IAMS TH
How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods
How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods

adp_description_block201
เคล็ดลับแปรงฟันให้น้องหมาแฮปปี้

  • แบ่งปัน

แน่นอนว่าเจ้าของทุกคนต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งการดูแลช่องปากก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเค้ามีสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพียงแค่หมั่นแปรงฟันสุนัขและพาไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคเหงือกอักเสบ การสะสมของคราบพลัคและหินปูน โรคเหล่านี้อาจส่งผลให้สูญเสียฟันก่อนวัยอันควรหรือเกิดการติดเชื้อในส่วนอื่นของร่างกาย

การดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและเลือกให้อาหารคุณภาพดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ นอกจากนี้การทําความสะอาดฟันสุนัขยังช่วยให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเค้ามากขึ้น ส่งผลให้สายใยความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตามไปด้วย

 

ทำไมการแปรงฟันให้สุนัขจึงเป็นเรื่องสำคัญ?

เจ้าของทุกคนล้วนแล้วแต่อยากให้น้องหมามีช่องปากสุขภาพดี สะอาด และไม่ส่งกลิ่นเหม็น ตามมาดู 5 เหตุผลที่ทำไมการดูแลช่องปากและฟันจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพวกเค้า

 

ป้องกันความเจ็บปวดในช่องปาก

การที่แปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้พวกเค้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดฟันหรือการเจ็บปวดภายในช่องปาก 

 

ป้องกันการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควร

เมื่อรากฟันติดเชื้อหรือได้รับความเสียหาย ฟันก็จะหลุดร่วงออกมา ซึ่งการดูแลทําความสะอาดฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

 

ป้องกันอวัยวะภายในล้มเหลว

แบคทีเรียจากคราบพลัคสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด อีกทั้งยังแพร่กระจายไปยังตับ ไต และหัวใจได้อีกด้วย การแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้อาจทำให้น้องหมาป่วยและอวัยวะต่าง ๆ ได้รับอันตราย จึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเหล่านี้

 

ป้องกันกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

กลิ่นปากคือสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าควรได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างเหมาะสม เมื่อช่องปากสะอาด กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหายไป

 

ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

สุนัขที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเหงือกและฟัน ถึงแม้การป้องกันอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ควรแปรงฟันสุนัขเป็นประจำเพื่อลดโอกาสเสี่ยงไม่ให้ปัญหาในช่องปากลุกลามจนเป็นอันตรายต่อส่วนอื่นในร่างกาย

น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเหมือนกับเรา แต่แตกต่างตรงที่พวกเค้ามีโอกาสเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบและการสูญเสียฟันมากกว่ามีปัญหาฟันผุ เนื่องจากมีฟันรูปทรงกรวย น้ำลายไม่เป็นกรด และส่วนใหญ่กินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ (หมายเหตุ: หากให้ขนมหรือของหวานบ่อย พวกเค้าก็อาจฟันผุได้เช่นกัน)

การแปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้ช่องปากและฟันของพวกเค้ามีสุขภาพดี ทั้งนี้ควรเลือกของเล่นที่เหมาะสำหรับการกัดแทะเพื่อป้องกันปัญหาฟันแตกหักระหว่างการเล่นด้วย

 

 

วิธีแปรงฟันให้สุนัขมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

 

เลือกมุมที่สงบเพื่อแปรงฟันสุนัข

ในขณะที่แปรงฟันสุนัข ควรมีแค่คุณกับพวกเค้าเท่านั้น แนะนำให้แยกเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นออกไปก่อน

 

ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ

ควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะเท่านั้น 

 

แปรงฟันสุนัขในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนขณะแปรงฟันให้สุนัข

 

เริ่มแปรงฟันทีละส่วน

แปรงฟันให้ครบทั้งฟันบนและล่าง เช็กให้แน่ใจว่าแปรงครบทุกด้าน จากนั้นอย่าลืมให้คำชมและรางวัลหลังแปรงเสร็จด้วย

 

ทำความคุ้นเคยกับยาสีฟัน

บีบยาสีฟันใส่นิ้วให้น้องหมาลองชิมดูก่อน เพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัส

 

เริ่มจากแปรงฟันบนก่อน

ยกริมฝีปากบนขึ้นและเริ่มจากแปรงฟันด้านหน้าก่อน

 

