IAMS TH
Why Fiber Is Important for Your Cat’s Nutrition
Why Fiber Is Important for Your Cat’s Nutrition

adp_description_block358
เหตุผลที่ทาสแมวต้องรู้ ทำไมอาหารแมวจึงควรมีไฟเบอร์สูง

  • แบ่งปัน

อย่างที่รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ พวกเค้าต้องการปริมาณโปรตีนสูงเพื่อเสริมการเจริญเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดี แต่โปรตีนไม่ใช่สารอาหารสำคัญเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติ ปัญหาการย่อยอาหาร และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน อาหารแมวจึงควรมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบเช่นกัน

แมวมักจะหลีกเลี่ยงการกินผักที่มีกากใยสูงเป็นอาหารมื้อหลัก และจะเคี้ยวต้นอ่อนหรือใบหญ้าเฉพาะเวลาที่มีอาการท้องผูกหรืออาหารไม่ย่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกวัน คุณควรเลือกอาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ให้กับพวกเค้า

ทำความเข้าใจประเภทของไฟเบอร์สำหรับแมว

อาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์มีความสำคัญเนื่องจากมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของแมว โดยไฟเบอร์หรือใยอาหารจำแนกออกเป็น 2 ประเภทตามความสามารถในการละลาย ดังนี้

  1. ใยอาหารที่ละลายน้ำได้ – เส้นใยชนิดนี้ละลายได้ง่ายในน้ำย่อยและน้ำในลำไส้ ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้บางชนิดจะเปลี่ยนเป็นเจลเพื่อให้แมวขับถ่ายได้ง่ายขึ้น อาหารแมวควรมีส่วนผสมของไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เนื่องจากจำเป็นต่อการย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้
  2. ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ – อาหารแมวควรมีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำควบคู่ไปกับไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะเพิ่มปริมาตรของกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่ม และยังเพิ่มปริมาตรของอุจจาระ ช่วยเร่งให้อาหารผ่านไปตามทางเดินอาหารได้เร็วขึ้น แมวจะขับถ่ายได้ดี สม่ำเสมอ และไม่มีอาการท้องผูก

ในการเลือกอาหารแมว ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไฟเบอร์ทั้งสองชนิด เพราะแบคทีเรียในลำไส้ของแมวสามารถย่อยไฟเบอร์เหล่านี้เพื่อผลิตสารประกอบใหม่ที่ช่วยบำรุงเซลล์ลำไส้ได้

เพราะเหตุใดแมวจึงต้องการไฟเบอร์?

หากต้องการให้เจ้าตัวน้อยที่บ้านมีสุขภาพดี ขับถ่ายง่าย ไม่มีอาการท้องผูก ผู้เลี้ยงก็ควรเลือกซื้ออาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เพราะอาหารชนิดนี้จะมีพรีไบโอติกหรือแบคทีเรียดีที่ช่วยเสริมการทำงานของลำไส้ 

แม้ว่าไฟเบอร์จะจำเป็นสำหรับแมว แต่พวกเค้าต้องการมันในปริมาณที่จำกัด หากได้รับไฟเบอร์มากเกินไปอาจส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารผิดปกติ ในทางกลับกัน หากได้รับปริมาณน้อยเกินไปก็อาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมสำหรับแมวจะอยู่ที่ประมาณ 1.4% - 3.5% ของปริมาณแคลอรีที่แมวได้รับต่อวัน

แหล่งไฟเบอร์คุณภาพดีสำหรับแมว

สำหรับผู้เลี้ยงที่วางแผนเพิ่มไฟเบอร์ลงในอาหารประจำวันของเจ้าตัวน้อย เราได้รวบรวมตัวเลือกดี ๆ มาให้คุณแล้ว ตามมาดูไปพร้อมกันเลย

