IAMS TH
Why Fiber Is Important for Your Cat’s Nutrition
Why Fiber Is Important for Your Cat’s Nutrition

adp_description_block49
เหตุผลที่ทาสแมวต้องรู้ ทำไมอาหารแมวจึงควรมีไฟเบอร์สูง

  • แบ่งปัน

อย่างที่รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ พวกเค้าต้องการปริมาณโปรตีนสูงเพื่อเสริมการเจริญเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดี แต่โปรตีนไม่ใช่สารอาหารสำคัญเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติ ปัญหาการย่อยอาหาร และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน อาหารแมวจึงควรมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบเช่นกัน

แมวมักจะหลีกเลี่ยงการกินผักที่มีกากใยสูงเป็นอาหารมื้อหลัก และจะเคี้ยวต้นอ่อนหรือใบหญ้าเฉพาะเวลาที่มีอาการท้องผูกหรืออาหารไม่ย่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกวัน คุณควรเลือกอาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ให้กับพวกเค้า

ทำความเข้าใจประเภทของไฟเบอร์สำหรับแมว

อาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์มีความสำคัญเนื่องจากมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของแมว โดยไฟเบอร์หรือใยอาหารจำแนกออกเป็น 2 ประเภทตามความสามารถในการละลาย ดังนี้

  1. ใยอาหารที่ละลายน้ำได้ – เส้นใยชนิดนี้ละลายได้ง่ายในน้ำย่อยและน้ำในลำไส้ ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้บางชนิดจะเปลี่ยนเป็นเจลเพื่อให้แมวขับถ่ายได้ง่ายขึ้น อาหารแมวควรมีส่วนผสมของไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เนื่องจากจำเป็นต่อการย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้
  2. ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ – อาหารแมวควรมีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำควบคู่ไปกับไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะเพิ่มปริมาตรของกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่ม และยังเพิ่มปริมาตรของอุจจาระ ช่วยเร่งให้อาหารผ่านไปตามทางเดินอาหารได้เร็วขึ้น แมวจะขับถ่ายได้ดี สม่ำเสมอ และไม่มีอาการท้องผูก

ในการเลือกอาหารแมว ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไฟเบอร์ทั้งสองชนิด เพราะแบคทีเรียในลำไส้ของแมวสามารถย่อยไฟเบอร์เหล่านี้เพื่อผลิตสารประกอบใหม่ที่ช่วยบำรุงเซลล์ลำไส้ได้

เพราะเหตุใดแมวจึงต้องการไฟเบอร์?

หากต้องการให้เจ้าตัวน้อยที่บ้านมีสุขภาพดี ขับถ่ายง่าย ไม่มีอาการท้องผูก ผู้เลี้ยงก็ควรเลือกซื้ออาหารแมวที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เพราะอาหารชนิดนี้จะมีพรีไบโอติกหรือแบคทีเรียดีที่ช่วยเสริมการทำงานของลำไส้ 

แม้ว่าไฟเบอร์จะจำเป็นสำหรับแมว แต่พวกเค้าต้องการมันในปริมาณที่จำกัด หากได้รับไฟเบอร์มากเกินไปอาจส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารผิดปกติ ในทางกลับกัน หากได้รับปริมาณน้อยเกินไปก็อาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมสำหรับแมวจะอยู่ที่ประมาณ 1.4% - 3.5% ของปริมาณแคลอรีที่แมวได้รับต่อวัน

แหล่งไฟเบอร์คุณภาพดีสำหรับแมว

สำหรับผู้เลี้ยงที่วางแผนเพิ่มไฟเบอร์ลงในอาหารประจำวันของเจ้าตัวน้อย เราได้รวบรวมตัวเลือกดี ๆ มาให้คุณแล้ว ตามมาดูไปพร้อมกันเลย

  1. ใยอาหารจากสัตว์ – ขนนก เส้นขน กระดูก เส้นเอ็น กระดูกอ่อน และอวัยวะภายในอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบจากสัตว์ที่อุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสัตว์กินเนื้ออย่างแมวเหมียว
  2. แคร์รอต – แคร์รอตเป็นแหล่งไฟเบอร์และวิตามินซีที่ดี เราสามารถเพิ่มแคร์รอตดิบหรือแคร์รอตต้มสุกปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารแมวได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนอาหารปกติให้เป็นอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ได้ง่าย ๆ
  3. ถั่วเขียว – เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับแมว เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีไฟเบอร์สูง โดยคุณสามารถเพิ่มถั่วเขียวปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารแมวบางมื้อได้
  4. รำข้าวสาลี – ผลพลอยได้จากข้าวสาลีนี้เป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดีสำหรับแมว เพราะมีรสหวานคล้ายกับรสชาติของถั่ว ทำให้แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบและอยากกินมากยิ่งขึ้น
  5. บรอกโคลี – บรอกโคลีก็เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีเช่นเดียวกับผักใบเขียวชนิดอื่น คุณสามารถผสมบรอกโคลีต้มชิ้นเล็ก ๆ ลงในอาหารของเจ้าเหมียวเพื่อป้องกันปัญหาอาหารไม่ย่อยและท้องผูกได้
  6. ผักโขม – เป็นแหล่งไฟเบอร์คุณภาพดีที่อุดมด้วยวิตามินซีและเค คุณสามารถเพิ่มผักโขมต้มสุก 2 – 3 ใบลงในอาหารประจำวันของเจ้าเหมียว เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าได้รับใยอาหารเพียงพอในแต่ละวัน และจะมีระบบย่อยอาหารที่สุขภาพดี
  7. ผักกาดหอม – ผักกาดหอมมีปริมาณไฟเบอร์และน้ำที่เหมาะสม การปล่อยให้แมวเคี้ยวใบผักกาดเป็นครั้งคราวจะช่วยให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์และน้ำเพิ่มมากขึ้น

