IAMS TH
What You Should Know About Changing Your Cat’s Diet
What You Should Know About Changing Your Cat’s Diet

adp_description_block240
ความสำคัญของต้นอ่อนข้าวสาลีในอาหารแมว

  • แบ่งปัน

ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นยอดสดของต้นข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวก่อนที่เมล็ดข้าวจะงอก อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นส่วนประกอบทั่วไปที่พบได้ในอาหารแมวส่วนใหญ่ มันอุดมไปด้วยโปรตีน แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซี โดยแมวมักจะเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลีหรือต้นหญ้าเพื่อบรรเทาอาการท้องผูกและอาหารไม่ย่อย เส้นใยที่อยู่ในพืชเหล่านี้ช่วยให้การขับถ่ายราบรื่นขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เลียงควรเช็กให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลีออร์แกนิกและปลอดยาฆ่าแมลงเท่านั้น

ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นอันตรายต่อแมวหรือไม่?

แมวส่วนใหญ่ไม่มีอาการแพ้ต้นอ่อนข้าวสาลี พวกเค้าสามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารจากมันได้อย่างง่ายดาย ต้นอ่อนข้าวสาลีถือเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเยี่ยม มีทั้งวิตามิน โปรตีน และสารอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีไฟเบอร์และซีลีเนียมที่ช่วยให้ลำไส้สุขภาพดีด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวน้อย คุณควรสังเกตความผิดปกติที่บ่งบอกถึงอาการแพ้หลังการบริโภคต้นอ่อนข้าวสาลี โดยสามารถสังเกตได้จากสัญญาณเตือนเหล่านี้

  1. น้ำลายไหลมากผิดปกติ
  2. มีตุ่มแดง
  3. ขนร่วงมากผิดปกติ
  4. มีผื่นแดง

ทั้งนี้ผู้เลี้ยงควรให้ต้นอ่อนข้าวสาลีกับเจ้าเหมียวในปริมาณที่เหมาะสม โดยต้องให้น้อยกว่า 10% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน หลีกเลี่ยงการให้ทุกวัน แต่สามารถให้เป็นวันเว้นวันได้

ประโยชน์ของต้นอ่อนข้าวสาลี

เป็นที่รู้กันดีว่าต้นอ่อนข้าวสาลีมีส่วนช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่าย แต่นี่ไม่ใช่ข้อดีเพียงอย่างเดียว ต้นอ่อนข้าวสาลียังมีประโยชน์ต่อร่างกายเจ้าเหมียวอีกมากมาย ดังนี้

  1. ช่วยลดน้ำหนัก – แมวบ้านทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องล่าสัตว์อย่างในอดีต พวกเค้าจึงเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น การให้ต้นอ่อนข้าวสาลีแทนการให้ขนมตามปกติจะช่วยให้การควบคุมน้ำหนักของแมวดียิ่งขึ้น
  2. เสริมระบบภูมิคุ้มกัน – หนึ่งในประโยชน์ของต้นอ่อนข้าวสาลีคือคุณค่าทางโภชนาการ มันถือเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเยี่ยม เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน ไฟเบอร์ และโปรตีน ซึ่งส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของแมว
  3. เสริมสุขภาพช่องปากและฟัน – ต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพเนื่องจากเป็นอาหารออร์แกนิก ผู้เลี้ยงสามารถปล่อยให้เจ้าเหมียวเคี้ยวเล่นได้โดยไม่ต้องกังวล ไม่ทำให้ฟันผุหรือฟันแตก นอกจากนี้ต้นข้าวสาลีอ่อนยังช่วยเสริมสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย 
  4. ชะลอวัย – สารอาหารที่มีอยู่ในต้นอ่อนข้าวสาลีมีส่วนช่วยในการต่อต้านริ้วรอย และยังมีคลอโรฟิลล์ที่เป็นสารช่วยเพิ่มปริมาณเลือด ทำให้แมวของคุณดูอ่อนกว่าวัย
  5. ช่วยให้ไตแข็งแรง – แมวต้องพึ่งพาไฟเบอร์มากขึ้นเมื่อมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หากพบว่าแมวเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลีบ่อยขึ้น แสดงว่าพวกเค้าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร การย่อยอาหาร หรืออาจมีปัญหาเกี่ยวกับไต แนะนำให้พาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจเช็กการทำงานของระบบทางเดินอาหารและไต
  6. เสริมการมองเห็น – ต้นอ่อนข้าวสาลีมีวิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการมองเห็นและบำรุงดวงตา

