IAMS TH
Your Cat's Health from 1 to 8 Years
Your Cat's Health from 1 to 8 Years

adp_description_block303
คู่มือการดูแลลูกแมวแบบฉบับมือโปร

  • แบ่งปัน

แมวได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลก อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ในอุดมคติ มีความสง่างาม คล่องแคล่ว และปราดเปรียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเค้าถึงครองตำแหน่งสัตว์เลี้ยงยอดนิยมตลอดกาล อย่างไรก็ตาม ความเพอร์เฟกต์เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลทะนุถนอม โดยในช่วงอายุ 1 – 8 ปี เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่นสู่วัยกลางคน และเป็นช่วงที่ผู้เลี้ยงต้องเอาใจใส่ดูแลให้พวกเค้ามีสุขภาพที่ดี ด้วยการเลือกโภชนาการที่เหมาะสม หมั่นสังเกตสภาพร่างกายหรืออาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด และพบสัตวแพทย์ตามกำหนด ยิ่งเริ่มดูแลเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแมวเหมียว ติดตามทุกเรื่องที่คุณควรรู้ทั้งหมดได้ในบทความนี้

แมวได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลก อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ในอุดมคติ มีความสง่างาม คล่องแคล่ว และปราดเปรียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเค้าถึงครองตำแหน่งสัตว์เลี้ยงยอดนิยมตลอดกาล อย่างไรก็ตาม ความเพอร์เฟกต์เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลทะนุถนอม โดยในช่วงอายุ 1 – 8 ปี เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่นสู่วัยกลางคน และเป็นช่วงที่ผู้เลี้ยงต้องเอาใจใส่ดูแลให้พวกเค้ามีสุขภาพที่ดี ด้วยการเลือกโภชนาการที่เหมาะสม หมั่นสังเกตสภาพร่างกายหรืออาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด และพบสัตวแพทย์ตามกำหนด ยิ่งเริ่มดูแลเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแมวเหมียว ติดตามทุกเรื่องที่คุณควรรู้ทั้งหมดได้ในบทความนี้
 

วิธีดูแลรักษาสุขภาพแมว

สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง คุณอาจยังไม่คุ้นเคยกับการดูแลและไม่เข้าใจความต้องการของแมวเหมียวดีนัก ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณแข็งแรง
 

  1. แปรงขนให้แมวทุกวัน

    แมวมักจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำ ส่งผลให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันเป็นครั้งคราว วิธีป้องกันง่าย ๆ คือการแปรงขนทุกวัน เนื่องจากช่วยกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไป จึงลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนขนอุดตันในระบบทางเดินอาหารได้

  2. เลือกโภชนาการที่เหมาะสมและจัดเตรียมน้ำให้เพียงพอ

    แหล่งอาหารหลักของแมวคือเนื้อสัตว์ มันจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารแมวทุกชนิด อย่างไรก็ตาม ควรให้อาหารแมวทั้งแบบเม็ดและแบบเปียก อาหารเม็ดมีส่วนช่วยเสริมสุขภาพฟัน สะดวก และเก็บรักษาได้นาน ส่วนอาหารเปียกที่ประกอบด้วยน้ำเกือบ 78% นั้น ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำที่แมวจะได้รับในแต่ละวัน และที่สำคัญคือช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาสุขภาพในแมวสูงวัย

    และเมื่อพูดถึงเรื่องอาหารการกิน ต้องบอกก่อนเลยว่าแมวค่อนข้างจู้จี้จุกจิกเล็กน้อย แมวบางตัวชอบอาหารเม็ดมากกว่าอาหารเปียก ในกรณีนี้ คุณอาจต้องเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพิ่มจุดวางน้ำรอบบ้าน และเลือกตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย นอกจากนี้ยังควรเลือกอาหารเม็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน อย่างอาหารแมวของไอแอมส์™ ที่ไม่เพียงแต่มีโปรตีนคุณภาพสูง แต่ยังมีสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ เช่น โอเมก้า 3 น้ำมันปลา วิตามิน และแร่ธาตุ จึงมั่นใจได้ว่าแมวของคุณจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสม ช่วยให้พวกเค้ามีขนสวยเงางามและมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

