แมวเหมียวมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ จึงไม่แปลกหากพวกเค้าจะติดนิสัยช่างเลือกไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกของเล่นที่ชอบหรือกิจกรรมที่ทำ โดยทั่วไปความช่างเลือกเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ทาสแมวควรเป็นกังวลและหาวิธีแก้ไขหากเป็นเรื่องแมวกินยากหรือแมวเลือกกิน เบื้องต้นคุณอาจลองเปลี่ยนอาหารดูก่อน แต่ถ้าพวกเค้ายังไม่ยอมกินอาหารใหม่ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่าเจ้าเหมียวส่วนใหญ่มีนิสัยช่างเลือก พวกเค้าอาจดื้อรั้นในช่วงแรก แต่จะปรับตัวเข้ากับกิจวัตรประจำวันที่กำหนดไว้ได้ในที่สุด ตามมาดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเข้าใจนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวมากยิ่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
พฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพราะนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวเสมอไป แต่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ
สำหรับทาสแมวที่กำลังเผชิญปัญหาแมวกินยาก ลองทำตามเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ได้เลย
การเปลี่ยนอาหารใหม่อาจเรื่องยากและจำเป็นต้องทดลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไอแอมส์™ ตระหนักดีว่า พ่อแม่เหมียวทั้งหลายต่างก็ต้องการตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น อาหารแมวของไอแอมส์™ จึงมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดสำหรับแม่และลูกแมว อาหารเม็ดสำหรับแมวโต และอาหารเม็ดสูตรเลี้ยงในบ้านและบำรุงก้อนขน โดยอาหารแมวไอแอมส์™ ทุกสูตร มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล ทั้งนี้คุณสามารถปรึกษาเรื่องการเลือกอาหารเพิ่มเติมได้จากทั้งสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจากไอแอมส์™
นี่คือสิ่งที่ทาสแมวทุกคนควรรู้เกี่ยวกับเจ้าเหมียว
สามารถทำตามวิธีเหล่านี้ดูได้ เช่น อุ่นอาหารก่อนเสิร์ฟ ปล่อยให้น้องแมวกินอาหารในมุมส่วนตัว หรือเสิร์ฟอาหารในชามที่สะอาด แต่ถ้าน้องแมวยังไม่ยอมกิน อาจต้องเปลี่ยนมาเสิร์ฟเมนูโปรดของพวกเค้าแทน
หากเจ้าเหมียวไม่ยอมกินอาหาร ให้ลองเติมน้ำซุปไก่ น้ำซุปปลา หรือน้ำมันปลาลงในอาหารของพวกเค้า อาจจะอุ่นอาหารก่อนเสิร์ฟด้วย หรือจะลองเปลี่ยนมาให้อาหารใหม่ดูก็ได้
คำตอบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้น้องแมวไม่ยอมกินอาหาร น้องแมวบางตัวเมื่อรู้สึกหิวก็จะยอมกินอาหารแต่โดยดี แต่บางตัวอาจไม่และเลือกที่จะอดอาหาร หากพบว่าน้องแมวไม่กินอะไรเลยทั้งวัน ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์
กลิ่นคือสิ่งที่กระตุ้นความอยากอาหารของเจ้าเหมียวได้มากที่สุด หากอาหารมีกลิ่นหอมอย่างที่พวกเค้าชอบ (เช่น เนื้อไก่หรือปลา) ความอยากอาหารของพวกเค้าก็จะเพิ่มขึ้น
สมาคมควบคุมอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งอเมริกา (Association of American Feed Control Officials: AAFCO) ก่อตั้งขึ้นในปี 1909 เพื่อกำหนดมาตรฐานข้อบังคับในอุตสาหกรรมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ AAFCO จะไม่ใช่หน่วยงานรัฐบาล แต่ก็เป็นองค์กรที่ปฏิบัติงานสอดคล้องกับกฎหมายของรัฐบาลกลางและกฎหมายประจำรัฐต่าง ๆ รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้โดยองค์การอาหารและยา (FDA) และกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA)
