ช่วงที่สุนัขตั้งท้องและช่วงที่สุนัขให้นมลูกการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับการกายของพวกเขาเท่านั้น แต่การดำเนินชีวิตของสุนัขเองก็เปลี่ยนไปด้วย หากสุนัขของคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก เจ้าของควรให้การเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษกับความต้องการทางโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงของสุนัขตั้งแต่ช่วงที่ตั้งท้อง คลอด และให้นมลูก
โภชนาการและการควบคุมน้ำหนักตัวเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับสุขภาพของแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง แม้ว่าแม่สุนัขไม่จำเป็นต้องพบสัตวแพทย์บ่อยเหมือนกับคนเรา แต่เจ้าของก็ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาปรสิตทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่สุนัขและลูกตัวน้อย
แน่นอนว่าการตั้งท้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกันการดูแลสุนัขตั้งท้องก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งท้อง เจ้าของจำเป็นต้องดูแลพวกเค้าอย่างใกล้ชิด
โดยอาการเหล่านี้คืออาการที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังตั้งท้อง –
น้องหมาตั้งท้องมักจะเหนื่อยง่ายและนอนหลับมากขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในน้องหมาที่ชอบพักผ่อนมากกว่าทำกิจกรรม ในกรณีนี้ให้สังเกตเวลาพวกเค้าเดินว่าเหนื่อยง่ายหรือเหนื่อยเร็วกว่าปกติหรือไม่แทน
พฤติกรรมบางอย่างของน้องหมาตั้งท้องอาจเปลี่ยนแปลงไป เช่น ต้องการความสนใจจากเจ้าของมากขึ้น อยากอยู่ด้วย เข้าหาบ่อยขึ้น แต่บางครั้งพวกเค้าก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว หากถูกรบกวนก็อาจแสดงท่าทางไม่พอใจหรือหงุดหงิดใส่ได้
การกินอาหารผิดปกติเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้ในสุนัขตั้งท้อง โดยแม่สุนัขบางตัวอาจกินอาหารน้อยลง มีอาการอาเจียนเป็นครั้งคราวในช่วงแรกหรือในช่วงระหว่างการตั้งท้อง แต่บางตัวก็อาจกินอาหารมากกว่าปกติ และไม่พอใจกับมื้ออาหารทั่วไป ความผิดปกติเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการตั้งท้องของสุนัขคือหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามการขยายตัวของหน้าท้องไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะเริ่มสังเกตเห็นได้ในช่วงปลายของการตั้งท้องแล้ว หากพบว่าหน้าท้องของพวกเค้าใหญ่ขึ้น แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
น้องหมาตั้งท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเวลาให้อาหาร
ความต้องการพลังงานของน้องหมาตั้งท้องจะสูงขึ้นตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น สัตวแพทย์อาจแนะนำสูตรอาหารที่ให้พลังงานสูง รวมถึงมีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากสูตรอาหารที่ต้องเลือกอย่างดีแล้ว การกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากให้ปริมาณมากไปก็อาจทำให้แม่สุนัขมีน้ำหนักเกินได้
ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขอยู่ที่ประมาณ 9 สัปดาห์ ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 และ 7 ควรดูแลสุนัขตั้งท้องให้ได้รับปริมาณอาหารที่ไม่มากจนเกินไป และควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรลูกสุนัข เนื่องจากมีพลังงานและสารอาหารมากกว่าสูตรทั่วไป ช่วยให้แม่สุนัขแข็งแรง ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และพร้อมสำหรับการให้นมลูกตัวน้อย เมื่อเริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 9 แม่สุนัขจะอยากอาหารน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าใกล้คลอดเจ้าตัวน้อยออกมาแล้ว
สำหรับแม่สุนัขที่อยู่ในช่วงตั้งท้องและช่วงให้นมลูก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับสภาพร่างกายเท่านั้น แต่การใช้ชีวิตและความต้องการทางโภชนาการของพวกเค้าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย การดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
| สัปดาห์ที่ 1 และ 2 |
|
| สัปดาห์ที่ 3 และ 4 |
|
สัปดาห์ที่ 5 และ 6 |
|
สัปดาห์ที่ 7 และ 8 |
|
สัปดาห์ที่ 9 |
|
ก่อนการตั้งท้องของสุนัข:
ก่อนการตั้งท้องของสุนัข เจ้าของควรวางแผน ประเมินสุขภาพร่างกาย และปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยเสียก่อน
ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัคซีนในสุนัขและแมว แนะนำให้ฉีดวัคซีนดังต่อไปนี้:วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข
วัคซีนป้องกันพาร์โวไวรัส
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์)
หากได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตั้งแต่ก่อนตั้งท้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มเติมอีก ซึ่งสัตวแพทย์เองก็ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนให้กับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง
ความแตกต่างหลักระหว่างสุนัขพันธุ์ใหญ่และสุนัขพันธุ์เล็กในช่วงตั้งท้องคือความต้องการทางโภชนาการ โดยสุนัขพันธุ์เล็กต้องการพลังงานมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เพื่อบำรุงลูกตัวน้อยในท้องและเพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอต่อการเลี้ยงลูก ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 แม่หมาตั้งท้องอาจต้องกินอาหารมากขึ้นถึง 3 เท่า เพื่อให้การผลิตน้ำนมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุล ส่วนในช่วงใกล้คลอด แม่หมาต้องการสารอาหารและพลังงานมากกว่าน้องหมาทั่วไปถึง 15% - 25%
ทั้งนี้การเลือกสูตรอาหารให้แม่สุนัขตั้งท้องควรพิจารณาจากขนาดของสายพันธุ์ด้วย
หากคุณวางแผนจะเพิ่มจำนวนสมาชิกมะหมา ก่อนการผสมพันธุ์ควรประเมินสุขภาพร่างกายของว่าที่แม่สุนัขเป็นอันดับแรก เนื่องจากร่างกายของพวกเค้าจะมีความต้องการทางโภชนาการและการดูแลเปลี่ยนแปลงไป โดยสุนัขที่มีน้ำหนักไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน มักมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ:
สุนัขที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มักมีปัญหาในการกินอาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตัวเองและลูกน้อยในท้อง
สุนัขที่มีน้ำหนักเกินอาจประสบปัญหาคลอดยาก เนื่องจากลูกสุนัขมีขนาดตัวใหญ่เกินไป
เจ้าของต้องมั่นใจว่าแม่สุนัขได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม สิ่งนี้จะช่วยให้ว่าที่แม่สุนัขมีน้ำหนักตัวเหมาะสมและมีร่างกายแข็งแรงพร้อมผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้การตั้งท้องไปจนถึงการคลอดและให้นมลูกเป็นไปอย่างราบรื่น
ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขคือเก้าสัปดาห์ ในช่วงแรกสุนัขตั้งท้องจะมีน้ำหนักเพิ่มเพียงเล็กน้อย จนเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่หก น้ำหนักจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว และหลักจากนั้นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สุนัขตั้งท้องจะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น โดยจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ความต้องการจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งท้องในสัปดาห์ที่ 6 โดยแม่สุนัขจะกินอาหารมากกว่าปกติประมาณ 25% - 50% ในช่วงใกล้คลอด
อาหารที่ดีที่สุดสำหรับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้องและต้องให้นมลูกคือ อาหารคุณภาพดี โภชนาการครบถ้วน และเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัย แม้ว่าโดยทั่วไปจะแนะนำให้กินอาหารสูตรลูกสุนัข แต่อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เนื่องจากร่างกายของแม่สุนัขมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องการพลังงานและแร่ธาตุแตกต่างจากช่วงปกติ
ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่ไม่ปรุงสุก สามารถให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขตั้งท้องหรือสูตรสำหรับลูกสุนัขตามการแนะนำของสัตวแพทย์ โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมหรือวิตามินเพิ่มเติม
อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับแม่หมาตั้งท้องคือการให้อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแม่และลูกสุนัข เพราะมีส่วนช่วยในการเพิ่มน้ำนม เสริมสร้างพัฒนาการของลูกสุนัขตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และยังมีสารอาหารสำคัญอย่างดีเอชเอที่ช่วยในการทำงานของระบบสมองให้ลูกสุนัขมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้นด้วย
แม้ว่าหลังคลอดแม่สุนัขจะมีน้ำหนักตัวลดลงแล้ว แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งความต้องการนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนลูกสุนัขและการให้นม โดยแม่สุนัขอาจต้องการอาหารมากกว่าปกติ 2 - 3 เท่า เพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกตัวน้อย นอกจากนี้ควรเช็กให้แน่ใจว่าแม่สุนัขได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมันมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำนมด้วยเช่นกัน
เพื่อให้แม่สุนัขที่อยู่ในช่วงให้นมลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ คุณสามารถลองใช้เทคนิคเหล่านี้ได้:
<ul><li> เลือกให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เช่น อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัข
<ul><li> หลีกเลี่ยงการเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ แต่ให้เพิ่มจำนวนมื้ออาหารตลอดวันแทน
<ul><li> แนะนำให้เทอาหารเม็ดทิ้งไว้ เพื่อให้แม่สุนัขเข้าถึงได้ตลอดทั้งวัน
ในช่วง 4 - 5 สัปดาห์หลังคลอด ลูกสุนัขจะเริ่มให้ความสนใจในอาหารของแม่ เจ้าตัวน้อยจะกินอาหารอื่นมากขึ้นและดูดนมน้อยลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 7 - 8 สัปดาห์ ในเวลานี้ร่างกายของแม่สุนัขจะเปลี่ยนไปมีความต้องการพลังงานในระดับปกติ จึงกลับไปกินอาหารสูตรเดิมก่อนการตั้งท้องหรือสูตรทั่วไปได้แล้ว

สุนัขตั้งท้องควรเปลี่ยนมากินอาหารที่ให้พลังงานสูง (ควรเปลี่ยนหลังตั้งท้องได้หนึ่งเดือน) อาหารควรมีปริมาณโปรตีน 22% และปริมาณแคลอรี่ที่ย่อยได้ประมาณ 1600 กิโลแคลอรี
สุนัขที่อยู่ในระหว่างการคลอดลูก มักจะไม่ยอมกินอาหาร เนื่องจากกระบวนการคลอด ทำให้เหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องไส้ปั่นป่วน มีอาการอาเจียน และรู้สึกไม่สบายตัว หากให้แม่สุนัขกินอาหารทันทีหลังคลอด พวกเค้าอาจมีอาการอาเจียนได้
สุนัขจะมีโอกาสตั้งท้องสูงเมื่อได้รับการผสมพันธุ์ในช่วงติดสัด ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสองครั้งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สุนัขจะเข้าสู่ช่วงติดสัดเมื่อมีอายุประมาณ 6 เดือน โดยช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
แม่สุนัขก็อาจมีการคิดถึงลูกตัวน้อยได้ ดังนั้นควรวางแผนการแยกลูกสุนัขจากแม่ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มผสมพันธุ์
หลังจากคลอดลูกแล้ว สุนัขสามารถตั้งท้องได้อีกแต่ก็จะขึ้นอยู่กับช่วงติดสัดด้วย ทางที่ดีจึงควรแยกสุนัขตัวผู้ออกห่างจากแม่สุนัขก่อน เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์โดยไม่ตั้งใจ
เช่นเดียวกับเรา ระบบทางอาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัข ดังนั้นหากเราต้องการให้น้องหมามีสุขภาพดีและมีความสุข เราควรทำความเข้าใจสุขภาพทางอาหารของสุนัขกันให้มากขึ้น
โดยพื้นฐานแล้ว มันหมายถึงความสมดุลและการทำงานของระบบทางเดินอาหาร (GI) โดยเฉพาะไมโครไบโอมในลำไส้ หรือก็คือกลุ่มของเซลล์ที่มียีนเฉพาะตัว เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และจุลินทรีย์นานาชนิด ระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนนี้มีความสำคัญต่อสุขภาพของสุนัขเกือบทุกด้าน ตั้งแต่การดูดซึมสารอาหารไปจนถึงกระบวนการรับรู้