  3. เพิ่มจุดวางกระบะทรายภายในบ้าน

    แมวทุกตัวควรมีกระบะทรายเป็นของตัวเอง และควรมีกระบะทรายสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย นอกจากเรื่องจำนวนแล้ว ตำแหน่งของกระบะทรายก็มีความสำคัญเช่นกัน ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่มักวางกระบะทรายไว้ใต้เฟอร์นิเจอร์ ในห้องใต้ดิน หรือในมุมมืด ซึ่งอาจทำให้แมวไม่พอใจจนหลีกเลี่ยงการใช้งาน หากพบว่าแมวของคุณไม่ยอมใช้กระบะทราย แนะนำให้ลองเปลี่ยนตำแหน่งที่วาง

  4. ค้นหาสาเหตุที่ทำให้แมวไม่ยอมใช้กระบะทราย

    แมวขับถ่ายเรี่ยราดหรือขับถ่ายไม่เป็นที่จนต้องเก็บกวาดบ้านบ่อย ๆ ถือเป็นปัญหากวนใจของผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เลย วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้คือการหาสาเหตุของพฤติกรรม เริ่มจากพาแมวของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาอาการผิดปกติ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หากความเจ็บป่วยไม่ใช่ต้นเหตุ ให้ลองเปลี่ยนตำแหน่งวางกระบะทรายในบ้าน

  5. ฝึกให้แมวใช้เสาลับเล็บ

    เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คนเลี้ยงแมวต้องเจอ สำหรับร่องรอยความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์หรือผ้าม่านภายในบ้าน การข่วนเป็นพฤติกรรมโดยสัญชาตญาณของแมว แนะนำให้เตรียมเสาลับเล็บไว้ในบ้าน วางไว้ในจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย คุณอาจโรยผงแคทนิปเพื่อกระตุ้นให้แมวอยากใช้งานเพิ่มด้วยก็ได้

  6. พาแมวไปทำหมัน

    การทำหมันมีข้อดีมากมาย ทั้งในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ แมวตัวเมียจะแสดงอาการติดสัดเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยผสมพันธุ์ ซึ่งมักจะทำให้เกิดความไม่สบายตัว นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน การเลี้ยงลูกเพียงลำพังก็สร้างความเครียดให้แม่แมวได้เช่นกัน ในขณะที่แมวตัวผู้มักจะมีปัญหาต่อสู้กันเองบ่อย ๆ จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อผ่านการข่วนและกัดได้ง่ายขึ้น
     

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในแมว

หากคุณเป็นทาสแมวมือใหม่ คุณต้องหมั่นสังเกตอาการผิดปกติหรือปัญหาสุขภาพทั่ว ๆ ไป และขอแนะนำให้พาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อค้นหาความเสี่ยงการเกิดโรคหรือตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพ
 

  1. อาการอาเจียน

    การอาเจียนเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยที่สุด และอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีก้อนขนอุดตันในระบบทางเดินอาหาร การกินสิ่งแปลกปลอม โรคเบาหวาน และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หากพบว่าแมวท้องแข็งหรือมีน้ำลายไหลมากผิดปกติ ควรไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  2. หมัด

    หมัดเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย แต่โชคดีที่สามารถรักษาได้ง่าย สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าแมวของคุณมีหมัด ได้แก่

    • ขนร่วง
    • การติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
    • มีอาการคันหรือเกาตัวมากผิดปกติ
    • เลียตัวบ่อยขึ้น

    ทั้งนี้แนะนำให้พาน้องแมวไปตรวจร่างกาย ป้องกันปรสิต และถ่ายพยาธิเป็นประจำ

  3. โรคระบบทางเดินปัสสาวะในแมว (FLUTD)

    แมวที่มีร่างกายไม่แข็งแรง น้ำหนักตัวเกิน หรือกินน้ำน้อย แนวโน้มที่จะมีปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะสูง นอกจากนี้การอยู่ร่วมกับแมวหลายตัว การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรอย่างกะทันหัน และความเครียด ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้เช่นกัน อาการของโรคที่พบได้ มีดังนี้