ข้อเสียของต้นอ่อนข้าวสาลี

แน่นอนว่าต้นอ่อนข้าวสาลีไม่ได้มีเพียงข้อดีเท่านั้น มันมีข้อควรระวังและข้อเสียด้วยเช่นกัน หากปล่อยให้เจ้าเหมียวเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลีมากเกินไป อาจเกิดผลกระทบดังนี้ได้

  1. ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม เนื่องจากแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ
  2. อาจมีอาการท้องเสียและอาเจียน หากเจ้าเหมียวท้องเสียและอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ควรรีบพาไปพบสัตวแทพย์ในทันที

หญ้าแมว vs ต้นอ่อนข้าวสาลี

ทาสแมวส่วนใหญ่สับสนระหว่างหญ้าแมวกับต้นอ่อนข้าวสาลี หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น ไม่ต้องกังวลไป เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณแยกแยะความแตกต่างของพืชทั้งสองชนิดนี้ได้

แบรนด์อาหารแมวส่วนใหญ่มักใช้คำว่า “หญ้าแมว” กับส่วนประกอบที่เป็นพืชทุกชนิด มันอาจเป็นหญ้าชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ไปจนถึงต้นอ่อนข้าวสาลี หากคุณพบข้อความที่ระบุว่ามีหญ้าแมวบนผลิตภัณฑ์อาหารแมว แนะนำให้อ่านฉลากอีกครั้งเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเป็นส่วนประกอบชนิดใดและเลือกใช้แบบออร์แกนิกหรือไม่ 

ทั้งนี้คุณสามารถให้ต้นอ่อนข้าวสาลีควบคู่ไปกับอาหารมื้อหลักได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสมและควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจให้ต้นอ่อนข้าวสาลีกับแมวที่บ้าน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับต้นอ่อนข้าวสาลีในอาหารแมว

  1. ทำไมแมวชอบเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลี?
  2. หากพบว่าแมวของคุณเคี้ยวต้นอ่อนข้าวสาลีหรือต้นหญ้ามากผิดปกติ แสดงว่าพวกเค้าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าพวกเค้าแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

  3. แมวสามารถกินต้นข้าวสาลีส่วนใดได้บ้าง?
  4. แมวสามารถกินข้าวสาลีอบหรือปรุงสุกได้ รวมถึงสามารถกินรำข้าวสาลีได้ด้วยเช่นกัน

  5. แมวเคี้ยวหรือกินต้นอ่อนข้าวสาลีได้มากน้อยแค่ไหน?
  6. ควรจำกัดปริมาณไว้ที่ 10% หรือน้อยกว่า จากปริมาณแคลอรีทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน

  7. ต้นอ่อนข้าวสาลีดีต่อสุขภาพแมวบ้านหรือไม่?
  8. ต้นอ่อนข้าวสาลีมีประโยชน์มากสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน มันมีส่วนช่วยเสริมการมองเห็น เสริมระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสุขภาพช่องปากและระบบทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยควบคุมน้ำหนักของแมวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วย

  9. ต้นอ่อนข้าวสาลีกับหญ้าแมวเหมือนกันหรือไม่?
  10. ต้นข้าวสาลีอ่อนถือเป็นหญ้าแมวชนิดหนึ่ง ส่วนหญ้าแมวก็เป็นธัญพืชที่แมวส่วนใหญ่โปรดปราน

  • Our Favorite Tips to Train a Kitten
    Our Favorite Tips to Train a Kitten
    adp_description_block53
    รวมเคล็ดลับฝึกลูกแมวให้เป็นเด็กดีและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม

    • แบ่งปัน

    การรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้านเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเจ้าของทุกคน มีสิ่งสำคัญมากมายที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้เจ้าตัวน้อยทั้งหลายเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย และหนึ่งในนั้นคือการฝึกลูกแมวอย่างเหมาะสม ซึ่งจำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและทางพฤติกรรม โดยในช่วงวัยเจริญเติบโต สมองของลูกแมวเปรียบเสมือนฟองน้ำ พวกเค้าจะดูดซับข้อมูลและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักจากเจ้าของ มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะเติบโตเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ปรับตัวได้ดี มีความสุข และมีสุขภาพดี โดยคุณสามารถติดตามทุกเรื่องน่ารู้และเคล็ดลับการฝึกลูกแมวได้จากบทความนี้ 

     

    เคล็ดลับการฝึกลูกแมวให้ได้ผล

    สำหรับทาสแมวมือใหม่ ต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกลูกแมวควรเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเป็นการส่งเสริมในเชิงบวก คุณสามารถสอนลูกแมวได้ทุกอย่างตั้งแต่คำสั่งพื้นฐานไปจนถึงการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและการฝึกอย่างสม่ำเสมอ หรือจะลองใช้เคล็ดลับง่าย ๆ ต่อไปนี้ด้วยก็ได้เช่นกัน

     

    1. ฝึกสอนคำสั่งที่สำคัญ

      การฝึกลูกแมวให้นั่งควรเป็นขั้นตอนแรกในการฝึก เริ่มด้วยการถือขนมไว้หน้าจมูกลูกแมว จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปเหนือหัว  เพื่อให้ลูกแมวเงยหน้าขึ้นมองตามขนม ซึ่งก้นของพวกเค้าจะค่อย ๆ ย่อลงกับพื้นตามธรรมชาติ ทันทีที่พวกเค้านั่งลง ให้พูดคำสั่งว่า 'นั่ง' แล้วค่อยยื่นขนมให้พวกเค้าเป็นลำดับต่อไป ทำขั้นตอนนี้ซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าพวกเค้าจะเข้าใจคำสั่ง
       

    2. จัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว

      การจัดเตรียมพื้นที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับเจ้าตัวน้อยเป็นสิ่งสำคัญ คุณอาจจะเตรียมกล่องลังหรือกรงไว้ให้พวกเค้าภายในบ้าน สำหรับการฝึกให้อยู่ในกรง ให้วางผ้าห่มนุ่ม ๆ และของเล่นไว้ข้างใน จากนั้นปล่อยให้ลูกแมวสำรวจรอบ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อพวกเค้าเข้าไปข้างในกรงก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชม คุณสามารถปิดประตูเป็นช่วงสั้น ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการฝึกครั้งต่อ ๆ ไป
       

    3. เปิดโอกาสให้สำรวจโลกรอบ ๆ ตัว

      การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของการฝึกลูกแมว เริ่มต้นด้วยการแนะนำให้ลูกแมวรู้จักกับเพื่อน คนในครอบครัว และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน อาจจะพาเจ้าตัวน้อยเหล่านี้นั่งรถเล่นในระยะทางสั้น ๆ เพื่อให้สัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ ตัว ทั้งภาพ เสียง และกลิ่น ยิ่งได้สัมผัสกับผู้คน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากเท่าไร พวกเค้าก็จะยิ่งมีความมั่นใจและปรับตัวได้ดีเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
       

    4. ช่วงเวลาเล่นสนุกสำคัญที่สุด

      การฝึกลูกแมวให้เล่นเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ เริ่มต้นด้วยการแนะนำเจ้าลูกเหมียวให้รู้จักกับของเล่นชนิดต่าง ๆ และคอยสังเกตว่าของเล่นชิ้นไหนที่พวกเค้าสนใจมากที่สุด เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มสนุกแล้ว คุณอาจชวนพวกเค้าเล่นเกมสนุก ๆ เช่น คาบของ ตะครุบเหยื่อ และชักเย่อ
       

    5. ฝึกใช้กระบะทราย

      เจ้าของควรเริ่มฝึกให้พวกเค้าใช้กระบะทรายตั้งแต่ยังเด็ก โดยวางลูกแมวไว้ในกระบะทรายทุกครั้งหลังมื้ออาหารและหลังการงีบหลับ เมื่อพวกเค้าใช้กระบะทราย ก็ให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชมเชย ทั้งนี้ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่สงบและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงต้องทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำด้วย
       

    6. ปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม

      พฤติกรรมการกินอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าเหมียว จึงควรฝึกให้พวกเค้ามีพฤติกรรมที่เหมาะสม เริ่มต้นด้วยการสอนให้พวกเค้ากินอาหารจากชามและดัดนิสัยชอบขอของกิน นอกจากนี้ควรให้อาหารลูกแมวเป็นเวลาและกำหนดปริมาณตามคำแนะนำ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
       

    7. ฝึกให้จำชื่อตัวเอ

      เป็นการฝึกที่สำคัญและมีประโยชน์ไม่น้อยเลย โดยคุณอาจเริ่มต้นด้วยการเรียกชื่อเจ้าตัวน้อยของคุณ จากนั้นให้รางวัลหรือชมเชยเมื่อพวกเค้าตอบสนองต่อการเรียก โดยแนะนำให้ฝึกเรียกชื่อพวกเค้าบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
       

      การฝึกลูกแมวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอดทนและความสม่ำเสมอ เจ้าเหมียวอาจใช้เวลาสักพักในการเรียนรู้คำสั่งหรือทักษะต่าง ๆ ทั้งนี้เจ้าของควรเลือกฝึกในเชิงบวกและต้องทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุก! อย่าลืมมอบความรัก พูดชมเชย และให้ขนมแสนอร่อยเป็นรางวัลตลอดการฝึกด้วย

Close modal