จากนั้นเริ่มแปรงฟันล่างต่อ

จับริมฝีปากล่างลง เริ่มต้นด้วยฟันหน้าก่อนขยับไปที่ฟันด้านข้างและด้านใน

 

แปรงฟันให้ครบทั้งด้านข้างและด้านในช่องปาก

หากน้องหมายอมนั่งนิ่ง ๆ ในขณะแปรงฟัน คุณสามารถแปรงทั้งด้านในและด้านนอกของฟันพร้อมกันได้เลย ทั้งนี้การแปรงฟันด้านในจะค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นควรให้น้องหมานั่งนิ่งเสียก่อน จึงค่อยเริ่มแปรงฟันทั้งด้านข้างและด้านใน

 

ให้รางวัลตบท้ายหลังการแปรงฟัน

การแปรงฟันอาจเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเค้า ทางที่ดีควรให้คำชมหรือรางวัลเพื่อให้กิจกรรมนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดี ถึงแม้ว่ามันอาจดูขัดแย้งที่ต้องให้ขนมหลังการแปรงฟัน แต่เป้าหมายหลักของการทำเช่นนี้ คือเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟัน 

 

เริ่มแปรงฟันให้พวกเค้าตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข

เมื่อลูกสุนัขมีอายุ 3 - 7 เดือน ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดไปพร้อมกับการงอกใหม่ของฟันแท้ ในช่วงนี้เจ้าของควรเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีฟันแท้ขึ้นซ้อนกับฟันน้ำนม เนื่องจากการเกิดฟันซ้อนเป็นสาเหตุของปัญหาฟันหัก ซึ่งพบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ทอย

แม้ว่าอาหารเม็ดหรือของเล่นสำหรับกัดแทะจะมีส่วนช่วยในการขัดฟัน แต่เพื่อความสะอาดที่มากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขควบคู่ไปด้วย และเมื่อพาน้องหมาตัวใหม่กลับบ้าน ควรฝึกให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ  การทำเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้ตรวจเช็กสุขภาพฟัน รวมถึงฝึกควบคุมพฤติกรรมการกัดและงับของพวกเค้าได้อีกด้วย

 

เลือกให้อาหารที่ดีมีคุณภาพ

อาหารมีผลต่อ 'รอยยิ้ม' ของน้องหมา โดยอาหารเม็ดและขนมขัดฟันมีส่วนช่วยในการทําความสะอาดคราบพลัคบนฟันได้ การเคี้ยวหนังสัตว์หรือของเล่นบางชนิดก็ช่วยได้เช่นกัน แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายกับฟันของพวกเค้า แต่เจ้าของก็ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่กลืนของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ลงไปในท้อง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้กระดูกสัตว์เพื่อขัดฟันโดยเด็ดขาด

อาหารสุนัขไอแอมส์™แบบเม็ด สำหรับสุนัขโต เช่น สูตรโปรแอคทีฟ เฮลท์™ มีเม็ดอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษซึ่งช่วยลดการสะสมของคราบหินปูน และเสริมให้น้องหมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น

 

วิธีแปรงฟันสุนัขให้สะอาดและราบรื่น

การฝึกแปรงฟันให้สุนัขต้องใช้เวลาและความอดทน เริ่มจากใช้นิ้วมือถูเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟันด้านนอกพวกเค้า หลังจากที่พวกเค้าปรับตัวได้แล้ว จึงค่อยเริ่มถูบริเวณด้านในช่องปาก

เมื่อน้องหมาคุ้นเคยกับการถูฟันแล้ว จึงค่อยแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับรสชาติและเนื้อสัมผัสของยาสีฟัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันของคน หลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ให้เปลี่ยนจากการใช้นิ้วพันผ้าก๊อซมาเป็นแปรงสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะแทน

ควรจับแปรงสีฟันในมุม 45 องศา ก่อนแปรงไปที่บริเวณฟันและเหงือกของพวกเค้า โดยให้หมุนเป็นวงกลมไปมาจนทั่ว จากนั้นให้แปรงขึ้นลงเพื่อขจัดคราบพลัคระหว่างฟัน ทําซ้ำจนกว่าฟันทั้งหมดจะสะอาด สำหรับการแปรงฟันด้านในอาจยุ่งยากเล็กน้อย เนื่องจากน้องหมาไม่ยอมเปิดปากหรือนิ่งนิ่ง ๆ ทั้งนี้เพื่อให้การทําความสะอาดมีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้แปรงฟันสุนัขสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง

 

จะเลือกยาสีฟันที่เหมาะสําหรับสุนัขได้อย่างไร?