  1. ใยอาหารจากสัตว์ – ขนนก เส้นขน กระดูก เส้นเอ็น กระดูกอ่อน และอวัยวะภายในอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบจากสัตว์ที่อุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสัตว์กินเนื้ออย่างแมวเหมียว
  2. แคร์รอต – แคร์รอตเป็นแหล่งไฟเบอร์และวิตามินซีที่ดี เราสามารถเพิ่มแคร์รอตดิบหรือแคร์รอตต้มสุกปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารแมวได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนอาหารปกติให้เป็นอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ได้ง่าย ๆ
  3. ถั่วเขียว – เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับแมว เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีไฟเบอร์สูง โดยคุณสามารถเพิ่มถั่วเขียวปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารแมวบางมื้อได้
  4. รำข้าวสาลี – ผลพลอยได้จากข้าวสาลีนี้เป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดีสำหรับแมว เพราะมีรสหวานคล้ายกับรสชาติของถั่ว ทำให้แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบและอยากกินมากยิ่งขึ้น
  5. บรอกโคลี – บรอกโคลีก็เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีเช่นเดียวกับผักใบเขียวชนิดอื่น คุณสามารถผสมบรอกโคลีต้มชิ้นเล็ก ๆ ลงในอาหารของเจ้าเหมียวเพื่อป้องกันปัญหาอาหารไม่ย่อยและท้องผูกได้
  6. ผักโขม – เป็นแหล่งไฟเบอร์คุณภาพดีที่อุดมด้วยวิตามินซีและเค คุณสามารถเพิ่มผักโขมต้มสุก 2 – 3 ใบลงในอาหารประจำวันของเจ้าเหมียว เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าได้รับใยอาหารเพียงพอในแต่ละวัน และจะมีระบบย่อยอาหารที่สุขภาพดี
  7. ผักกาดหอม – ผักกาดหอมมีปริมาณไฟเบอร์และน้ำที่เหมาะสม การปล่อยให้แมวเคี้ยวใบผักกาดเป็นครั้งคราวจะช่วยให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์และน้ำเพิ่มมากขึ้น

นอกจากรายชื่ออาหารข้างต้นแล้ว ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ รสไก่ อาหารแมวไฟเบอร์สูงที่มาพร้อมโปรตีนจากเนื้อไก่แสนอร่อย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแมวเหมียว มั่นใจได้เลยว่าพวกเค้าจะได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับสารอาหารสำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ ไอแอมส์™ ยังคัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพดีและปรุงรสอย่างพิถีพิถัน เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไฟเบอร์ในอาหารแมว

  1. จะเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ให้แมวเหมียวได้อย่างไร?
  2. คุณสามารถเพิ่มไฟเบอร์ให้แมวได้ง่าย ๆ ด้วยการให้อาหารแมวที่มีอุดมด้วยไฟเบอร์ หรือเพิ่มแหล่งไฟเบอร์จากสัตว์และพืชลงในมื้ออาหารประจำวันของแมว

  3. อาหารแมวไฟเบอร์สูงมีประโยชน์จริงหรือไม่?
  4. แมวต้องการไฟเบอร์เพื่อเสริมสุขภาพทางเดินอาหารและลำไส้ที่ดี แต่พวกเค้าควรได้รับปริมาณไฟเบอร์ไม่เกิน 3.5% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดในแต่ละวัน

  5. อาหารเปียกมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่าอาหารเม็ดใช่หรือไม่?
  6. ไม่ใช่ อาหารเม็ดมักจะมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่า ในขณะที่อาหารเปียกจะมีปริมาณความชื้นมากกว่า

  7. แมวทุกตัวต้องการไฟเบอร์ใช่หรือไม่?
  8. ใช่ แมวทุกตัวต้องการไฟเบอร์เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

  9. แหล่งไฟเบอร์ที่ดีสำหรับแมวมีอะไรบ้าง?
  10. ไฟเบอร์จากพืช เช่น บรอกโคลี ผักกาดหอม แคร์รอต รำข้าวสาลี ผักโขม ต้นข้าวสาลีอ่อน และถั่วเขียว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแมว หรือจะเพิ่มไฟเบอร์จากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ กระดูกอ่อน กระดูก และเส้นเอ็นลงในอาหารแมวก็ได้เช่นกัน

  • Our Favorite Tips to Train a Kitten
    Our Favorite Tips to Train a Kitten
    adp_description_block242
    รวมเคล็ดลับฝึกลูกแมวให้เป็นเด็กดีและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม

    • แบ่งปัน

    การรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้านเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเจ้าของทุกคน มีสิ่งสำคัญมากมายที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้เจ้าตัวน้อยทั้งหลายเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย และหนึ่งในนั้นคือการฝึกลูกแมวอย่างเหมาะสม ซึ่งจำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและทางพฤติกรรม โดยในช่วงวัยเจริญเติบโต สมองของลูกแมวเปรียบเสมือนฟองน้ำ พวกเค้าจะดูดซับข้อมูลและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักจากเจ้าของ มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะเติบโตเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ปรับตัวได้ดี มีความสุข และมีสุขภาพดี โดยคุณสามารถติดตามทุกเรื่องน่ารู้และเคล็ดลับการฝึกลูกแมวได้จากบทความนี้ 

     

    เคล็ดลับการฝึกลูกแมวให้ได้ผล

    สำหรับทาสแมวมือใหม่ ต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกลูกแมวควรเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเป็นการส่งเสริมในเชิงบวก คุณสามารถสอนลูกแมวได้ทุกอย่างตั้งแต่คำสั่งพื้นฐานไปจนถึงการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและการฝึกอย่างสม่ำเสมอ หรือจะลองใช้เคล็ดลับง่าย ๆ ต่อไปนี้ด้วยก็ได้เช่นกัน

