IAMS TH
The Importance of Fish Oil in Kitten Food
The Importance of Fish Oil in Kitten Food

adp_description_block486
ทำไมต้องมีน้ำมันปลาในอาหารลูกแมว

  • แบ่งปัน


เราใส่น้ำมันปลาลงในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ดเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เจ้าเหมียว อ่านข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์จากน้ำมันปลา เนื้อปลา หน้าที่ และคุณประโยชน์ที่มีต่อลูกแมวของคุณ รวมถึงสาเหตุที่น้ำมันปลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ด

 

น้ำมันปลาคืออะไร ?

น้ำมันปลาคือสารสกัดที่ได้จากปลา โดยมีส่วนประกอบเป็นไขมันพิเศษบางชนิด เนื้อปลาเป็นแหล่งน้ำมันปลาธรรมชาติที่ไอแอมส์™ ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสำหรับลูกแมวชนิดเม็ด

 

คุณค่าด้านโภชนาการของน้ำมันปลา

น้ำมันปลาที่ได้จากปลาน้ำลึกและเย็นจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่ กรดไขมันเป็นองค์ประกอบย่อยของไขมัน และกรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง น้ำมันปลามีกรดไขมันชนิดพิเศษซึ่งมีโอเมก้า-3 แบบสายยาวอย่าง กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก (DHA) อยู่เข้มข้น

กรดไขมันในอาหารลูกแมวจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างเนื้อเยื่อและมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น เยื่อบุเซลล์สัตว์ที่พบในผิวหนังก็มีกรดไขมัน กรดไขมันโอเมก้า-3 มีหน้าที่สร้างสารประกอบที่เสริมสร้างสุขภาพผิวหนังให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อผสมกับกรดไขมันโอเมก้า-6 (พบในวัตถุดิบทั่วไป เช่น ไขมันไก่ หรือน้ำมันข้าวโพด) ในอัตราส่วน 5:1 หรือ 10:1

อาหารลูกแมวชนิดเม็ดทุกสูตร อย่างเช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับลูกแมว มีน้ำมันปลาซึ่งเป็นแหล่งที่มาของกรดไขมันโอเมก้า-3

 

ผลของน้ำมันปลาต่อผิวหนังและขนของลูกแมว

งานวิจัยโดยนักโภชนาการที่ไอแอมส์™ พบพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญต่อผิวหนังและขนของแมวที่ได้รับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในปริมาณที่สมดุลเมื่อเทียบกับอาหารที่มีอัตราส่วนไม่สมดุล

การให้อาหารที่ครบถ้วนและสมดุล รวมถึงสมดุลระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมสร้างผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี เมื่อให้แมวกินน้ำมันปลาแล้วพบว่าแมว

  • ขนร่วงลดลง
  • ขนสวยงามขึ้น
  • ขนเงางามขึ้น
  • ขนหนาขึ้น
  • สีสวยขึ้น
  • ขนอ่อนนุ่มลง

 

  • Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    adp_description_block464
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร

    • แบ่งปัน

    เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว

     

    วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต 
     

    การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
     

    แมวควรได้รับวัคซีน FVRCP เมื่อใด?

    ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น

     

    โรคหวัดแมว

    เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
     

    ไวรัสคาลิไซในแมว

    Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
     

    โรคไข้หัดแมว

    โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     

    เพราะเหตุใดวัคซีน FVRCP จึงเป็นวัคซีนหลักสำหรับแมว?

    วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
     

    แมวควรฉีดวัคซีน FVRCP เมื่อมีอายุเท่าไหร่?

    ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์

     

    โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้

    1. ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?

    2. ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?

    3. เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?

    4. การฉีดวัคซีน FVRCP มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน FVRCP

    วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

    1. อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด

    2. ไข้ต่ำ

    3. ความอยากอาหารลดลง

    แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

Close modal