IAMS TH
วิธีดูแลลูกสุนัขให้เติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย
วิธีดูแลลูกสุนัขให้เติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย

adp_description_block475
วิธีดูแลลูกสุนัขให้เติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย

  • แบ่งปัน

หากคุณอยากมีเพื่อนเล่นแก้เหงาหรือเพื่อนแท้ที่คอยอยู่เคียงข้าง ขอแนะนำให้รับเลี้ยงลูกสุนัขไว้สักตัว แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าคุณสามารถดูแลรับผิดชอบเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ได้ เพราะลูกสุนัขต้องการความรักความเอาใจใส่เพื่อให้เติบโตอย่างมีความสุขและมีสุขภาพดี
 

การดูแลลูกสุนัขไม่ใช่แค่การให้อาหาร มอบความรัก หรือชวนเล่นเป็นครั้งคราว คุณจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสม ฝึกพวกเค้าให้รู้จักขับถ่ายเป็นที่ รวมถึงต้องพาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการดูแลทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณและเจ้าตัวน้อยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมากขึ้น คุณจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงการเจริญเติบโตของพวกเค้า สำหรับผู้เลี้ยงที่ไม่มั่นใจหรือมีความกังวล ในบทความนี้จะบอกเคล็ดลับและวิธีดูแลลูกสุนัขในช่วง 2 – 3 เดือนแรกให้ทุกคนได้รู้กัน
 

การนำลูกสุนัขกลับบ้าน

มีอะไรบ้างที่เราควรรู้เกี่ยวกับการดูแลลูกสุนัข? มาเริ่มกันที่การรับลูกสุนัขเข้าบ้านวันแรก คุณควรจัดเตรียมพื้นที่ที่ปลอดภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นอันตรายอยู่รอบ ๆ ตัวลูกสุนัข เช่น สารเคมี สายไฟ ต้นไม้ที่มีพิษ ของมีคม และข้าวของที่แตกหักง่าย เพราะลูกสุนัขก็เปรียบเหมือนทารกตัวน้อย ๆ พวกเค้าบอบบางแต่ก็มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น นอกจากนี้คุณต้องซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ให้พร้อม อย่างเช่น ชามอาหาร ปลอกคอ สายจูง และเบาะนอนนุ่ม ๆ สำหรับพักผ่อน
 

การให้อาหารลูกสุนัข

หนึ่งในการดูแลที่สำคัญคือการเลือกโภชนาการที่เหมาะสม ควรเลือกสูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากพวกเค้ามีความต้องการแตกต่างจากสุนัขวัยอื่น อีกทั้งยังต้องการสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี 
 

การเปลี่ยนมาให้อาหารสำหรับสุนัขโตจะขึ้นอยู่กับขนาดพันธุ์ สำหรับสุนัขพันธุ์เล็กหรือพันธุ์กลาง คุณสามารถเปลี่ยนสูตรอาหารได้เมื่อพวกเค้ามีอายุ 9 – 12 เดือน แต่หากเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ควรเปลี่ยนเมื่อมีอายุ 12 – 24 เดือน นอกจากการให้อาหารที่ดีและเหมาะสมแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มสะอาดไว้ให้พวกเค้าด้วย
 

ตารางการให้อาหารสำหรับลูกสุนัข

  • 6 – 12 สัปดาห์ - 4 มื้อต่อวัน 
  • 3 – 6 เดือน - 3 มื้อต่อวัน
  • 6 – 12 เดือน - 2 มื้อต่อวัน

ไอแอมส์™ มีผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับลูกสุนัขและสุนัขโตให้เลือกหลากหลาย โดยผลิตภัณฑ์ของเราคัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังอุดมด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ มั่นใจได้เลยว่าน้องหมาของคุณจะเพลิดเพลินกับอาหารทุกคำที่พวกเค้าลิ้มรส
 

การพบสัตวแพทย์และการฉีดวัคซีน

การไปพบสัตวแพทย์เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการดูแลลูกสุนัข การเข้าพบครั้งแรกจะช่วยให้คุณรับรู้ข้อมูลสุขภาพโดยรวมของเจ้าตัวน้อย คุณหมอจะแจ้งตารางการฉีดวัคซีนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย

  • ตารางการฉีดวัคซีน
  • การทำหมัน
  • การฝึกขับถ่าย
  • การฝึกทำตามคำสั่งพื้นฐาน
  • การสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ
  • โภชนาการที่เหมาะสม
  • การถ่ายพยาธิ

การฝึกเข้าสังคมให้ลูกสุนัข

ลูกสุนัขควรได้พบเจอกับผู้คน เพื่อนหมาตัวอื่น และเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเรียนรู้ที่จะปรับตัว โดยเวลาที่สำคัญที่สุดในการฝึกเข้าสังคมคือช่วงอายุระหว่าง 3 – 12 สัปดาห์ และแนะนำให้ฝึกอย่างต่อเนื่อง
 