     

    1. ฝึกสอนคำสั่งที่สำคัญ

      การฝึกลูกแมวให้นั่งควรเป็นขั้นตอนแรกในการฝึก เริ่มด้วยการถือขนมไว้หน้าจมูกลูกแมว จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปเหนือหัว  เพื่อให้ลูกแมวเงยหน้าขึ้นมองตามขนม ซึ่งก้นของพวกเค้าจะค่อย ๆ ย่อลงกับพื้นตามธรรมชาติ ทันทีที่พวกเค้านั่งลง ให้พูดคำสั่งว่า 'นั่ง' แล้วค่อยยื่นขนมให้พวกเค้าเป็นลำดับต่อไป ทำขั้นตอนนี้ซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าพวกเค้าจะเข้าใจคำสั่ง
       

    2. จัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว

      การจัดเตรียมพื้นที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับเจ้าตัวน้อยเป็นสิ่งสำคัญ คุณอาจจะเตรียมกล่องลังหรือกรงไว้ให้พวกเค้าภายในบ้าน สำหรับการฝึกให้อยู่ในกรง ให้วางผ้าห่มนุ่ม ๆ และของเล่นไว้ข้างใน จากนั้นปล่อยให้ลูกแมวสำรวจรอบ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อพวกเค้าเข้าไปข้างในกรงก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชม คุณสามารถปิดประตูเป็นช่วงสั้น ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการฝึกครั้งต่อ ๆ ไป
       

    3. เปิดโอกาสให้สำรวจโลกรอบ ๆ ตัว

      การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของการฝึกลูกแมว เริ่มต้นด้วยการแนะนำให้ลูกแมวรู้จักกับเพื่อน คนในครอบครัว และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน อาจจะพาเจ้าตัวน้อยเหล่านี้นั่งรถเล่นในระยะทางสั้น ๆ เพื่อให้สัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ ตัว ทั้งภาพ เสียง และกลิ่น ยิ่งได้สัมผัสกับผู้คน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากเท่าไร พวกเค้าก็จะยิ่งมีความมั่นใจและปรับตัวได้ดีเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
       

    4. ช่วงเวลาเล่นสนุกสำคัญที่สุด

      การฝึกลูกแมวให้เล่นเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ เริ่มต้นด้วยการแนะนำเจ้าลูกเหมียวให้รู้จักกับของเล่นชนิดต่าง ๆ และคอยสังเกตว่าของเล่นชิ้นไหนที่พวกเค้าสนใจมากที่สุด เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มสนุกแล้ว คุณอาจชวนพวกเค้าเล่นเกมสนุก ๆ เช่น คาบของ ตะครุบเหยื่อ และชักเย่อ
       

    5. ฝึกใช้กระบะทราย

      เจ้าของควรเริ่มฝึกให้พวกเค้าใช้กระบะทรายตั้งแต่ยังเด็ก โดยวางลูกแมวไว้ในกระบะทรายทุกครั้งหลังมื้ออาหารและหลังการงีบหลับ เมื่อพวกเค้าใช้กระบะทราย ก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชมเชย ทั้งนี้ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่สงบและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงต้องทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำด้วย
       

    6. ปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม

      พฤติกรรมการกินอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าเหมียว จึงควรฝึกให้พวกเค้ามีพฤติกรรมที่เหมาะสม เริ่มต้นด้วยการสอนให้พวกเค้ากินอาหารจากชามและดัดนิสัยชอบขอของกิน นอกจากนี้ควรให้อาหารลูกแมวเป็นเวลาและกำหนดปริมาณตามคำแนะนำ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
       

    7. ฝึกให้จำชื่อตัวเอ

      เป็นการฝึกที่สำคัญและมีประโยชน์ไม่น้อยเลย โดยคุณอาจเริ่มต้นด้วยการเรียกชื่อเจ้าตัวน้อยของคุณ จากนั้นให้รางวัลหรือชมเชยเมื่อพวกเค้าตอบสนองต่อการเรียก โดยแนะนำให้ฝึกเรียกชื่อพวกเค้าบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
       

      การฝึกลูกแมวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอดทนและความสม่ำเสมอ เจ้าเหมียวอาจใช้เวลาสักพักในการเรียนรู้คำสั่งหรือทักษะต่าง ๆ ทั้งนี้เจ้าของควรเลือกฝึกในเชิงบวกและต้องทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุก! อย่าลืมมอบความรัก พูดชมเชย และให้ขนมแสนอร่อยเป็นรางวัลตลอดการฝึกด้วย

Close modal