IAMS TH
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

adp_description_block396
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

  • แบ่งปัน

การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

 

ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  • บาดแผลบริเวณดวงตา
  • อาการลมพิษ
  • แผลเปิด
  • อาการชัก
  • เป็นลม หมดสติ
  • มีรอยกัด
  • หายใจลำบาก
  • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
 

การตรวจสุขภาพประจำปี

ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
 

หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

  • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
  • รายงานสุขภาพ
  • โภชนาการที่เหมาะสม
  • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
 

การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

  • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
  • โรคไข้หัด
  • โรคตับอักเสบ
  • โรคพิษสุนัขบ้า
  • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
  • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
  • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
  • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์

  1. ควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
  2. ในช่วงปีแรก คุณอาจต้องพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันที่จำเป็น และเมื่อฉีดวัคซีนครบถ้วนดีแล้ว คุณหมอจะเป็นผู้กำหนดนัดหมายเพิ่มเติม ทั้งนี้คุณจำเป็นต้องพาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝงด้วย

  3. เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพครั้งแรกของลูกสุนัข มีอะไรบ้าง?
  4. หากเป็นการพบสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกสุนัข คุณควรพูดคุยกับผู้เพาะพันธุ์หรือศูนย์พักพิงเพื่อขอข้อมูลการฉีดวัคซีน การถ่ายพยาธิ หรือการรักษาต่าง ๆ ในกรณีที่ลูกสุนัขกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ ให้พกติดตัวไปด้วย รวมถึงควรแจ้งสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารหรือประเด็นปัญหาที่คุณพบเจอ

  5. ลูกสุนัขต้องเข้าพบสัตวแพทย์กี่ครั้ง?
  6. หากลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน คุณควรพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 หรือ 4 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะจัดตารางเวลานัดหมายให้ คุณควรพาลูกสุนัขไปพบตามกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

  • สุนัขกินอะไรได้บ้าง?
    สุนัขกินอะไรได้บ้าง?
    adp_description_block370
    สุนัขกินอะไรได้บ้าง?

    • แบ่งปัน

    เมื่อโดนน้องหมาอ้อนขอของกิน คุณจะทำอย่างไร? เราเชื่อว่ามีหลายคนที่พ่ายแพ้และยอมแบ่งอาหารให้น้องหมากิน นี่อาจเป็นเรื่องปกติทั่วไปของทุกบ้าน แต่ในความเป็นจริง เราควรให้พวกเค้ากินอาหารของเราหรือไม่?
     

    สุนัขสามารถกินอาหารของคนได้หรือไม่?

    คำตอบคือได้และไม่ได้ แม้ว่าน้องหมาจะกินพืชทุกได้เกือบชนิดและสามารถกินอาหารได้หลากหลาย แต่ระบบย่อยอาหารของพวกเค้าแตกต่างจากเรา ซึ่งหมายความว่าอาหารของคนบางชนิดก็อาจเป็นอันตรายหรือเป็นพิษต่อสุนัข
     

    อาหารของคนที่สุนัขกินได้

    นี่คือรายการอาหารที่น้องหมากินได้ มีประโยชน์และปลอดภัย

    • แคร์รอต – รสชาติอร่อยและมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ดีต่อสุขภาพฟัน อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น เช่น เบตาแคโรทีนและวิตามินเอ
    • ปลาแซลมอน – อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ปลาแซลมอนยังช่วยเสริมให้ผิวหนังและเส้นขนของสุนัขแข็งแรงด้วย แต่แนะนำให้ปรุงสุกโดยไม่ใส่เครื่องปรุงรสหรือน้ำมัน
    • บลูเบอร์รี – ผลเบอร์รีลูกเล็ก ๆ เหล่านี้เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์ เป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อย
    • ไข่ – ไข่ต้มสุกเป็นแหล่งโปรตีนที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับสุนัข
    • เนยถั่ว – เนยถั่วชนิดไม่หวานและไม่ใส่เกลือเป็นแหล่งไขมันที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ สามารถใช้กับของเล่นปริศนาเพื่อกระตุ้นจิตใจสุนัขได้
       