หากคุณต้องการดูแลฟันสุนัขให้สะอาด สุขภาพดี คุณควรเลือกยาสีฟันที่สัตวแพทย์แนะนํา เพื่อให้แน่ใจว่าผ่านการรับรองหรือทดสอบแล้วว่าปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงป้องกันการสะสมของคราบพลัคและต่อสู้กับแบคทีเรียในช่องปากได้จริง ทั้งนี้แนะนำให้งดใช้ยาสีฟันของคน เพราะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งเป็นพิษต่อสุนัข

 

วิธีการดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันของสุนัข

ใช้กระดาษเปียกสำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะ

กระดาษเปียกประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเช็ดและขจัดคราบพลัคบนฟันของสุนัขโดยเฉพาะ มันทำความสะอาดได้เช่นเดียวกับการใช้แปรงสีฟัน แต่มีความสะดวกมากกว่า

 

ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขเป็นประจำ

การแปรงฟันให้สุนัขอาจดูยุ่งยากไปบ้าง แต่มันเป็นวิธีขจัดคราบพลัคและหินปูนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้เราไม่จำเป็นต้องแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน อาจจะแปรงสัปดาห์ 2 – 3 ครั้ง โดยเริ่มแรกพวกเค้าอาจไม่พอใจ ให้ฝึกบ่อย ๆ จะได้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น การแปรงฟันควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ หรือคุณอาจใช้นิ้วมือแทนก็ได้เช่นกัน คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคําแนะนําเพิ่มเติมได้

 

ใช้ขนมขบเคี้ยวเป็นตัวช่วย

การเคี้ยวเป็นวิธีทำความสะอาดฟันโดยธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันฟันผุ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของพวกเค้าด้วย การให้ขนมขบเคี้ยวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยขนมขบเคี้ยวมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดฟันได้ค่อนข้างดี เช่น หูวัวอบแห้ง ชิคเก้นสตริ๊ป และเนื้อวัวแบบแท่ง

 

ให้ขนมขัดฟัน

น้องหมาส่วนใหญ่ชื่นชอบขนมเป็นที่สุด ซึ่งขนมขัดฟันก็เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของพวกเค้า ขนมเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสะสมของคราบพลัค ลดกลิ่นปาก และทำความสะอาดฟัน บวกกับมีให้เลือกหลายรูปแบบ หลายขนาด และหลายรสชาติ จึงเป็นวิธีที่ถูกใจน้องหมามากกว่าการแปรงฟัน

 

พบสัตวแพทย์เป็นประจำ

การพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด คุณหมอสามารถกำหนดวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมา และสามารถระบุปัญหาสุขภาพที่เจ้าของอย่างคุณอาจมองข้ามไปได้

 

เมื่อสุนัขต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากน้องหมาไม่ให้ความร่วมมือในการแปรงฟัน หรือคุณเริ่มสังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลและพบเลือดออกตามไรฟันของพวกเค้า แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที โดยคุณหมอจะให้ยาชาก่อนเริ่มทำความสะอาดช่องปากและฟันของเจ้าตัวน้อย หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็จะขัดฟันเพื่อขจัดคราบพลัคและทำให้ฟันเรียบป้องกันไม่ให้คราบพลัคเกาะติดได้ง่าย

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมามาก ดังนั้นอย่าลืมแปรงฟันให้พวกเค้าเป็นประจำด้วยนะ

 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของสุนัข

 

จะดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและสุขภาพดีได้อย่างไร?

  • คุณสามารถดูแลฟันสุนัขด้วยวิธีต่อไปนี้:
  • แปรงฟันให้สุนัขอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ
  • เตรียมของเล่นสำหรับกัดแทะไว้ให้พวกเค้า
  • หมั่นฉีดสเปรย์ทำความสะอาดช่องปาก
  • ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี

 

น้องหมาจำเป็นต้องแปรงฟันจริงหรือไม่?

