อย่างที่รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ พวกเค้าต้องการปริมาณโปรตีนสูงเพื่อเสริมการเจริญเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดี แต่โปรตีนไม่ใช่สารอาหารสำคัญเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติ ปัญหาการย่อยอาหาร และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน อาหารแมวจึงควรมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบเช่นกัน
แมวมักจะหลีกเลี่ยงการกินผักที่มีกากใยสูงเป็นอาหารมื้อหลัก และจะเคี้ยวต้นอ่อนหรือใบหญ้าเฉพาะเวลาที่มีอาการท้องผูกหรืออาหารไม่ย่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกวัน คุณควรเลือกอาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ให้กับพวกเค้า
อาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์มีความสำคัญเนื่องจากมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของแมว โดยไฟเบอร์หรือใยอาหารจำแนกออกเป็น 2 ประเภทตามความสามารถในการละลาย ดังนี้
ในการเลือกอาหารแมว ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไฟเบอร์ทั้งสองชนิด เพราะแบคทีเรียในลำไส้ของแมวสามารถย่อยไฟเบอร์เหล่านี้เพื่อผลิตสารประกอบใหม่ที่ช่วยบำรุงเซลล์ลำไส้ได้
หากต้องการให้เจ้าตัวน้อยที่บ้านมีสุขภาพดี ขับถ่ายง่าย ไม่มีอาการท้องผูก ผู้เลี้ยงก็ควรเลือกซื้ออาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เพราะอาหารชนิดนี้จะมีพรีไบโอติกหรือแบคทีเรียดีที่ช่วยเสริมการทำงานของลำไส้
แม้ว่าไฟเบอร์จะจำเป็นสำหรับแมว แต่พวกเค้าต้องการมันในปริมาณที่จำกัด หากได้รับไฟเบอร์มากเกินไปอาจส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารผิดปกติ ในทางกลับกัน หากได้รับปริมาณน้อยเกินไปก็อาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมสำหรับแมวจะอยู่ที่ประมาณ 1.4% - 3.5% ของปริมาณแคลอรีที่แมวได้รับต่อวัน
สำหรับผู้เลี้ยงที่วางแผนเพิ่มไฟเบอร์ลงในอาหารประจำวันของเจ้าตัวน้อย เราได้รวบรวมตัวเลือกดี ๆ มาให้คุณแล้ว ตามมาดูไปพร้อมกันเลย
นอกจากรายชื่ออาหารข้างต้นแล้ว ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ รสไก่ อาหารแมวไฟเบอร์สูงที่มาพร้อมโปรตีนจากเนื้อไก่แสนอร่อย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแมวเหมียว มั่นใจได้เลยว่าพวกเค้าจะได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับสารอาหารสำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ ไอแอมส์™ ยังคัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพดีและปรุงรสอย่างพิถีพิถัน เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
คุณสามารถเพิ่มไฟเบอร์ให้แมวได้ง่าย ๆ ด้วยการให้อาหารแมวที่มีอุดมด้วยไฟเบอร์ หรือเพิ่มแหล่งไฟเบอร์จากสัตว์และพืชลงในมื้ออาหารประจำวันของแมว
แมวต้องการไฟเบอร์เพื่อเสริมสุขภาพทางเดินอาหารและลำไส้ที่ดี แต่พวกเค้าควรได้รับปริมาณไฟเบอร์ไม่เกิน 3.5% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดในแต่ละวัน
ไม่ใช่ อาหารเม็ดมักจะมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่า ในขณะที่อาหารเปียกจะมีปริมาณความชื้นมากกว่า
ใช่ แมวทุกตัวต้องการไฟเบอร์เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
ไฟเบอร์จากพืช เช่น บรอกโคลี ผักกาดหอม แคร์รอต รำข้าวสาลี ผักโขม ต้นข้าวสาลีอ่อน และถั่วเขียว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแมว หรือจะเพิ่มไฟเบอร์จากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ กระดูกอ่อน กระดูก และเส้นเอ็นลงในอาหารแมวก็ได้เช่นกัน
เป็นที่รู้กันดีว่าแมวมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความสง่างามชวนให้หลงใหล เจ้าเหมียวขนฟูเหล่านี้มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 12 – 18 ปี แมวที่มีอายุมากกว่า 3 ปีจะถือว่าเป็นแมวโตเต็มวัย และเมื่อมีอายุ 11 ปีขึ้นไปก็จะเข้าสู่ช่วงสูงวัย
พฤติกรรมหรือนิสัยการกินของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ อย่างลูกแมวต้องการปริมาณอาหารมากกว่าเพื่อน เนื่องจากพวกเค้าต้องการพลังงานสูงและอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต แมวโตเต็มวัยต้องการอาหารในปริมาณปานกลางเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอต่อการทำกิจกรรมตลอดวัน ส่วนแมวสูงอายุมักจะมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของพวกเค้า หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้อาหารแมวสูงวัย มาติดตามบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
พฤติกรรมการกินส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวสูงวัย เจ้าของควรดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับโภชนาการกันให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงควรทำความเข้าใจก่อนว่าแมวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างกัน ลูกแมวควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม แมวโตเต็มวัยควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตัวเกิน และแมวสูงวัยควรได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อาหารของพวกเค้าควรประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและวิตามินอีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ
เมื่อน้องแมวมีอายุมากขึ้น การรับรสและการดมกลิ่นก็จะเสื่อมลง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาฟันเสื่อมสภาพซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการเคี้ยวอาหารด้วย เจ้าของสามารถทำตามคำแนะนำในการเลือกอาหารต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้น้องแมวกินอาหารได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากแมวสูงวัยมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงต้องเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน หรืออาจทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยก็ได้
แม้ว่าน้องแมวสูงวัยจะอยากอาหารน้อยลง แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนหรือวิตามินที่จำเป็น สำหรับแมวสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง อาจให้อาหาร 3 – 4 ครั้งต่อวัน แต่หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ควรให้อาหารอย่างน้อย 10 – 12 ครั้งต่อ
แทนที่จะเสิร์ฟอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป เจ้าของควรเสิร์ฟอาหารในอุณหภูมิห้องปกติ เนื่องจากประสาทสัมผัสของแมวสูงวัยไม่ได้ดีดังเดิม อาหารอุณหภูมิห้องจะช่วยให้พวกเค้ารับรสและกลิ่นของอาหารได้ดีขึ้น
อาหารของแมวสูงวัยควรย่อยง่ายและมีสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ
ช่วงวัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาหาร รวมถึงสภาวะสุขภาพ น้ำหนัก ความอยากอาหาร และรูปแบบการใช้ชีวิตของแมวด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดด้านสุขภาพ การขาดสารอาหาร และโรคประจำตัวก่อนเลือกอาหารให้กับพวกเค้า