AAFCO เป็นหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐาน หรือขอบเขตของข้อบังคับต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ผลิตระบุข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับการใช้อาหารสัตว์รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย
ทุก ๆ ปี AAFCO จะเผยแพร่หนังสือชื่อว่า คู่มือ AAFCO (AAFCO Manual) โดยคู่มือฉบับนี้ได้ระบุความหมายของวัตถุดิบและคำศัพท์ในการให้อาหารต่าง ๆ อธิบายปัญหาข้อสรุปของปัญหาการเขียนฉลากต่าง ๆ เช่น รูปแบบของฉลาก รายชื่อวัตถุดิบ คำกล่าวอ้างด้านโภชนาการ และบทวิเคราะห์ที่การันตี เป็นต้น
ข้อบังคับนี้แตกต่างจากกฎหมาย อย่างไรก็ดี รัฐบาลประจำรัฐหลายแห่งได้นำเอาระเบียบบังคับอาหารสัตว์เลี้ยงของ AAFCO มาบังคับใช้เป็นกฎหมายประจำรัฐ
“คำประกาศ AAFCO ว่าด้วยความพอเพียงหรือจุดประสงค์ด้านโภชนาการ” หรือ “คำกล่าวอ้างโภชนาการ” หรือ “คำกล่าวอ้างความครบถ้วนและสมดุล” ระบุว่าผลิตภัณฑ์ได้รับอนุญาตให้ใช้กับช่วงวัย/ไลฟ์สไตล์ใด ผู้ผลิตอาหารต้องผ่านการขอคำรับรองภายใต้ข้อบังคับของ AAFCO จึงจะสามารถระบุคำประกาศนี้ได้
AAFCO กำหนดขั้นตอนการคำรับรองเพื่อใช้คำกล่าวอ้างไว้ 3 วิธี ได้แก่
ทำการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปกับคุณค่าทางโภชนาการขั้นต่ำ ที่ระบุไว้ในหลักโภชนาการสำหรับสุนัขและแมวของ AAFCO (AAFCO Nutrient Profiles)
ฉลากจะระบุว่า “อาหารสุนัข (แมว) ABC ผ่านการคิดค้นสูตรโดยมีระดับสารอาหารเป็นไปตามหลักโภชนาการของสุนัข (แมว) ของ AAFCO สำหรับ (ช่วงวัยที่เหมาะสม)”
ทดสอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในห้องปฏิบัติการโดยทดลองให้สุนัข หรือแมวกินตามกระบวนการของ AAFCO
ฉลากจะระบุว่า “การทดสอบให้อาหารสัตว์ตามกระบวนการของ AAFCO รับรองว่าอาหารสุนัข (แมว) ABC ให้สารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับ (ช่วงวัยที่เหมาะสม)”
เปรียบเทียบผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปกับคุณค่าสารอาหารจากผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันซึ่งให้สุนัขและแมวกินตามกระบวนการของ AAFCO
ฉลากจะระบุว่า “อาหารสุนัข (แมว) ABC ให้สารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับ (ช่วงวัยที่เหมาะสม) และมีความเพียงพอด้านโภชนาการใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ มีคำรับรองจากการทดสอบให้อาหารสัตว์ของ AAFCO”
AAAFCO ได้กำหนดกระบวนการ หรือคำแนะนำในการดำเนินการทดสอบให้อาหารสัตว์ไว้อย่างชัดเจน โดยกระบวนการจะกำหนดเกณฑ์การทดสอบต่าง ๆ ไว้ เช่น
อาหารสัตว์เลี้ยงที่ระบุว่า “ทุกช่วงวัย” สามารถใช้กับสัตว์ตั้งแต่ช่วงหย่านมไปจนถึงช่วงโตเต็มวัย คำกล่าวอ้างนี้ ถือเป็นมีความพอเพียงด้านโภชนาการอย่าง (สมบูรณ์) เด็ดขาด ในกรณีที่ผ่านการรับรองจากการทดสอบให้อาหาร ต้องทดสอบในสัตว์ที่ตั้งครรภ์/ให้นมลูก และที่ยังมีพัฒนาอยู่ด้วยตามลำดับโดยต้องเป็นสัตว์กลุ่มเดียวัน
ระเบียบ AAFCO มีการบังคับการใช้คำหรับอาหารที่ผลิตขึ้นตามความต้องการพิเศษซึ่งจำเป็นต้องมีสัตวแพทย์คอยวินิจฉัย จัดการ และติดตามผล
การทำความเข้าใจกับคำประกาศ AAFCO ว่าด้วยความเพียงพอด้านโภชนาการจะช่วยให้ลูกค้าได้รับอาหารคุณภาพสูงที่มีสารอาหารครบถ้วนและสมดุล ทั้งยังเหมาะกับช่วงวัยที่กำหนดสำหรับสุนัขและแมว