    อาหารของคนที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

    ผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารเหล่านี้ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุนัข

    • ช็อกโกแลต – มีธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ อาเจียน อาการชัก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต 
    • องุ่นและลูกเกด – ทั้งสองก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะไตวายในสุนัข แม้จะได้รับในปริมาณเล็กน้อยก็ตาม
    • หัวหอมและกระเทียม – อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางและทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในสุนัข แม้จะได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อย
    • อะโวคาโด – เนื้อและเมล็ดของอะโวคาโดมีเพอร์ซิน ซึ่งอาจทำให้สุนัขอาเจียน ท้องร่วง และตับอ่อนอักเสบ
    • ถั่วแมคาเดเมีย – อาจทำให้สุนัขอ่อนแรง ตัวสั่น อุณหภูมิร่างกายสูง และอาจทำให้สุนัขเสียชีวิตได้
       

    เคล็ดลับน่ารู้

    • หากต้องการแนะนำอาหารใหม่ ๆ ให้น้องหมา ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในระบบทางเดินอาหาร
    • ความพอดีเป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่อาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ก็ควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
    • ปรึกษาสัตวแพทย์หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาหารบางชนิดหรือสุขภาพของน้องหมา
       

    การเลือกอาหารที่เหมาะสำหรับสุนัข

    เรารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้านทานการออดอ้อนของน้องหมา แต่คุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่าความต้องการทางโภชนาการของพวกเค้าไม่เหมือนเรา อาหารที่เรากินแล้วดีอาจเป็นอันตรายกับเจ้าตัวน้อยได้

    อาหารสุนัขต่างจากอาหารของคนตรงที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของสุนัขโดยเฉพาะ มีปริมาณสารอาหารที่สมดุล อัดแน่นไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
     

    อาหารสูตรสำหรับสุนัขสำคัญอย่างไร?

    • โภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุล – อาหารสุนัขได้รับการคิดค้นอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม ช่วยให้สุนัขได้รับโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน สุขภาพเส้นขน กระดูกและกล้ามเนื้อ
    • สุขภาพทางเดินอาหาร – อาหารของคนอาจย่อยยากสำหรับสุนัข ส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารปั่นป่วน เกิดการอาเจียนและท้องเสียได้ อาหารสุนัขถูกออกแบบมาให้ย่อยง่าย ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหารอย่างเหมาะสม และช่วยให้สุขภาพลำไส้แข็งแรง
    • ความต้องการเฉพาะ – สายพันธุ์และช่วงวัยส่งผลต่อความต้องการทางโภชนาการ ลูกสุนัขต้องการพลังงานและสารอาหารมากขึ้นเพื่อการเจริญเติบโต ในขณะที่สุนัขโตต้องการอาหารที่มีพลังงานและไขมันน้อยกว่า อาหารสุนัขแต่ละสูตรก็จะตอบสนองความต้องการเฉพาะเหล่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับโภชนาการที่เหมาะสมกับวัยและสายพันธุ์

    ขอแนะนำอาหารสุนัขไอแอมส์™ อาหารของเราได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงสุขภาพสุนัขเป็นสำคัญ โดยมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพดังนี้

    • กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง – อาหารสุนัขไอแอมส์™ อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี
    • สุขภาพผิวหนังดี ขนเงางาม – มีกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยให้ขนเงางามและผิวหนังแข็งแรง
    • เสริมภูมิคุ้มกัน – อาหารของเรามีสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ปกป้องสุนัขจากการเจ็บป่วย
    • สุขภาพทางเดินอาหารดีขึ้น – มีพรีไบโอติกและโพรไบโอติกที่ส่งเสริมการย่อยอาหารและสุขภาพลำไส้ที่ดี

    เป้าหมายของเราคือการดูแลสุนัขให้ดีที่สุดด้วยการให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและตอบสนองความต้องการเฉพาะของพวกเค้า การเลือกอาหารที่เหมาะสม อย่างอาหารสุนัขไอแอมส์™ จะทำให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรง มีพลัง และมีความสุข

Close modal