การฝึกขับถ่ายให้ลูกสุนัข

คุณควรเริ่มฝึกขับถ่ายให้ลูกสุนัขตั้งแต่วันแรกที่พาเข้าบ้าน เพื่อปลูกฝังให้พวกเค้าขับถ่ายเป็นที่ ไม่ต้องคอยทำความสะอาดทุกครั้ง เริ่มต้นฝึกด้วยการเลือกพื้นที่ขับถ่ายนอกบ้าน จากนั้นพาลูกสุนัขไปที่ดังกล่าวเมื่อถึงเวลาขับถ่าย ให้รางวัลทันทีหลังจากพวกเค้าขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำโทษไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เพราะจะทำให้ลูกสุนัขหวาดกลัวและอาจแสดงท่าทีก้าวร้าว
 

การฝึกที่ดีที่สุดคือการฝึกในเชิงบวก หรือก็คือการให้รางวัลเมื่อพวกเค้าทำได้ดีหรือทำตัวน่ารัก และควรกำหนดระยะเวลาการฝึกเป็นช่วงสั้น ๆ เพื่อไม่ให้ลูกสุนัขรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยจนเกินไป
 

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน

น้องหมาก็มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันเช่นเดียวกัน ทั้งการมีกลิ่นปาก ฟันหลุด และโรคปริทันต์ ซึ่งพวกเค้ามักจะไม่แสดงอาการเจ็บปวดให้เห็นอย่างชัดเจน ผู้เลี้ยงจึงควรดูแลช่องปากและฟันของพวกเค้าเป็นประจำ โดยควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยหรือเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการดูแลดีที่สุดสำหรับเจ้าตัวน้อยของคุณเพิ่มเติมได้
 

การออกกำลังกายสำหรับลูกสุนัข

แม้จะเป็นวัยที่เต็มไปด้วยพลัง แต่ผู้เลี้ยงควรควบคุมปริมาณและเวลาในการออกกำลังกายของลูกสุนัขให้เหมาะสม และปล่อยให้พวกเค้าได้พักผ่อนทุกครั้งที่ต้องการ หลีกเลี่ยงการให้เล่นเป็นเวลานาน ๆ เพียงครั้งเดียว แนะนำให้พาออกไปเดินเล่นระยะสั้น ๆ วันละสองครั้งแทน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลลูกสุนัข

  1. ควรดูแลลูกสุนัขอย่างไรบ้าง?
  2. สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง ขั้นตอนการดูแลเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรรู้

    • ให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล
    • เตรียมน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอ
    • ใช้วิธีฝึกในเชิงบวก เน้นการให้รางวัลและหลีกเลี่ยงการทำโทษ
    • แบ่งเวลามาเล่นและทำกิจกรรมกับลูกสุนัขเป็นประจำ
    • เข้าพบสัตวแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง
    • เรียนรู้ตารางการฉีดวัคซีนจากสัตวแพทย์

     

  3. เราจะรับมือลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไร?
  4. ลูกสุนัขเต็มไปด้วยพลังงาน และพวกเค้าอาจทำให้คุณปวดหัวหากไม่ได้ปลดปล่อยมันออกมา คุณจึงควรฝึกและจัดตารางการออกกำลังกายให้พวกเค้าทุกวัน เช่น ไปเดินเล่นหรือเล่นคาบของ เมื่อพวกเค้าเป็นเด็กดีก็ควรให้รางวัล วิธีนี้จะทำให้ลูกสุนัขเรียนรู้ว่าพฤติกรรมที่ดีจะได้รับการตอบแทน

  5. อะไรคือสิ่งแรกที่ควรสอนลูกสุนัข?
  6. น้องหมาไม่รู้วิธีการอยู่ในบ้าน พวกเค้าไม่ได้มีทักษะนี้ตั้งแต่เกิด เราจำเป็นต้องสอนกฎการอยู่ในบ้านและฝึกคำสั่งพื้นฐานบางอย่างให้กับพวกเค้า เริ่มต้นด้วยการสอนให้รู้จักชื่อ จากนั้นจึงฝึกให้ขับถ่ายเป็นที่และฝึกการเข้าสังคมอย่างเหมาะสม

  • สัญญาณสุนัขอาหารไม่ย่อย
    สัญญาณสุนัขอาหารไม่ย่อย
    adp_description_block326
    สัญญาณสุนัขอาหารไม่ย่อย

