IAMS TH
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

adp_description_block376
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

  • แบ่งปัน

การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

 

ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  • บาดแผลบริเวณดวงตา
  • อาการลมพิษ
  • แผลเปิด
  • อาการชัก
  • เป็นลม หมดสติ
  • มีรอยกัด
  • หายใจลำบาก
  • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
 

การตรวจสุขภาพประจำปี

ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
 

หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

  • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
  • รายงานสุขภาพ
  • โภชนาการที่เหมาะสม
  • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
 

การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

  • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
  • โรคไข้หัด
  • โรคตับอักเสบ
  • โรคพิษสุนัขบ้า
  • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
  • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
  • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
  • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์

  1. ควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
  2. ในช่วงปีแรก คุณอาจต้องพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันที่จำเป็น และเมื่อฉีดวัคซีนครบถ้วนดีแล้ว คุณหมอจะเป็นผู้กำหนดนัดหมายเพิ่มเติม ทั้งนี้คุณจำเป็นต้องพาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝงด้วย

  3. เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพครั้งแรกของลูกสุนัข มีอะไรบ้าง?
  4. หากเป็นการพบสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกสุนัข คุณควรพูดคุยกับผู้เพาะพันธุ์หรือศูนย์พักพิงเพื่อขอข้อมูลการฉีดวัคซีน การถ่ายพยาธิ หรือการรักษาต่าง ๆ ในกรณีที่ลูกสุนัขกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ ให้พกติดตัวไปด้วย รวมถึงควรแจ้งสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารหรือประเด็นปัญหาที่คุณพบเจอ

  5. ลูกสุนัขต้องเข้าพบสัตวแพทย์กี่ครั้ง?
  6. หากลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน คุณควรพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 หรือ 4 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะจัดตารางเวลานัดหมายให้ คุณควรพาลูกสุนัขไปพบตามกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

  • Why Your Dog Needs Antioxidants
    Why Your Dog Needs Antioxidants
    adp_description_block255
    ทำไมสุนัขต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ

    ทำไมสุนัขต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ

    • แบ่งปัน

    'สุนัขของคุณต้องการสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง นี่คือเหตุผลที่อาหารสุนัขของ ไอแอมส์™ ทุกสูตรมีระดับสารอาหารเหล่านี้อย่างเหมาะสม

    สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยรักษาสุขภาพด้วยการชะลอกระบวนการชราภาพของโมเลกุลเซลล์  และมีความสำคัญในการซ่อมแซมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันและการรับรู้วัคซีนในสุนัข นี่อาจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับลูกสุนัขที่ได้รับการฉีดวัคซีนในขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันยังคงพัฒนา และสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในสุนัขโตได้อีกด้วย

     

    สารต้านอนุมูลอิสระพบได้ที่ไหน

     

    สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารอาหารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย และในพืชเช่น ผักและผลไม้ สารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป ได้แก่ วิตามิน A วิตามิน C วิตามิน E และสารประกอบบางชนิดที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ (เช่นลูทีนและเบต้าแคโรทีน)

     

    สารต้านอนุมูลอิสระทำงานอย่างไร

     

    สารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีหน้าที่ปรับโครงสร้างของสารอนุมูลอิสระให้เกิดความสมดุลและเป็นกลาง ซึ่งจะช่วยลดและป้องกันความเสียหายที่เกิดกับเซลล์ ส่งผลให้ร่างกายระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

    กระบวนการนี้เรียกว่า peroxidation Peroxidation มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรคและปรสิต อย่างไรก็ตาม เมื่อ peroxidation ถูกปล่อยทิ้งไว้ ก็จะทำลายเซลล์ที่ดีได้เช่นกัน

    สารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการทำลายเซลล์อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาอนุมูลอิสระให้คงที่ ที่สำคัญกว่านั้นสารต้านอนุมูลอิสระจะกลับไปที่ผิวของเซลล์เพื่อสร้างความมั่นคงแทนที่จะทำลายส่วนประกอบอื่น ๆ ของเซลล์

    เมื่อมีสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบการเกิดอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระจะเริ่มทำลายเซลล์ที่มีสุขภาพดีซึ่งในทางกลับกันอาจนำไปสู่ปัญหา ตัวอย่างเช่นความเสียหายอนุมูลอิสระต่อเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันสามารถนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการติดเชื้อได้

     

    สารต้านอนุมูลอิสระและการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

     

    สารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีบทบาทสำคัญในการลดความเสียหายต่อเซลล์มนุษย์ ผลการศึกษาพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญในการช่วยให้สุนัขรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้เช่นกัน

     

    สารต้านอนุมูลอิสระ (ANTIOXIDANT)แหล่งที่มาการทำงาน
    วิตามิน Eสารสกัดจากพืช น้ำมันโทโคฟีรอลการกระตุ้น T-cell ของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    ลูทีนสารสกัดจากดอกดาวเรืองการกระตุ้น B-cell ของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยให้สุนัขและแมวตอบสนองวัคซีน
    เบต้าแคโรทีวิตามิน ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่และไขมันไก่เพิ่มประสิทธิภาพเซลล์ที่มีอยู่ในเลือดเพิ่มระดับแอนติบอดีในเลือดและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองวัคซีนในสุนัข

     

    สารต้านอนุมูลอิสระและสุขภาพลูกสุนัข

     

    การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตามปกติมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อลูกสุนัข ระบบภูมิคุ้มกันยังคงพัฒนาในเวลาที่ถูกกระตุ้นด้วยการฉีดวัคซีนและการสัมผัสกับตัวการทำให้เกิดโรค ด้วยการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ อาหารลูกสุนัขที่มีคุณภาพสูงสามารถรองรับการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยรักษาสุขภาพที่ดีและป้องกันไวรัสแบคทีเรียและปรสิตได้

     

    สารต้านอนุมูลอิสระและความชรา

     

    การวิจัยล่าสุดยังทดลองเกี่ยวกับผลของความชราที่มีต่อการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ผลการวิจัยระบุว่าเมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้น การตอบสนองของเซลล์ภูมิคุ้มกันอาจลดลง การรวมสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสามารถลดการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันได้'

Close modal