IAMS TH
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

adp_description_block111
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

  • แบ่งปัน

การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

 

ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  • บาดแผลบริเวณดวงตา
  • อาการลมพิษ
  • แผลเปิด
  • อาการชัก
  • เป็นลม หมดสติ
  • มีรอยกัด
  • หายใจลำบาก
  • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
 

การตรวจสุขภาพประจำปี

ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
 

หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

  • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
  • รายงานสุขภาพ
  • โภชนาการที่เหมาะสม
  • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
 

การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

  • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
  • โรคไข้หัด
  • โรคตับอักเสบ
  • โรคพิษสุนัขบ้า
  • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
  • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
  • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
  • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์

  1. ควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
  2. ในช่วงปีแรก คุณอาจต้องพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันที่จำเป็น และเมื่อฉีดวัคซีนครบถ้วนดีแล้ว คุณหมอจะเป็นผู้กำหนดนัดหมายเพิ่มเติม ทั้งนี้คุณจำเป็นต้องพาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝงด้วย

  3. เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพครั้งแรกของลูกสุนัข มีอะไรบ้าง?
  4. หากเป็นการพบสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกสุนัข คุณควรพูดคุยกับผู้เพาะพันธุ์หรือศูนย์พักพิงเพื่อขอข้อมูลการฉีดวัคซีน การถ่ายพยาธิ หรือการรักษาต่าง ๆ ในกรณีที่ลูกสุนัขกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ ให้พกติดตัวไปด้วย รวมถึงควรแจ้งสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารหรือประเด็นปัญหาที่คุณพบเจอ

  5. ลูกสุนัขต้องเข้าพบสัตวแพทย์กี่ครั้ง?
  6. หากลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน คุณควรพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 หรือ 4 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะจัดตารางเวลานัดหมายให้ คุณควรพาลูกสุนัขไปพบตามกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

  • How to Track Your Puppy's Health in the First Year
    How to Track Your Puppy's Health in the First Year
    adp_description_block229
    การติดตามลูกสุนัขของคุณในปีแรก

    • แบ่งปัน

    'ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณเป็นเจ้าของสุนัขที่น่าภาคภูมิใจ สิ่งสำคัญคือการทำตามขั้นตอนนี้เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพลูกสุนัขนั้นดีเยี่ยม Louise Murray, DVM ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ Bergh Memorial ASPCA ในนิวยอร์กซิตี้และผู้เขียน Vet Confidential (Ballantine, 2008) เสนอสิ่งที่จะชี้วัดถึงสุขภาพของสุนัขของคุณในปีแรก

    สุขภาพของลูกสุนัข: การดูแลป้องกัน

    สอบถามเพื่อน ๆ เพื่อค้นหาสัตวแพทย์ที่คุณเชื่อถือได้ ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนำลูกสุนัขกลับบ้านให้พาเขาไปตรวจสุขภาพ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและเริ่มเก็บประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียด 

     

    สุขภาพของลูกสุนัข: วัคซีน

    การให้วัคซีนมากเกินไปกับสุนัขเป็นประเด็นร้อนในปัจจุบัน, Murray กล่าว คำถามก็คือควรใช้วัคซีนชนิดใดและบ่อยแค่ไหน ''วัคซีนหลัก'' - สำหรับพาร์โวไวรัส, โรคไข้หัดสุนัข, อะดิโนไวรัสประเภท 2 และโรคพิษสุนัขบ้า – เป็นวัคซีนหลักสำคัญที่สุนัขต้องได้รับ “การฉีดยาเหล่านี้ปกป้องสุนัขของคุณจากโรคอันตรายต่าง ๆ” เธอกล่าวไว้ อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเติมซึ่งต้องพิจารณาจากสิ่งแวดล้อมที่คุณอาศัยอยู่ คุณพาสุนัขของคุณไปที่ไหนและคุณพาสุนัขเดินทางหรือไม่

     

    สุขภาพของลูกสุนัข: อาหาร

    เลือกแบรนด์อาหารสุนัขที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้และพูดคุยสอบถามสัตวแพทย์เกี่ยวกับตัวเลือกต่าง ๆ ในปีแรกลูกสุนัขของคุณจะต้องกินอาหารสูตรสำหรับลูกสุนัข และอาจต้องกินอาหารวันจะ 3 ครั้ง

     

    สุขภาพของลูกสุนัข: การทำหมัน

    มาตรการที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับประชากรสุนัขที่มากเกินไปก็คือการทำหมัน ซึ่งควรดำเนินการในช่วงอายุ 4 ถึง 5 เดือนซึ่งเป็นช่วงก่อนที่สุนัขเพศเมียจะเข้าสู่ช่วงเป็นสัดครั้งแรก และก่อนที่สุนัขเพศผู้จะเข้าสู่วัยหนุ่ม Murray กล่าวว่า สุนัขเพศเมียที่ถูกทำหมันก่อนที่จะเป็นสัดมีโอกาสน้อยที่จะเป็นมะเร็งเต้านมถึง 2,000 เท่า เพศผู้ที่ถูกตอนก่อนเข้าสู่วัยแรกรุ่นมีปัญหาด้านพฤติกรรมน้อยลงเช่น ความก้าวร้าวต่อสุนัขตัวอื่น และปัสสาวะเรี่ยราดอีกด้วย

     

    สุขภาพของลูกสุนัข: ยาหมัด เห็บ และหนอนหัวใจ

    สุนัขส่วนใหญ่ควรกินยาตลอดปีเพื่อป้องกันโรคหนอนหัวใจซึ่งเป็นกาฝากที่คุกคามชีวิต Murray กล่าวไว้ หมัดมักถูกมองว่าเป็นเพียงความรำคาญ แต่จริงๆมันสามารถทำให้เกิดปัญหาผิวที่รุนแรงและโรคโลหิตจางได้ และเห็บทำให้เกิดหลายโรค (รวมถึงโรคไลม์และโรค Rocky mountain spotted fever) ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้'

Close modal