IAMS TH
puppy deworm
puppy deworm

adp_description_block311
วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

  • แบ่งปัน

เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกสุนัขตัวน้อย การถ่ายพยาธิเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดหนอนพยาธิหรือปรสิตตัวร้ายที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ การทำความเข้าใจวิธีการถ่ายพยาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าตัวน้อย ไม่ว่าพวกเค้าจะเคยติดเชื้อหนอนพยาธิมาก่อน หรือเพียงแค่ต้องการป้องกันเอาไว้

 

แต่หนอนพยาธิคืออะไรกันแน่? และลูกสุนัขได้รับมันมาได้อย่างไร? หนอนพยาธิที่พบได้บ่อยในสุนัข ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด เจ้าปรสิตเหล่านี้มักจะปะปนอยู่ในดิน น้ำ หรืออาหารที่ปนเปื้อน โดยพวกมันอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา

 

โดยเราได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัขมาให้แล้ว ทั้งอาการที่ควรระวัง กระบวนการถ่ายพยาธิ และวิธีดูแลเจ้าตัวน้อยให้มีสุขภาพดี ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเลี้ยงหรือเพียงแค่ต้องการทบทวนความรู้ บทความนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

 

4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการรับเลี้ยงและการดูแลน้องหมา แต่วิธีการถ่ายพยาธิมีให้เลือกมากมาย จนอาจสร้างความสับสนให้กับผู้เลี้ยงหลาย ๆ คน เราจึงจะมาเผยข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข ทั้งเรื่องความถี่ในการถ่ายพยาธิ วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และความสำคัญของการป้องกันพยาธิตัวร้าย เพื่อให้กระบวนการนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและเห็นผล เมื่อเข้าใจปัจจัยสำคัญทั้งหมดนี้แล้ว คุณก็จะมั่นใจได้ว่าเจ้าตัวน้อยจะมีความสุขและมีสุขภาพดีในทุกวัน

 

  1. ดูแลลูกสุนัขตัวน้อยให้แข็งแรงและมีความสุขด้วยการถ่ายพยาธิเป็นประจำ

การถ่ายพยาธิจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิและปรสิตตัวร้าย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกสุนัขได้ โดยพวกเค้าจำเป็นต้องได้รับการถ่ายพยาธิเป็นประจำ เนื่องจากมีขนาดตัวเล็กและระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

เราควรถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก 2 สัปดาห์ไปจนถึงอายุ 3 เดือน จากนั้นต้องถ่ายพยาธิทุกเดือนจนกว่าจะอายุครบ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าหนอนพยาธิถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การถ่ายพยาธิสุนัขที่ตั้งท้องก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากพวกเค้าสามารถส่งต่อพยาธิไปยังลูกสุนัขในท้องได้

นอกจากการถ่ายพยาธิเป็นประจำแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิ อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสหรือเล่นกับน้องหมา และทำความสะอาดพื้นที่ขับถ่ายทันทีที่น้องหมาทำธุระส่วนตัวเสร็จ

การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพน้องหมา การถ่ายพยาธิตามกำหนดเวลาและการดูแลความสะอาดจะช่วยปกป้องเจ้าก้อนขนปุกปุยของคุณจากปรสิตตัวร้ายที่เป็นอันตรายได้อย่างแน่นอน

 

  1. หนอนพยาธิชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในลูกสุนัข

ลูกสุนัขสามารถติดเชื้อหนอนพยาธิได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด ซึ่งเจ้าปรสิตเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด และภาวะโลหิตจาง 

แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ อย่างพยาธิตัวตืดจะสังเกตได้ยาก เนื่องจากมีขนาดเล็กและมักจะปะปนอยู่ในอุจจาระ นอกจากนี้หนอนพยาธิบางชนิดก็อาศัยอยู่ในลำไส้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน เจ้าของจึงจำเป็นต้องถ่ายพยาธิให้น้องหมาเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว

 

  1. ทำความเข้าใจสัญญาณเตือนและอาการติดเชื้อพยาธิในลูกสุนัข

ลูกสุนัขที่ติดเชื้ออาจมีอาการผิดปกติหลายอย่าง แต่อาจสังเกตได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในน้องหมาที่มีอายุน้อยและมีขนาดตัวเล็ก แต่อาการทั่วไปที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • ท้องเสียหรือถ่ายเหลว – อาจเกิดจากหนอนพยาธิไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร 
  • น้ำหนักตัวลด – หนอนพยาธิสามารถแย่งสารอาหารจากร่างกายของลูกสุนัข ทำให้พวกเค้าน้ำหนักตัวลดลงได้
  • ภาวะโลหิตจาง – พยาธิปากขอจะดูดเลือดของลูกสุนัขเป็นอาหาร ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง โดยน้องหมาอาจมีเหงือกสีซีดและมีอาการอ่อนเพลีย
  • อาเจียน – หนอนพยาธิอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ จนนำไปสู่การอาเจียนได้
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง – เนื่องจากแย่งสารอาหาร ดูดเลือด และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย น้องหมาที่ติดเชื้อจึงมักมีอาการอ่อนเพลียและไม่ค่อยทำกิจกรรม

