตัวของน้องหมา หากคุณมีตารางเวลาที่ยุ่งวุ่นวาย อาจแบ่งเวลาบางช่วงมาชวนน้องหมาเล่นเกมสนุก ๆ อย่างชักเย่อ หรือพากันไปวิ่งจ๊อกกิ้งระยะสั้น ๆ แต่หากมีเวลามากขึ้น อาจชวนพวกเค้าเล่นคาบจานร่อน หรือฝึกเคลื่อนไหวข้ามสิ่งกีดขว้าง ทั้งนี้น้องหมาที่ไม่ได้ออกกำลังอย่างเหมาะสม อาจมีแนวโน้มให้เกิดภาวะเครียดได้
แน่นอนว่าเมื่อน้องหมาเป็นเด็กดีเชื่อฟัง เราก็ต้องอยากให้รางวัลเป็นขนมแสนอร่อย ซึ่งสามารถทำได้แต่ต้องระมัดระวังปริมาณแคลอรี่และไขมันที่อาจมากเกินความต้องการด้วย จึงควรเลือกชนิดของขนมและควบคุมปริมาณอย่างเหมาะสม
โดยส่วนใหญ่ปัญหาน้ำหนักเกิน เกิดจากการกินที่มากกว่าการเบิร์นออก แต่หากควบคุมอาหารแล้ว ออกกำลังกายเป็นประจำก็แล้ว แต่น้ำหนักตัวของน้องหมายังไม่ลดลง แนะนำให้พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กโรคไทรอยด์ เช็กการทำงานของระบบเผาผลาญ หรือความผิดปกติฮอร์โมนอื่น ๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกันไปก่อน หากการลดน้ำหนักจะไม่เห็นผลในทันที การต่อสู้กับโรคอ้วนต้องอาศัยการปลูกฝังนิสัยการกินที่ดี และมีวินัยในการออกกำลังกาย หากคุณทำตามคำแนะนำข้างต้นด้วยความตั้งใจและอดทนแล้ว การคุมน้ำหนักให้น้องหมาก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยหล่ะ
การลดน้ำหนักน้องหมาควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม และเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ควรให้อาหารที่มีไขมันต่ำอย่างอาหารสุนัขไอแอมส์™ สูตรควบคุมน้ำหนัก ที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี รวมถึงควรพาพวกเค้าออกกำลังกายเป็นประจำด้วย
หากน้องหมาของคุณมีน้ำหนักตามมาตรฐาน คุณจะสังเกตเห็นเอวได้อย่างชัดเจน แต่หากมองจากด้านบนแล้วพบว่าเอวหาย หรือบริเวณเอวและสะโพกใหญ่มาก จนมองเห็นเป็นทรงกลม นั่นแปลว่าพวกเค้ามีน้ำหนักเกินแล้ว ทั้งนี้คุณสามารถเทียบลักษณะต่าง ๆ ของน้องหมาเพิ่มเติมได้จากตารางน้ำหนักข้างต้น
หากน้องหมาของคุณมีน้ำหนักตามมาตรฐาน คุณจะสามารถคลำเจอกระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครงของพวกเค้าได้ แต่หากสามารถมองเห็นกระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครง และเอวคอดได้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าน้องหมาของคุณกำลังขาดสารอาหาร และต้องเพิ่มน้ำหนักตัว
ได้อย่างแน่นอน การเดินเล่นเป็นวิธีออกกำลังกายที่ดี และช่วยลดน้ำหนักได้
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจไม่ได้เกิดจากปริมาณอาหารที่กินเสมอไป มันอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญอาหาร หรือความผิดปกติของฮอร์โมนได้เช่นกัน
ลูกสุนัขตัวเล็กพร้อมนำความสุขมาให้พวกเราตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าบ้าน และการดูแลพวกเค้าอย่างดีก็กลายเป็นนิสัยติดตัวของเรา เชื่อว่าเจ้าของหลาย ๆ คนอาจมีคำถามว่า “เราควรดูแลลูกสุนัขอย่างไรดี?” บอกได้เลยว่าการดูแลลูกสุนัขนั้นแสนง่ายดาย หากรู้วิธีที่ถูกต้อง ซึ่งไอแอมส์ได้รวบรวมคำตอบและเทคนิคดี ๆ อีกมากมายมาให้คุณแล้ว
เจ้าตัวน้อยสี่ขาต้องการอาหารที่ดีมีคุณภาพ และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพราะพวกเค้าช่างเปราะบาง มีโอกาสเจ็บป่วยและติดโรคร้ายได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีนิสัยชอบเคี้ยวสิ่งของต่าง ๆ จึงต้องคอยระมัดระวังไม่ให้กลืนสิ่งของอันตรายลงท้อง และควรจัดเตรียมของเล่นสำหรับกัดแทะไว้ให้พวกเค้าแทน
หากเลือกให้อาหารคุณภาพดีตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข พวกเค้าก็จะเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย การดูแลโภชนาการอย่างเหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มันช่วยลดความเสี่ยงในการล้มป่วยและการมีปัญหาสุขภาพลง นอกจากนี้ควรพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นประจำ หากไม่ได้ออกกำลังหรือไม่ทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเลย อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ ซึ่งทั้งสองข้อนี้คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ตารางพัฒนาการนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัยของเจ้าตัวน้อยที่แสนน่ารักได้ดียิ่งขึ้น:
พัฒนาการลูกสุนัข | 0-7 สัปดาห์ | 7-8 สัปดาห์ | 8-10 สัปดาห์ | 8-16 สัปดาห์ | 4-6 เดือน | 6-12 เดือน | 12-18 เดือน |
ลักษณะการเปลี่ยนแปลง | ลูกสุนัขเริ่มเรียนรู้พฤติกรรมทางสังคม เช่น การกัด การยอมจำนน การให้ความสนใจ และการโต้ตอบกับน้องหมาตัวอื่น | เป็นช่วงวัยที่ดีที่สุดในการเชื่อมความสัมพันธ์กับเจ้าของ | ถือเป็นช่วงเวลาที่ลูกสุนัขอ่อนแอที่สุด อาจเรียกอีกอย่างว่า 'ช่วงเวลาแห่งความกลัว' เป็นการดีที่สุดหากช่วยให้ลูกสุนัขมีประสบการณ์เชิงบวก | สามารถเริ่มฝึกทักษะต่าง ๆ ได้แล้วในช่วงนี้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษขณะฝึก | ลูกสุนัขจะมีความมั่นใจ และต้องการอิสระมากขึ้น | เป็นช่วงเวลาในการปลดปล่อยพลังงาน ควรจัดหากิจกรรมมาให้พวกเค้าทำแก้เบื่อด้วยนะ | เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยนี้ ลูกสุนัขจะเริ่มมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่มั่นคงขึ้น |
เริ่มฝึกทักษะขั้นพื้นฐานให้พวกเค้าได้แล้ว | ควรปลอบโยนเวลาที่พวกเค้ารู้สึกกลัวหรือเสียใจ | สามารถทำหมันได้เมื่อมีอายุ 6 เดือน | ควรเตรียมของเล่นที่หลากหลายไว้ให้พร้อม | ในช่วงนี้ น้องหมาจะพยายามขึ้นเป็นจ่าฝูง และพยายามยืนยันสถานะของตัวเอง |
การต้อนรับลูกสุนัขมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องจัดการหลังพาพวกเค้าเข้าบ้านแล้ว และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้การดูแลนั้นง่ายขึ้น: