เชื่อว่าทาสแมวทั้งหลาย ต้องเช็กข้อมูลส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการอย่างละเอียด ก่อนเลือกซื้ออาหารให้น้องเหมียวสุดเลิฟ แต่บางครั้งข้อมูลเหล่านี้ก็อาจสร้างความสับสน ต้องเลือกแบบไหน? เลือกอย่างไร? ให้มีสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสำหรับเจ้าตัวน้อยมากที่สุด ในบทความนี้ เราจึงรวบรวมจุดสังเกตสำคัญบนฉลากโภชนาการ เพื่อช่วยให้คุณอ่านและทำความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ตามมาดูกันเลย
ฉลาก จะต้องบ่งบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้
ข้อมูลในส่วนนี้จะบอกอัตราส่วนสูงสุดหรือต่ำสุดของปริมาณสารอาหารแต่ละชนิด โดยเปอร์เซ็นสูงสุด (ไม่น้อยกว่า %) หมายถึงสารอาหารที่มีปริมาณมากที่สุด ส่วนเปอร์เซ็นต่ำสุด (ไม่มากกว่า %) หมายความว่ามีปริมาณสารอาหารอย่างน้อยกี่เปอร์เซ็น ทั้งนี้ฉลากอาหารแมวควรระบุปริมาณส่วนประกอบและสารอาหารสำคัญจำนวน 4 ชนิด ซึ่งได้แก่
ตัวอย่างเช่น หากฉลากบนผลิตภัณฑ์ระบุว่ามี โปรตีน ไม่น้อยกว่า 25% แปลว่าคุณค่าของโปรตีนที่ได้รับต้องมีปริมาณอย่างน้อย 25% หรือมากกว่า การคำนวณคุณค่าสารอาหารเหล่านี้ต้องวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น
ฉลากอาหารอาจระบุส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น แมกนีเซียม (ไม่น้อยกว่า %) ,ทอรีน (ไม่มากกว่า %) ,เถ้า หรือส่วนของสารอนินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารหลังการเผาผลาญ (ไม่น้อยกว่า %) และกรดลิโนเลอิก (ไม่มากกว่า %)
อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการตรวจสอบจาก AAFCO (Association of American Feed Control Officials) ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐในอเมริกาเหนือ ทำหน้าที่กำหนดมาตราฐานโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง หากตรวจสอบแล้วว่าการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม บนบรรจุภัณฑ์ก็จะมีสัญลักษณ์ของ AAFCO รับรองอยู่ ทั้งนี้มั่นใจได้เลยว่าการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของ มาร์ส เพ็ทแคร์ เป็นไปตามมาตรฐานของ AAFCO รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก
รายการของส่วนผสมจะเรียงลำดับตามปริมาณมากไปน้อย
แม้จะระบุรายการและอัตราส่วนของส่วนผสมต่าง ๆ มาให้ แต่เราก็ไม่สามารถพิจารณาคุณภาพของส่วนผสมได้อย่างชัดเจน การตรวจสอบคุณภาพของอาหารต้องผ่านการวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น
โดยฉลากอาหารแมวจำเป็นต้องระบุข้อมูลสำคัญเหล่านี้
อาหารสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ต้องมีข้อความเกี่ยวกับความเพียงพอทางโภชนาการของ AAFCO โดยจะมีการกำหนดหรือทดสอบตามขั้นตอนและคำแนะนำของ AAFCO
ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์อาจระบุข้อความ เช่น 'ผลิตภัณฑ์นี้มีไว้สำหรับการให้อาหารชั่วระยะเวลาเท่านั้น' และ 'ใช้ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้น'
รหัสการผลิตจะถูกใช้ในการติดตามผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา ใช้ตรวจสอบสินค้าคงคลัง และจัดการกับปัญหาที่ลูกค้าพบเจอได้ดีขึ้น
วันหมดอายุหรือวันที่ “ควรบริโภคก่อน” ใช้ในการพิจารณาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์และอายุการเก็บรักษา
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการอ่านฉลากโภชนาการ มีดังนี้
ข้อมูลของผู้ผลิตควรประกอบด้วยชื่อบริษัท ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว
ควรมีหมายเลขโทรศัพท์โทรฟรีเพื่อความสะดวกของลูกค้า และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินเมื่อมีการโทรขอข้อมูลเพิ่มเติม
นอกจากจะระบุการรับประกันสินค้าแล้ว ผู้ผลิตต้องระบุด้วยว่ามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามความพึงพอใจของลูกค้า (เช่น การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ การคืนเงิน ฯลฯ)
อาหารแมวควรมีปริมาณโปรตีนอย่างน้อย 26% หลังหักปริมาณความชื้นออกไปแล้ว จึงจะถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลตามมาตรฐาน AAFCO
สิ่งที่แตกต่างกันคือปริมาณใยอาหารและปริมาณแคลอรี โดยอาหารสูตรแมวโต (+7) จะมีใยอาหารสูงกว่าและมีแคลอรีน้อยกว่า แต่สัดส่วนของโปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุจะเท่ากันกับสูตรแมวโต (+1)
ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของส่วนผสมอาหารบนฉลากอาหารแมว
ใช่ การผลิตอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงจะอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การอาหารและยา
สารอาหารที่ดีมีความสำคัญต่อแมวไม่ต่างจากที่ร่างกายของคุณต้องการ แต่ความต้องการของแมวต่างจากมนุษย์ ! แมวต้องการอาหารที่มีไขมันสูงและใยอาหารต่ำ และถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมังสวิรัติ คุณควรจะเข้าใจว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ เค้าต้องการสารอาหารจากโปรตีนและไขมันที่มาจากสัตว์ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ ต้องการใยอาหารเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี และต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อพลังงาน
ในท้องตลาดมีอาหารแมวกว่าพันสูตร คุณจะทราบได้อย่างไรว่าสูตรไหนเหมาะกับแมวของคุณ
ปัจจัยแรกคือ ต้องพิจารณจากช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ก่อนว่าเป็นแบบไหนแมว แมวให้นมลูก แมวโตเต็มวัย หรือแมวสูงวัย ซึ่งแต่ละช่วงต้องการสารอาหารแตกต่างกัน อาหารแมวทุกชนิดควรระบุว่าเหมาะกับช่วงวัยไหน
นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์ยังส่งผลต่อความต้องการด้านสารอาหารอีกด้วย แมวที่นอนติดโซฟาย่อมต้องการพลังงานน้อยกว่าแมวที่ชอบเที่ยวเล่นนอกบ้าน
อันดับสุดท้าย พิจารณาถึงอาการป่วยใด ๆ ที่แมวคุณเป็นอยู่ รวมถึงภูมิแพ้อาหารที่อาจต้องให้สัตวแพทย์แนะนำอาหารเป็นพิเศษ
เมื่อรู้ช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของแมวแล้ว ต่อไปต้องเลือกว่าจะให้เค้ากินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก แมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยบำรุงสุขภาพและความสะอาดช่องปากผ่านการเคี้ยว แต่แมวบางตัวโดยเฉพาะแมวช่างเลือก ชื่นชอบผิวสัมผัสที่นุ่มและเปียกของอาหารซองหรืออาหารกระป๋อง
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้คือ คุณสามารถให้อาหารเม็ดทิ้งไว้ในชามได้ตลอดวัน แต่อาหารเปียกต้องทิ้งทันทีหลังจาก 30 นาที ดังนั้นอาหารเม็ดจึงเหมาะกับเจ้าของที่ยุ่งและไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวัน
เมื่อคุณทราบความต้องการด้านโภชนาการและความชอบของเจ้าเหมียวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกซื้อ
เนื่องจากแมวต้องการสารอาหารจากแหล่งที่มาจากสัตว์ คุณจึงควรเลือกอาหารที่วัตถุดิบหลัก (วัตถุดิบอันดับแรก ๆ ) เป็นโปรตีนที่ทำมาเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อปลา หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ โดยวัตถุดิบเหล่านี้มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด เช่น ทอรีน ซึ่งไม่พบในโปรตีนจากพืช
การผสมคาร์โบไฮเดรตลงในอาหาร อาทิ เนื้อข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และข้าวฟ่างเมล็ด จะช่วยด้านการดูดซึมสารอาหารและรักษาระดับพลังงาน ส่วนบีทพัลพ์เป็นแหล่งใยอาหารชั้นดีที่ช่วยระบบย่อยอาหาร
เพื่อให้ผิวหนังสุขภาพดีและขนหนานุ่ม เจ้าเหมียวต้องการกรดไขมันจากน้ำมันปลาที่มีวิตามินสูงและไขมันจากเนื้อไก่
ฉลากอาหารแมวให้รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณค่าสารอาหารเท่านั้น เนื่องจากข้อบังคับไม่อนุญาตให้ผู้ผลิตอธิบายคุณภาพของวัตถุดิบภายในบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียงจะสามารถอธิบายวิธีทดสอบและรับประกันคุณภาพของตัวเองได้
เมื่อเลือกซื้ออาหาร คุณไม่ควรพิจารณาจากราคาเป็นปัจจัยหลัก เพราะอาหารที่ราคาถูกอาจมีที่มาจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบเนื่องจากต้นทุนผู้ผลิตมีความผันผวน
ผลิตภัณฑ์ราคาถูกหลายแบรนด์มีคุณค่าทางสารอาหารต่อวันน้อยกว่าผลิตภัณฑ์คุณภาพเมื่อกินในปริมาณเท่ากัน นอกจากนี้คุณควรพิจารณาราคาต่อวันด้วย ไม่ใช่แค่พิจารณาจากราคาเท่านั้น