น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเช่นกัน! เพราะมีคราบพลัคและหินปูนซึ่งเกิดจากเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียตกค้างอยู่  เชื้อโรคเหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเหงือกจนทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรง หรือที่แย่กว่านั้นน้องหมาอาจสูญเสียฟันได้

 

เราจะลดการสะสมของคราบพลัคได้อย่างไรบ้าง?

การแปรงฟันคือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดคราบพลัคและหินปูน โดยแนะนำให้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ หรือจะใช้นิ้วมือถูฟันพวกเค้าเบา ๆ แทนการใช้แปรงก็ได้ แต่อาจต้องฝึกบ่อยครั้งเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับวิธีดังกล่าว

 

เราจะลดการสะสมของคราบหินปูนได้อย่างไรบ้าง?

เลือกให้อาหารที่ผ่านการรับรองโดย Veterinary Oral Health Council (VOHC) เนื่องจากกระบวนการหรือกลไกทางเคมีที่ช่วยสะสมของคราบพลัคและหินปูนบนฟันสุนัขได้ โดยการก่อตัวของหินปูนจะเกิดช้าลงหากลดการสะสมของคราบพลัคลงได้ ทั้งนี้แนะนำให้แปรงฟันให้สุนัขเป็นประจำทุกวันด้วย

 

เราสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากกับน้องหมาได้หรือไม่?

สามารถใช้ได้ แต่แนะนำให้เลือกน้ำยาสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะเท่านั้น น้ำยาทำความสะอาดประเภทนี้จะช่วยลดแบคทีเรียและคราบพลัคในช่องปากได้ ส่วนวิธีใช้คือผสมให้เจือจางลงในชามน้ำของน้องหมา

  • ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
    ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
    adp_description_block415
    ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

    • แบ่งปัน

    ยินดีด้วย! หากคุณเพิ่งได้รับลูกสุนัขตัวใหม่ เรารู้ดีว่าการพาลูกสุนัขเข้าบ้านครั้งแรกเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกและตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกัน การเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมความท้าทายและความรับผิดชอบใหม่ ๆ ซึ่งหน้าที่แรกของพ่อแม่มือใหม่คือการเตรียมสิ่งของที่จำเป็นให้พร้อม เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้อยู่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุข
     

    โดยควรเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหลังรับลูกสุนัขเข้าบ้านแล้ว ทั้งนี้พ่อแม่มือใหม่บางคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย เราจึงรวบรวมรายชื่อสิ่งของที่จำเป็น พร้อมด้วยเคล็ดลับดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้การต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ของคุณง่ายยิ่งขึ้น
     

    วิธีอุ้มลูกสุนัขที่ถูกต้อง

    ความน่ารักน่ากอดของลูกสุนัขไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอดรนทนไม่ไหว ต้องอุ้มพวกเค้าขึ้นมากอดมาคลอเคลียทุกครั้งที่พบเจอ อย่างไรก็ตาม ลูกสุนัขอยู่ในช่วงวัยกำลังพัฒนา หากอุ้มผิดวิธีอาจทำให้พวกเค้ารู้สึกไม่สบายตัวหรือถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ จึงขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. ขั้นตอนที่ 1 – วางมือข้างหนึ่งไว้ใต้สะโพกของลูกสุนัข ส่วนอีกมือหนึ่งให้วางไว้ใต้หน้าอก
    2. ขั้นตอนที่ 2 – ยกลูกสุนัขขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง คุณสามารถใช้เทคนิคนี้กับสุนัขตัวเล็กได้ แต่สำหรับสุนัขตัวใหญ่ ให้โอบแขนทั้งสองข้างรอบขา จากนั้นดึงไปที่หน้าอกแล้วค่อยยกขึ้น

    รวมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับลูกสุนัข

    เช็กลิสต์สิ่งจำเป็นที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนพาเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน มีดังนี้

