IAMS TH
How Preservatives Are Used in IAMS™ Dog Food
How Preservatives Are Used in IAMS™ Dog Food

adp_description_block381
วิธีการใช้สารกันบูดในอาหารสุนัข ไอแอมส์™

  • แบ่งปัน

ในผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์นั้น การใช้สารกันบูดจะช่วยชะลอหรือป้องกันการสลายหรือการเกิดออกซิเดชัน ซึ่งช่วยให้รักษาคุณค่าทางโภชนาการได้นานขึ้น สำหรับ ไอแอมส์™ก็เลือกใช้สารกันบูดในอาหารสุนัขแบบเม็ดเพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขของคุณจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ไอแอมส์™ใช้วิธีใดในการเก็บรักษาอาหารสุนัขแบบเม็ด?

ทีมนักวิจัยของ ไอแอมส์™ ทำงานอย่างหนักเพื่อคิดค้นการรักษาผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น อาหาร ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรสุนัขโตเต็มวัย

สารกันเสียมีส่วนผสมของโทโคฟีรอล ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสกัดจากน้ำมันพืช โทโคฟีรอลมี 4 ประเภทใหญ่ๆ เช่น วิตามินอีหรือที่รู้จักกันในชื่อว่า อัลฟาโทโคฟีรอล ซึ่งเป็นสารอาหารที่ใช้กันทั่วไปในอาหารสุนัข

การรักษาของเราจะลดอัตราการเกิดออกซิเดชั่นและช่วยยืดอายุการเก็บรักษา

ไอแอมส์™ ใช้วิธีใดในการเก็บรักษาอาหารสุนัขแบบเปียก?

อาหารสุนัขแบบเปียกของ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™มีส่วนผสมของเนื้อไก่และข้าวเต็มเมล็ด ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุกันเสีย เพราะอาหารถูกป้องกันการเน่าเสียจากบรรจุภัณฑ์

เมื่อส่วนผสมทุกอย่างถูกปรุงเสร็จแล้วก็จะถูกบรรจุลงในกระป๋องหรือถุงที่ผ่านการฆ่าเชื้อ จากนั้นบรรจุภัณฑ์เหล่านี้จะถูกทำให้เย็นลงภายใต้สภาวะที่ปลอดเชื้อ

อายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขของ ไอแอมส์™

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราได้รับการทดสอบอายุการเก็บรักษาอย่างเข้มงวด โดยมีอายุการเก็บรักษาสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ดังนี้ :

• 24 เดือนสำหรับอาหารเปียก
• 16 เดือนสำหรับอาหารชนิดแห้ง
• 12 เดือนสำหรับขนมบิสกิต
 
ทั้งนี้การใช้กันบูดในอาหารสุนัขแบบเม็ดและการเก็บรักษาผ่านบรรจุภัณฑ์ในอาหารสุนัขเปียก  ไอแอมส์™  สามารถยืนยันได้ว่าอาหารที่สุนัขของคุณกินมีความสมดุลและมีประโยชน์ทางโภชนาการอย่างครบถ้วน

How Preservatives Are Used in IAMS™ Dog Food
  • ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    adp_description_block300
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    • แบ่งปัน

    การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

     

    ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

    หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

    • บาดแผลบริเวณดวงตา
    • อาการลมพิษ
    • แผลเปิด
    • อาการชัก
    • เป็นลม หมดสติ
    • มีรอยกัด
    • หายใจลำบาก
    • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
    • อาเจียน
    • ท้องเสีย
    • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

    ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
     

    การตรวจสุขภาพประจำปี

    ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
     

    หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

    • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
    • รายงานสุขภาพ
    • โภชนาการที่เหมาะสม
    • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

    ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

    ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
     

    การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

    สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

    • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
    • โรคไข้หัด
    • โรคตับอักเสบ
    • โรคพิษสุนัขบ้า
    • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
    • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
    • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
    • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

    การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

Close modal