    • แบ่งปัน

    เช่นเดียวกับเรา ระบบทางอาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัข ดังนั้นหากเราต้องการให้น้องหมามีสุขภาพดีและมีความสุข เราควรทำความเข้าใจสุขภาพทางอาหารของสุนัขกันให้มากขึ้น

     

    โดยพื้นฐานแล้ว มันหมายถึงความสมดุลและการทำงานของระบบทางเดินอาหาร (GI) โดยเฉพาะไมโครไบโอมในลำไส้ หรือก็คือกลุ่มของเซลล์ที่มียีนเฉพาะตัว เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และจุลินทรีย์นานาชนิด ระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนนี้มีความสำคัญต่อสุขภาพของสุนัขเกือบทุกด้าน ตั้งแต่การดูดซึมสารอาหารไปจนถึงกระบวนการรับรู้

     

    อย่างไรก็ตาม อาหารสุนัขสำเร็จรูป ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ และการใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน อาจรบกวนความสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาที่น่ากังวลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุนัขอาหารไม่ย่อย โรคลำไส้อักเสบ (IBD) การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และพฤติกรรมเปลี่ยนไป

     

    แต่ไม่ต้องกังวล! เราสามารถฟื้นฟูและรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของสุนัขได้ พร้อมจัดการปัญหาน้องหมาอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย อ่านบทความของเราเพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมระบบทางเดินอาหารของสุนัข

     

    วิธีการดูแลระบบทางเดินอาหารของสุนัข

    อยากให้สุนัขมีระบบทางเดินอาหารที่ดี ควรทำอย่างไร? คำตอบคือจัดการกับปัญหาและความผิดปกติต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารของสุนัข รวมถึงสนับสนุนการทำงานเพื่อให้ไมโครไบโอมในลำไส้มีความสมดุล หรือเพียงแค่ทำตามคำแนะนำง่าย ๆ ต่อไปนี้

    • โพรไบโอติกและพรีไบโอติก

    การเสริมโพรไบโอติกในอาหารสุนัขช่วยคุณได้! โพรไบโอติกช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดี ช่วยปรับสมดุลของไมโครไบโอม เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ต่อสู้กับการติดเชื้อในลำไส้ได้ดีขึ้น และเสริมโภชนาการในระหว่างที่น้องหมามีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเสริมโพรไบโอติกที่มีบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus Subtilis) ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในอุจจาระ ลดการผลิตแอมโมเนียและกลิ่นอุจจาระ พร้อมเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ เพื่อให้โพรไบโอติกเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น อาจเพิ่มไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ลงในมื้ออาหาร เช่น พืชตระกูลน้ำเต้า

    • กำหนดกิจวัตรประจำวัน

    การออกกำลังกายและการเล่นเป็นประจำส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหารของสุนัข การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดได้ดี เนื่องจากความเครียดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยจัดการกับปัญหาระบบย่อยอาหารสุนัขผิดปกติได้อีกด้วย

    • เลือกอาหารให้เหมาะสม

    ควรเลือกอาหารสุนัขที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล สุนัขต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพที่ดี และเนื้อดิบที่อุดมไปด้วยเอนไซม์ที่มีชีวิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร น้ำซุปจากเนื้อสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและฟื้นฟูเยื่อบุลำไส้ได้

    • การสัมผัสธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    เช่นเดียวกับคนเรา สุนัขก็ได้รับประโยชน์จากการสัมผัสธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายของไมโครไบโอมในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารของสุนัขและสุขภาพโดยรวมดีขึ้น

     

    สัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพทางเดินอาหาร

    อาการอาหารไม่ย่อยในสุนัขเป็นอาการที่พบได้บ่อย มันบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่คุณควรระวังด้วย เช่น

    • ความอยากอาหารเปลี่ยนไป
    • ท้องเสีย
    • ท้องผูก
    • มีลมหรือแก๊สในท้องมากเกินไป
    • อาเจียน
    • น้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

    อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาความไม่สมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ คุณสามารถทำตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อฟื้นฟูและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของสุนัขได้

     

    หากคุณพบอาการผิดปกติ เช่น น้องหมาอาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด อาเจียน หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไป ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ แม้ว่าปัญหาทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง แต่มันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งควรได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

     

    การดูแลสุขภาพทางเดินอาหารของสุนัข ไม่ว่าจะด้วยการให้อาหารคุณภาพดี การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การสัมผัสธรรมชาติ การปรึกษาสัตวแพทย์ และการใช้อาหารเสริม ล้วนแล้วแต่ช่วยลดปัญหาสุนัขอาหารไม่ย่อย อาการท้องเสีย และปัญหาอื่น ๆ รวมถึงส่งเสริมให้ความเป็นอยู่โดยรวมของสุนัขดีขึ้นด้วย

Close modal