    • มีภาวะขาดน้ำ
    • ความอยากอาหารลดลง

    • อาเจียนบ่อย

    • เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ

    • มีการเลียรอบอวัยวะเพศ

    • ปัสสาวะมีเลือดปะปน

    • ขับถ่ายนอกกระบะทราย

    ทั้งนี้สัตวแพทย์จะตรวจสอบและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับประเภทของอาการ

  4. ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา

    ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาที่อาจพบได้ในแมว ได้แก่ ต้อหิน ต้อกระจก เยื่อบุตาอักเสบ การติดเชื้อไวรัส โรคเกี่ยวกับจอประสาทตา และการบาดเจ็บต่าง ๆ คุณสามารถสังเกตสัญญาณเตือนของปัญหาได้จากอาการเหล่านี้ มีน้ำตาไหล ตาแดง มีขี้ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ดวงตามีความขุ่นมัว มีอาการระคายเคืองหรืออักเสบ และมีอาการตาเหล่ สำหรับวิธีดูแลเบื้องต้นนั้น ให้เช็ดทำความสะอาดดวงตาของพวกเค้าเบา ๆ จากนั้นรีบพาไปพบสัตวแพทย์

  5. ท้องเสีย

    อาการท้องเสียอาจเกิดจากการกินอาหารเน่าเสีย โรคตับ โรคมะเร็ง การติดเชื้อ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ น้องแมวอาจมีอาการอุจจาระเหลวนานเป็นวัน สัปดาห์ หรือเดือน ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากแมวมีอาการท้องเสียควรให้กินน้ำสะอาดมาก ๆ แล้วรีบพาไปพบสัตวแพทย์
     

สัญญาณสุขภาพดีในแมว

หลังจากเรียนรู้วิธีดูแลและวิธีสังเกตสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพกันไปแล้ว เรามาทำความรู้จักกับสัญญาณสุขภาพดีของแมวกันบ้างดีกว่า

  1. พฤติกรรมการดูแลขน

    สัญญาณของแมวสุขภาพดีที่พบบ่อยที่สุดคือการกรูมมิ่ง พวกเค้าอาจเลียตัวเจ้าของเป็นครั้งคราว พฤติกรรมนี้บ่งบอกว่าพวกเค้าอยากดูแลคุณ รวมถึงรู้สึกสบายใจและเชื่อใจเมื่ออยู่ใกล้คุณ
  2. ส่งเสียงร้องเพอร์

    – หากแมวเหมียวของคุณส่งเสียงร้องเพอร์บ่อย ๆ ขอให้รู้ไว้เลยว่าพวกเค้ามีความสุขและพึงพอใจ แมวอาจส่งเสียงร้องเมื่อได้รับการสัมผัสอย่างอ่อนโยน ในขณะที่บางตัวเมื่อรู้สึกผ่อนคลายก็จะส่งเสียงร้องให้เรารับรู้
  3. รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัว

    แมวที่มีอาการตื่นตัว มักจะหูลู่และหลังโกงโค้ง ในทางกลับกัน แมวที่มีความสุข มักจะงีบหลับด้วยความสบายใจ โดยมักจะนอนเก็บอุ้งเท้าเข้าหาตัว และหลับตาทั้งสองข้าง  

  4. ตาเบิกกว้าง

    – เมื่อแมวมีความสุข ดวงตาของพวกเค้าจะเบิกกว้างขึ้น หลายคนเข้าใจว่ามันเป็นท่าทางที่ก้าวร้าว แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเลย!
  5.  หางตั้งตรง

    – หางแมวก็บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกได้ เมื่อแมวรู้สึกมั่นใจ พวกเค้าจะยกหางขึ้นสูง และจะกระดิกหางไปมาเล็กน้อยเมื่อมีความสุข
  6. มีความอยากอาหาร

    – แมวหิวคือแมวที่มีความสุข ถ้าแมวของคุณกินอาหารได้ดีและมีความตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาอาหาร แสดงว่าพวกเค้ามีความอยากอาหารที่ดี
  7. นอนหลับสนิท

    – ทาสแมวทุกคนรู้ดีว่าแมวนอนเก่งมาก! นอนได้ทุกที่ ทุกเวลา หากแมวของคุณชอบนอนทับหรือมานอนใกล้ ๆ ตัวคุณ แสดงว่าพวกเค้ารักและไว้ใจคุณนะ
  8.  สดใสร่าเริง ขี้เล่น

    – หากแมวของคุณชอบเล่น ชอบวิ่งและกระโดดไปมา หรือสนุกกับของเล่นและกิจกรรมที่ทำร่วมกับเจ้าของ นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี
  9. ใบหูตั้งขึ้นและชี้ไปด้านหน้า

    – หากแมวของคุณมีแสดงอาการแบบนี้ แปลว่าพวกเค้ารู้สึกผ่อนคลาย พร้อมให้เข้าหา ในทางกลับกัน หากใบหูลู่ลงแนบกับหัว แสดงว่าแมวกำลังหงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดี

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลแมว

  1.  สัญญาณสุขภาพดี 5 ประการในแมว มีอะไรบ้าง?
  2. สัญญาณต่อไปนี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าแมวของคุณมีสุขภาพดี

    • ส่งเสียงร้องเพอร์เป็นประจำ
    • มักจะยกหางขึ้นสูง
    • มีความสดใสร่าเริ

    • นอนหลับสนิท

    • มีความอยากอาหาร

     

  3. ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในแมว มีอะไรบ้าง?
  4. ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย มีดังนี้

    • อาการอาเจียน
    • อาการท้องเสีย
    • มีอาการเจ็บปวดหรือส่งเสียงร้องเมื่อปัสสาวะ
    • ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา

     

  5. ดูแลให้แมวมีสุขภาพดี ทำอย่างไรได้บ้าง?
  6. หากคุณต้องการให้แมวมีสุขภาพดี ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพและดูแลป้องกันปัญหาสุขภาพต่าง ๆ รวมถึงควรทำตามคำแนะนำเหล่านี้ด้วย

    • เลือกอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อสัตว์
    • ให้น้ำในปริมาณที่เพียงพอ
    • เพิ่มจุดวางกระบะทรายและวางในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย

  7. การประเมินสุขภาพเบื้องต้นของแมว มีขั้นตอนอย่างไร?
  8. ในการประเมินหรือตรวจสอบสุขภาพของแมว ให้มองหาสัญญาณของความเจ็บป่วย เช่น อาการอาเจียน ท้องเสีย และปัญหาระหว่างการขับถ่าย แต่หากแมวนอนหลับสนิท มีความอยากอาหาร ชอบเล่น และชอบทำกิจกรรม แสดงว่าแมวของคุณมีสุขภาพแข็งแรง

  • รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนสำหรับแมว
    รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนสำหรับแมว
    adp_description_block29
    รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนแมว

    • แบ่งปัน

    แมวเลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ต้องเอาใจใส่อะไรมากมาย ชุดความเชื่อเหล่านี้ไม่เป็นความจริง! แม้จะพึ่งพาตัวเองได้ค่อนข้างดี แต่แมวเหมียวยังคงต้องการการดูแลอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การรักษาพยาบาล และการดูแลป้องกัน โดยแมวทุกตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและวัคซีน FVRCP เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสติดเชื้อร้ายแรง และลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
     

    วัคซีนถูกพัฒนามาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง การฉีดวัคซีนให้แมวมักจะพิจารณาจากอายุ สุขภาพโดยรวม การใช้ชีวิต และสายพันธุ์ โดยวัคซีนสำหรับแมวแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ วัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก วัคซีนหลักจำเป็นสำหรับแมวทุกตัว ส่วนวัคซีนทางเลือกจะฉีดให้กับแมวหลังจากพิจารณาสถานการณ์บางอย่างแล้ว
     