การถ่ายพยาธิเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับลูกสุนัขที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ เนื่องจากพวกเค้าได้รับเชื้อจากแม่ตั้งแต่ก่อนคลอด การสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดและการถ่ายพยาธิเป็นประจำ จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข ทั้งนี้หากสงสัยว่าลูกสุนัขติดเชื้อพยาธิ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักการรักษาในทันที

 

  1. วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัขที่มีประสิทธิภาพ

หนอนพยาธิเป็นปัญหาที่พบบ่อยในลูกสุนัขและมักจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา โดยหนอนพยาธิที่พบบ่อย ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ และพยาธิตัวตืด โดยน้องหมาที่ติดเชื้ออาจมีอาการอาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลด และพุงป่อง

การถ่ายพยาธิไม่ใช่กระบวนการที่ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่ต้องทำเป็นประจำหรือตามนัดหมายของสัตวแพทย์ ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการให้ยาถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก ๆ 2 - 3 สัปดาห์จนกว่าจะถึงวัยที่กำหนด การรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดและคอยดูแลไม่ให้ลูกสุนัขกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เช่นกัน

หากเจ้าตัวน้อยของคุณติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจจ่ายยาถ่ายพยาธิให้กินหรือให้ฉีดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าของควรดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำจากคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเห็นผล

แม้น้องหมาจะไม่มีอาการติดเชื้อใด ๆ แต่ก็ยังจำเป็นต้องถ่ายพยาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องหมามีพยาธิ?
  2. หากต้องการรู้ว่าน้องหมาติดเชื้อพยาธิหรือไม่ ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายและใช้วิธีตรวจอุจจาระเพื่อหาพยาธิ โดยอาการติดเชื้อที่อาจพบได้ จะมีอาการท้องเสีย น้ำหนักลด และอาจสังเกตเห็นพยาธิในอุจจาระ

  3. เราสามารถถ่ายพยาธิน้องหมาเองที่บ้านได้หรือไม่?
  4. การถ่ายพยาธิควรทำโดยสัตวแพทย์ เนื่องจากคุณหมอสามารถวินิจฉัยและเลือกวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยาถ่ายพยาธิบางชนิดอาจมีวิธีใช้เฉพาะหรืออาจไม่ปลอดภัยสำหรับลูกสุนัข ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนถ่ายพยาธิลูกสุนัขด้วยตัวเอง

  5. ควรถ่ายพยาธิให้น้องหมาบ่อยแค่ไหน?
  6. ลูกสุนัขควรถ่ายพยาธิเมื่อมีอายุ 2, 4, 6 และ 8 สัปดาห์ และอีกครั้งเมื่อมีอายุ 12 และ 16 สัปดาห์ เมื่อลูกสุนัขอายุครบ 6 เดือน แนะนำให้ถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 - 6 เดือน คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดตารางการถ่ายพยาธิที่เหมาะสม เนื่องจากลูกสุนัขแต่ละตัวมีเงื่อนไขและสภาพร่างกายแตกต่างกัน

  • bathe a puppy
    bathe a puppy
    adp_description_block90
    ควรอาบน้ำลูกหมาตอนไหนดีนะ?

    • แบ่งปัน

    ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดเลี้ยงหรือคุณพ่อคุณแม่มือโปร การอาบน้ำให้ลูกสุนัขคือหนึ่งในการดูแลที่คุณควรทำเป็นประจำ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้น้องหมาดูสะอาดสะอ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยให้น้องหมามีสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่แข็งแรงอีกด้วย เพื่อให้เจ้าตัวน้อยดูดีและรู้สึกสบายตัว ลองทำตามเคล็ดลับการอาบน้ำง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกันได้เลย

    เมื่อรับเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ หนึ่งในคำถามแรก ๆ ที่เจ้าของมักจะนึกถึงคือ “ลูกสุนัขอาบน้ำได้เมื่อไหร่” และ 'ต้องอาบน้ำบ่อยแค่ไหน?' เราสามารถอาบน้ำให้ลูกสุนัขได้เมื่อพวกเค้ามีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ โดยต้องอาบน้ำให้พวกเค้าอย่างระมัดระวังและอ่อนโยนที่สุด หลังจากอาบน้ำครั้งแรกแล้ว การอาบน้ำครั้งต่อ ๆ ไปควรทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น