    1. อาหารสุนัข – แนะนำให้เลือกสูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากพวกเค้าต้องการแคลเซียม ฟอสฟอรัส ไขมัน และโปรตีนปริมาณมาก ซึ่งทำให้อาหารสำหรับลูกสุนัขมีปริมาณแคลอรีสูงกว่าสูตรอื่น ๆ ทั้งนี้โภชนาการมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารคุณภาพดี เหมาะกับขนาดและช่วงวัย อย่างอาหารสุนัขไอแอมส์™ ที่ผลิตจากวัตถุดิบเกรดพรีเมียม ย่อยง่าย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนแม้ว่าจะกินในปริมาณน้อย
    2. ขนมสำหรับสุนัข – ขนมสำหรับสุนัขมักจะแบ่งเป็น 2 ชนิด คือขนมสูตรเฮลตี้ ดีต่อสุขภาพ เช่น ขนมขัดฟัน และขนมสำหรับใช้ฝึก
    3. เตียงนอน – น้องหมาควรได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม ๆ หลังออกไปผจญภัยหรือวิ่งเล่นกันมาทั้งวัน โดยเตียงนอนที่ดีต้องเหมาะกับขนาดตัวของน้องหมา อาจเตรียมหมอนหนุนหรือผ้าห่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้พวกเค้าเพิ่มเติมได้
    4. ชามอาหารและชามน้ำ – เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญสำหรับน้องหมาทุกตัว โดยแนะนำให้เลือกจากขนาดและวิธีการกินของลูกสุนัข ไม่ควรใช้ชามใบเดียวกันทั้งสำหรับให้อาหารและให้น้ำ อาจเลือกใช้เป็นชามสเตนเลส เนื่องจากแข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดง่าย และไม่ดูดซับกลิ่น
    5. กรงหรือกระเป๋าสำหรับสุนัข – ถือเป็นตัวช่วยที่ดีเมื่อต้องพาน้องหมาออกนอกบ้านหรือเดินทางไกล ทั้งกรงและกระเป๋ามีให้เลือกหลากหลายแบบ แต่ควรเลือกให้เหมาะกับขนาดและสายพันธุ์ของน้องหมา หรือหากต้องการพาน้องหมาขึ้นเครื่องบิน ก็ควรเลือกรูปแบบที่ได้รับการรับรองจากสายการบินนั้น ๆ เพราะจะทำให้เดินทางได้ง่ายขึ้น
    6. เสื้อผ้า – ในช่วงที่มีอากาศเย็นหรืออากาศชื้น ควรใส่เสื้อผ้าที่แห้งและสะอาดให้กับน้องหมา เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและป้องกันไม่ให้เจ้าตัวน้อยของคุณเป็นหวัด ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าเนื้อผ้าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
    7. ปลอกคอและสายจูง – ขนาดของปลอกคอและสายจูงเป็นสิ่งสำคัญ น้องหมาต้องหายใจสะดวก ไม่อึดอัด และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่อสวมใส่ ควรเลือกปลอกคอที่ปรับขนาดได้และถอดออกง่าย เมื่อใส่แล้วควรมีพื้นที่ว่างระหว่างปลอกคอประมาณสองนิ้วมือ ส่วนสายจูงควรเลือกที่ทำจากเชือกไนลอนยาว 6 ฟุตหรือประมาณ 1.8 เมตร และควรมีความกว้างประมาณ ½ - ¾ นิ้ว
    8. ของเล่น – เพื่อความสุขและความสนุกของเจ้าตัวน้อย ผู้เลี้ยงควรเตรียมของเล่นหลาย ๆ ชนิดติดบ้านเอาไว้ เช่น ของเล่นสำหรับกัดแทะ ตุ๊กตานุ่มนิ่มสำหรับกอดนอน และของเล่นสำหรับฝึกทักษะ ของเล่นเหล่านี้จะช่วยให้พวกเค้ากระฉับกระเฉงและสดชื่น หลีกเลี่ยงการซื้อของเล่นขนาดเล็ก เพื่อป้องกันน้องหมากินหรือกลืนเข้าไปจนเกิดอันตราย
    9. ถุงเก็บมูลสัตว์ – เมื่อพาน้องหมาออกไปเดินเล่นในที่สาธารณะ เจ้าของควรเตรียมถุงเก็บมูลสัตว์เพื่อทำความสะอาดหลังน้องหมาขับถ่าย เพราะในหลายพื้นที่มีกฎและข้อกำหนดสำหรับเรื่องนี้ หากไม่ทำตามอาจถูกปรับและโดนตักเตือนได้
    10. อุปกรณ์สำหรับการกรูมมิ่ง – แชมพู แปรงและหวี กรรไกรตัดเล็บ ยาสีฟันและแปรงสีฟัน น้ำยาทำความสะอาดสำหรับสุนัข ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลเจ้าตัวน้อยของคุณ
    11. ป้ายชื่อ – อย่าลืมสั่งทำป้ายชื่อน่ารัก ๆ ห้อยกับปลอกคอของเจ้าตัวน้อยกันด้วย ป้ายชื่อควรระบุชื่อของลูกสุนัข หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ หรือหมายเลขโทรศัพท์คลินิกสัตว์ที่คุณไปประจำ
    12. รั้วหรือประตูกั้น – สิ่งสุดท้ายที่ควรมีคือรั้วหรือประตูกั้น สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันการรบกวนเมื่อคุณต้องการเวลาส่วนตัวหรือเมื่อมีเด็กเล่นในบ้านได้เป็นอย่างดี