อย่างไรก็ตาม อาหารสุนัขสำเร็จรูป ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ และการใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน อาจรบกวนความสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาที่น่ากังวลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุนัขอาหารไม่ย่อย โรคลำไส้อักเสบ (IBD) การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และพฤติกรรมเปลี่ยนไป
แต่ไม่ต้องกังวล! เราสามารถฟื้นฟูและรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของสุนัขได้ พร้อมจัดการปัญหาน้องหมาอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย อ่านบทความของเราเพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมระบบทางเดินอาหารของสุนัข
อยากให้สุนัขมีระบบทางเดินอาหารที่ดี ควรทำอย่างไร? คำตอบคือจัดการกับปัญหาและความผิดปกติต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารของสุนัข รวมถึงสนับสนุนการทำงานเพื่อให้ไมโครไบโอมในลำไส้มีความสมดุล หรือเพียงแค่ทำตามคำแนะนำง่าย ๆ ต่อไปนี้
การเสริมโพรไบโอติกในอาหารสุนัขช่วยคุณได้! โพรไบโอติกช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดี ช่วยปรับสมดุลของไมโครไบโอม เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ต่อสู้กับการติดเชื้อในลำไส้ได้ดีขึ้น และเสริมโภชนาการในระหว่างที่น้องหมามีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเสริมโพรไบโอติกที่มีบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus Subtilis) ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในอุจจาระ ลดการผลิตแอมโมเนียและกลิ่นอุจจาระ พร้อมเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ เพื่อให้โพรไบโอติกเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น อาจเพิ่มไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ลงในมื้ออาหาร เช่น พืชตระกูลน้ำเต้า
การออกกำลังกายและการเล่นเป็นประจำส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหารของสุนัข การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดได้ดี เนื่องจากความเครียดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยจัดการกับปัญหาระบบย่อยอาหารสุนัขผิดปกติได้อีกด้วย
ควรเลือกอาหารสุนัขที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล สุนัขต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพที่ดี และเนื้อดิบที่อุดมไปด้วยเอนไซม์ที่มีชีวิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร น้ำซุปจากเนื้อสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและฟื้นฟูเยื่อบุลำไส้ได้
เช่นเดียวกับคนเรา สุนัขก็ได้รับประโยชน์จากการสัมผัสธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายของไมโครไบโอมในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารของสุนัขและสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
อาการอาหารไม่ย่อยในสุนัขเป็นอาการที่พบได้บ่อย มันบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่คุณควรระวังด้วย เช่น
อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาความไม่สมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ คุณสามารถทำตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อฟื้นฟูและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของสุนัขได้
หากคุณพบอาการผิดปกติ เช่น น้องหมาอาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด อาเจียน หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไป ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ แม้ว่าปัญหาทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง แต่มันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งควรได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
การดูแลสุขภาพทางเดินอาหารของสุนัข ไม่ว่าจะด้วยการให้อาหารคุณภาพดี การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การสัมผัสธรรมชาติ การปรึกษาสัตวแพทย์ และการใช้อาหารเสริม ล้วนแล้วแต่ช่วยลดปัญหาสุนัขอาหารไม่ย่อย อาการท้องเสีย และปัญหาอื่น ๆ รวมถึงส่งเสริมให้ความเป็นอยู่โดยรวมของสุนัขดีขึ้นด้วย