    ก่อนเริ่มอาบน้ำ ควรจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม ทั้งผ้าเช็ดตัว แชมพูและครีมนวดสำหรับน้องหมาขนยาว แปรงหรือหวี และไดร์เป่าผม

     

    เพื่อให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกดีระหว่างการอาบน้ำ ควรทำตามขั้นตอนเหล่านี้

    • เริ่มต้นด้วยการทำให้พวกเค้าคุ้นเคยกับน้ำ
    • เติมน้ำอุ่นลงในถังหรืออ่างอาบน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำจนเต็ม แต่ให้ระดับน้ำอยู่เหนืออุ้งเท้าเพียงไม่กี่นิ้ว
    • วางลูกสุนัขลงในอ่างและปล่อยให้พวกเค้าจัดท่าทางจนกว่าจะสบายตัว ให้ขนมและพูดคุยกับพวกเค้าด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นใจ

    เมื่อน้องหมารู้สึกคุ้นเคยกับน้ำในอ่าง ก็ถึงเวลาอาบน้ำกันแล้ว!

     

    ขั้นตอนการอาบน้ำให้ลูกสุนัขตัวน้อย

    หากคุณเพิ่งอาบน้ำให้ลูกสุนัขเป็นครั้งแรก ไม่ต้องกังวลไป เรามีเคล็ดลับดี ๆ และคำแนะนำเกี่ยวกับการอาบน้ำให้ลูกสุนัขทุกขั้นตอนมาฝากกัน

     

    1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับลักษณะขนของน้องหมา

    ก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่เหมาะกับลักษณะขน โดยอาจขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าตัวน้อยของคุณ สำหรับน้องหมาขนสั้น ควรใช้น้ำมันบำรุงขนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ในขณะที่น้องหมาขนยาวนั้น ควรใช้ครีมนวดเพื่อให้เส้นขนแข็งแรง ดูสวยน่าสัมผัส

     

    1.  ทำให้บรรยากาศในการอาบน้ำน่าประทับใจ

    สามารถอาบน้ำให้ลูกสุนัขได้เมื่อมีอายุ 8 สัปดาห์ การอาบน้ำตั้งแต่เด็กจะช่วยให้พวกเค้าคุ้นเคยและทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร ในการอาบน้ำครั้งแรกไม่ควรมีการบังคับ แต่ควรค่อย ๆ แนะนำให้พวกเค้ารู้สึกคุ้นเคยและแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรต้องกลัว ปล่อยให้ลูกสุนัขเดินเล่นอย่างอิสระและทำความคุ้นเคยกับการอยู่ในอ่าง จากนั้นจึงค่อยใช้แปรงหวีขนให้พวกเค้า อย่าลืมให้ขนม ลูบตัว และกอดพวกเค้าบ่อย ๆ เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย

     

    1. แปรงขนของลูกสุนัขอย่างเบามือ

    ก่อนการอาบน้ำและตัดแต่งขน ให้แปรงหรือหวีขนเบา ๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกบริเวณเส้นขนและผิวหนังออกไป การทำเช่นนี้จะช่วยขจัดปมหรือขนที่พันกันได้อีกด้วย

     

    1. อาบน้ำลูกสุนัขด้วยน้ำอุ่น

    เตรียมน้ำที่อุ่นแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เนื่องจากลูกสุนัขมีผิวที่บอบบาง จึงไวต่อสิ่งกระตุ้นหรือสิ่งที่มาสัมผัสตัวมาก 

    ก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำให้พวกเค้า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครในบ้านใช้น้ำในขณะที่คุณอาบน้ำให้ลูกสุนัข การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกะทันหันอาจเป็นอันตรายต่อลูกสุนัข จึงควรระมัดระวังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

     

    1. ทำความสะอาดอย่างเบามือด้วยน้ำอุ่นและผ้าขนหนู (สำหรับลูกสุนัขอายุ 3 - 4 เดือน)

    สำหรับลูกสุนัขที่อายุน้อยกว่า 3 – 4 เดือน ควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นในการทำความสะอาดตัว และงดใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง อุณหภูมิร่างกายของน้องหมาแตกต่างจากคนเรา น้ำที่ใช้จึงต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม น้ำที่ร้อนจนเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อน้องหมาได้

     