    การเตรียมพร้อมเพื่อช่วยให้ลูกสุนัขปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น

    ผู้เลี้ยงอาจต้องจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งของบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ลูกสุนัขปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดียิ่งขึ้น โดยคุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้

    1. ขั้นตอนที่ 1 – จัดเตรียมพื้นที่ขับถ่ายให้พร้อมและเริ่มฝึกพวกเค้าให้ขับถ่ายเป็นที่ตั้งแต่เนิ่น ๆ หากลูกสุนัขขับถ่ายในที่ที่ถูกต้อง ก็ควรให้ขนมเป็นรางวัล
    2. ขั้นตอนที่ 2 – วางกรงและเบาะนอนของลูกสุนัขไว้ในที่เฉพาะ เลือกพื้นที่ที่สงบและห่างจากความวุ่นวาย เพื่อให้พวกเค้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงวันแรก ๆ
    3. ขั้นตอนที่ 3 – ปล่อยให้เจ้าตัวน้อยได้สำรวจบ้านใหม่และทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน แต่ก่อนอื่นควรเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย เก็บของมีคมหรือข้าวของอันตรายให้มิดชิด และอย่าปล่อยให้พื้นลื่น เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
    4. ขั้นตอนที่ 4 – แนะนำทุกคนให้รู้จักกับลูกสุนัขตัวใหม่กันตั้งแต่วันแรก คุณอาจพบว่าลูกสุนัขจะตื่นเต้นมากและจะพยายามคลุกคลีกับทุกคนรอบตัว โดยสามารถชวนลูกสุนัขเล่นด้วยได้ แต่ต้องไม่บังคับหรือทำให้พวกเค้ารู้สึกเครียด หากพวกเค้าพยายามซ่อนตัว ก็ควรปล่อยให้ใช้เวลาตามลำพัง อาจลองให้ขนมหรือลูบตัวเบา ๆ เพื่อให้พวกเค้ารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

    การเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ให้อยู่ร่วมกับเด็กเล็ก

    ควรให้โอกาสลูก ๆ ของคุณมีส่วนร่วมในการรับเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกผูกพันกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวมากขึ้น เมื่อได้ลูกสุนัขกลับบ้านแล้ว คุณสามารถปล่อยให้พวกเค้าเล่นด้วยกันได้ แต่ควรจำกัดเวลาการเล่นให้อยู่ในช่วง 15 – 30 นาที สองครั้งหรือสามครั้งต่อวัน เนื่องจากลูกสุนัขอยู่ในวัยที่ต้องการเวลาพักผ่อนมาก นอกจากนี้ช่วงเวลาที่เด็ก ๆ อยู่กับลูกสุนัข ควรมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย
     

    การแนะนำลูกสุนัขตัวใหม่กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น

    ลูกสุนัขส่วนใหญ่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นและยังคงไร้เดียงสา จึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อต้องแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการปะทะ เริ่มด้วยการพาลูกสุนัขไปหาสุนัขที่โตกว่า ปล่อยให้พวกเค้าใช้เวลาร่วมกัน ไม่ต้องกังวลหากพวกเค้าจะดมหรือเลียกันเพราะเป็นการทักทายกันตามปกติ แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มกัดหรือเห่าใส่กัน ให้รีบเข้าไปแยกออก
     

    แม้ว่าการนำลูกสุนัขกลับบ้านจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน แต่อย่าลืมเตรียมสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุปกรณ์ดูแลขน เตียงนอน และขนมแสนอร่อย นอกจากนี้คุณควรสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยและมั่นคงเพื่อให้ลูกสุนัขเติบโตอย่างแข็งแรง