    วัคซีนแต่ละชนิดและช่วงวัยที่เหมาะสมของแมว

    การฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยปกป้องแมวจากการตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายแรงได้ โดยวัคซีนสำคัญที่ลูกแมวทุกตัวควรได้รับมีดังนี้

    1. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

    วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าต้องฉีดเป็นประจำทุกปีหรือทุก ๆ 3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนที่คุณเลือก เพื่อปกป้องลูกแมวตัวน้อยจากไวรัสเรบีส์ที่อันตราย เชื้อชนิดนี้ไม่ได้พบแค่ในหมาแมวเท่านั้น แต่พบได้ในคนด้วย โดยแพร่กระจายผ่านการกัดหรือข่วนจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการก้าวร้าว สับสน และมีอาการกลัวน้ำหลังผ่านระยะฟักตัว โรคพิษสุนัขบ้าส่งผลร้ายแรงต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ ไม่มียารักษา อัตราเสียชีวิตก็สูง การฉีดวัคซีนป้องกันจึงจำเป็นมาก

    1. วัคซีน FVRCP

    ต่อกันด้วยวัคซีนรวมที่ช่วยป้องกันแมวจากไวรัสสามชนิด ได้แก่ ไวรัสไข้หัดแมว รวมถึงเชื้อ Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) และ Feline Calicivirus (FCV) ซึ่งก่อให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดในแมว ทั้งนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีน FVRCP เป็นประจำทุกปี

    1. วัคซีน FeLV

    วัคซีน FeLV เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายผ่านทางของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยแมวอาจติดเชื้อขณะเลียขนหรือจากการใช้ชามอาหารชามน้ำร่วมกับแมวที่ติดเชื้อ ไวรัสร้ายแรงนี้อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจาง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรฉีดวัคซีน FeLV ให้แมวตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ วัคซีนนี้ประกอบด้วย 2 โดส โดยเว้นระยะห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์สำหรับลูกแมว และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อแมวอายุอย่างน้อย 16 สัปดาห์

    1. วัคซีน FPV

    วัคซีน FPV จะช่วยปกป้องแมวจากโรคไข้หัดแมว โดยลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FPV เมื่อมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และฉีดทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์จนกระทั่งอายุ 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ฉีดกระตุ้นในช่วงอายุ 1 – 2 ปี

    1. วัคซีนรวม 4 โรค

    วัคซีน F4 หรือ FVRCCP พัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรคหวัดแมว การติดเชื้อไวรัสคาลิไซในแมว โรคไข้หัดแมว และโรคติดเชื้อคลาไมเดียในแมวซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนของแมว อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ตาในระยะเริ่มแรกด้วย ลูกแมวควรได้รับวัคซีนชนิดนี้เมื่อมีอายุ 8, 12 และ 16 สัปดาห์ จากนั้นฉีดกระตุ้นซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุครบ 1 ปี และฉีดใหม่ทุก ๆ 3 ปี

    1. วัคซีนรวม 5 โรค

    วัคซีน F5 หรือ Fevac 5 เป็นวัคซีนรวมที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของลูกแมวเพื่อรับมือกับไวรัส 5 ชนิด การฉีดวัคซีนชนิดนี้จะช่วยให้ลูกแมวตัวน้อยปลอดภัยจากโรคร้ายแรงต่าง ๆ
     

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน

    หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว ลูกแมวของคุณอาจรู้สึกไม่สบายตัวและแสดงอาการผิดปกติเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างกลไกป้องกันเพื่อกำจัดไวรัสร้ายแรง โดยผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดวัคซีนมีดังนี้

    1. อ่อนเพลีย เซื่องซึม

    2. อยากอาหารลดลง

    3. อาเจียน

    4. มีไข้ 

    5. ท้องเสีย

    6. มีอาการบวมหรือรอยแดงบริเวณที่ฉีด

    การฉีดวัคซีนป้องกันถือเป็นหนึ่งในการดูแลที่สำคัญ มันช่วยให้แมวมีสุขภาพแข็งแรง มีพลัง และกระฉับกระเฉง ขอแนะนำให้พ่อแม่แมวทุกคนวางแผนตารางการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสม โดยสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้