    1. เริ่มอาบน้ำให้ลูกสุนัขกันได้เลย

    สำหรับลูกสุนัขที่มีอายุมากกว่า 3 – 4 เดือน  คุณสามารถจับพวกเค้าอาบน้ำในอ่างอาบน้ำหรือจะใช้ฝักบัวแทนก็ได้ เมื่อถึงเวลาอาบน้ำ ลูกสุนัขอาจรับมือได้ค่อนข้างยาก หากคุณมีอ่างอาบน้ำหรือฝักบัวสำหรับอาบน้ำให้ลูกสุนัขโดยเฉพาะ ให้ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นแทนอุปกรณ์ตามปกติ เพราะจะช่วยให้จัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวของอ่างอาบน้ำไม่ลื่น เพื่อป้องกันการลื่นล้มและจมจนพวกเค้าเกิดอาการตื่นตระหนก

     

    1. เลือกแชมพูอาบน้ำที่เหมาะสม

    เมื่อลูกสุนัขมีอายุ 3 เดือนขึ้นไป จึงจะสามารถใช้แชมพูหรือครีมนวดได้

    โดยควรเลือกแชมพูและครีมนวดสูตรสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ ควรเลือกที่มีค่า pH สมดุลเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่อสุขภาพผิวหนังและเส้นขน อาจเลือกเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีเจือปนก็ได้ แต่ไม่แนะนำให้เลือกซื้อสินค้าเพราะมีราคาถูก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอาจไม่สามารถใช้ได้จริงหรือไม่ปลอดภัยกับลูกสุนัข

    ควรผสมแชมพูกับน้ำในปริมาณที่เท่ากันเพื่อให้เจือจางลง ก่อนนำไปถูลงบนตัวของน้องหมา โดยระวังอย่าให้สัมผัสกับบริเวณที่บอบบาง เช่น ดวงตาและใบหู

     

    1. อาบน้ำให้ลูกสุนัขอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    การอาบน้ำให้ลูกสุนัขก็เหมือนกับการอาบน้ำให้เด็กทารกตัวน้อย พวกเค้าอาจจะไม่ชินและรับมือได้ไม่ดีนักในช่วงแรก

    หากกังวลว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อยเจ็บตัว ให้ใช้ปลายนิ้วนวดแชมพูลงบนขนพวกเค้าเบา ๆ นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองแล้ว ยังเหมือนเป็นการนวดตัวให้น้องหมาอีกด้วย รับรองเลยว่าถูกใจพวกเค้าอย่างแน่นอน!

    ควรล้างน้ำซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าล้างคราบแชมพูออกหมดแล้ว สำหรับลูกสุนัขอายุน้อยควรใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด หรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อล้างสบู่ออกให้หมดและเพื่อป้องกันการระคายเคืองบนผิวหนัง หลังอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ควรรีบเช็ดตัวน้องหมาให้แห้ง

     

    1. เช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ

    ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตามตัวน้องหมาเพื่อขจัดน้ำส่วนเกินออกไป เมื่อมั่นใจว่าเช็ดตัวจนแห้งดีแล้วหรือไม่มีน้ำหยดจากตัวพวกเค้าแล้ว ให้ใครสักคนช่วยจับหรือนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ เพื่อให้น้องหมาจะรู้สึกปลอดภัย ก่อนเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าผม ควรเลือกใช้เครื่องที่สามารถกระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้ลมร้อนต่ำหรือเย็นเท่านั้น

    เพื่อให้ลูกสุนัขคุ้นเคยกับเสียงของไดร์เป่าผม ควรหลีกเลี่ยงการเป่าลมใส่หน้าหรือหูโดยตรง และพยายามทำให้ขนแห้งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับน้องหมาขนยาว ในระหว่างเป่าขนควรหยุดแปรงขนบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ขนพันกัน

     

    1. อาบน้ำเป็นประจำเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดี

    สุขภาพของน้องหมาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการอาบน้ำเป็นประจำจะช่วยให้น้องหมามีความสุขและมีสุขภาพดี โดยแนะนำให้เจ้าของอาบน้ำให้น้องหมาเดือนละครั้ง เนื่องจากบริเวณผิวหนังและเส้นขนมักจะมีสิ่งสกปรกจากปัจจัยแวดล้อมและกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน 

    สำหรับลูกสุนัขควรใช้น้ำอุ่นในการอาบน้ำ และใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ นวดลงบนตัวเบา ๆ อย่าลืมแปรงขนเป็นประจำ เพื่อให้ขนนุ่มและเงางาม ทั้งนี้ไม่แนะนำให้อาบน้ำให้ลุกสุนัขบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง

    ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้น้องหมาของคุณมีความสุขและแข็งแรง การอาบน้ำเป็นประจำจะทำให้เจ้าตัวน้อยดูดีและรู้สึกสบายตัวอยู่เสมอ อาจต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นเคย แต่การอาบน้ำจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานหากทำอย่างถูกวิธี

     

Close modal