นอกจากรายชื่ออาหารข้างต้นแล้ว ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ รสไก่ อาหารแมวไฟเบอร์สูงที่มาพร้อมโปรตีนจากเนื้อไก่แสนอร่อย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแมวเหมียว มั่นใจได้เลยว่าพวกเค้าจะได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับสารอาหารสำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ ไอแอมส์™ ยังคัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพดีและปรุงรสอย่างพิถีพิถัน เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไฟเบอร์ในอาหารแมว

  1. จะเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ให้แมวเหมียวได้อย่างไร?
  2. คุณสามารถเพิ่มไฟเบอร์ให้แมวได้ง่าย ๆ ด้วยการให้อาหารแมวที่มีอุดมด้วยไฟเบอร์ หรือเพิ่มแหล่งไฟเบอร์จากสัตว์และพืชลงในมื้ออาหารประจำวันของแมว

  3. อาหารแมวไฟเบอร์สูงมีประโยชน์จริงหรือไม่?
  4. แมวต้องการไฟเบอร์เพื่อเสริมสุขภาพทางเดินอาหารและลำไส้ที่ดี แต่พวกเค้าควรได้รับปริมาณไฟเบอร์ไม่เกิน 3.5% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดในแต่ละวัน

  5. อาหารเปียกมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่าอาหารเม็ดใช่หรือไม่?
  6. ไม่ใช่ อาหารเม็ดมักจะมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่า ในขณะที่อาหารเปียกจะมีปริมาณความชื้นมากกว่า

  7. แมวทุกตัวต้องการไฟเบอร์ใช่หรือไม่?
  8. ใช่ แมวทุกตัวต้องการไฟเบอร์เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

  9. แหล่งไฟเบอร์ที่ดีสำหรับแมวมีอะไรบ้าง?
  10. ไฟเบอร์จากพืช เช่น บรอกโคลี ผักกาดหอม แคร์รอต รำข้าวสาลี ผักโขม ต้นข้าวสาลีอ่อน และถั่วเขียว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแมว หรือจะเพิ่มไฟเบอร์จากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ กระดูกอ่อน กระดูก และเส้นเอ็นลงในอาหารแมวก็ได้เช่นกัน

  • สาเหตุของแมวอ้วกและวิธีการรักษา
    สาเหตุของแมวอ้วกและวิธีการรักษา
    adp_description_block485
    สาเหตุของแมวอ้วกและวิธีการรักษา

    • แบ่งปัน

    สำหรับคนเลี้ยงแมว คุณคงเคยเห็นแมวอาเจียนบ้างเป็นครั้งคราว บางครั้งแมวก็อ้วกออกมาเป็นก้อนขน หรือบางครั้งคุณอาจพบว่าแมวอ้วกเป็นอาหารที่กินเข้าไป การอาเจียนแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่แมวที่มีสุขภาพดีไม่ควรอาเจียนบ่อยเกินไป การอาเจียนบ่อยครั้งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทางที่ดีควรไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ซ่อนอยู่และรับการรักษาอย่างทันท่วงที

     

    ดังที่กล่าวไปแล้ว การอาเจียนเป็นครั้งคราวไม่ใช่เรื่องน่ากังวล คุณไม่จำเป็นต้องรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์ แต่ควรไปพบเมื่อแมวอ้วกหลังอาหารทุกมื้อหรือทุกวัน อ่านบทความของเราเพื่อเรียนรู้สาเหตุและวิธีดูแลรักษาอาการอาเจียนในแมวเพิ่มเติม

     

    แมวอาเจียนเพราะอะไร?

    การอาเจียนของแมวเกิดได้จากหลายสาเหตุ แมวอาจอาเจียนเมื่อสัมผัสกับสารพิษ เช่น พืชบางชนิด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการอาเจียนเรื้อรังได้ นอกจากนี้แมวยังมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น พวกเค้าอาจรับสารพิษเข้าไปแบบไม่รู้ตัวในขณะที่สำรวจสิ่งต่าง ๆ จนนำไปสู่การอาเจียนในที่สุด

     

    การอาเจียนไม่สามารถระบุความเจ็บป่วยหรือการติดเชื้อที่เฉพาะเจาะจงได้ โรคในแมวเกือบทั้งหมดส่งผลให้แมวมีอาการอาเจียน ทั้งนี้เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง คุณจะต้องพาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ โดยการอาเจียนอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ความผิดปกติของอวัยวะ ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร อาหาร การติดเชื้อ โรคมะเร็ง และอื่น ๆ

     

    สาเหตุของการอาเจียนในแมว

    สาเหตุที่ทำให้แมวอ้วกมีอะไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

    1. ก้อนขนอุดตัน – 

    แมวชอบดูแลตัวเอง พวกเค้ามักจะเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ และลิ้นที่มีหนามเล็ก ๆ อาจเกี่ยวติดขนที่ใกล้หลุดร่วงออกมา ทำให้แมวกลืนขนบางส่วนลงไป ขนเหล่านี้จะสะสมอยู่ในท้องจนเกิดการอุดตัน แมวจึงต้องขย้อนมันออกมา การขย้อนก้อนขนเป็นเรื่องปกติและไม่น่ากังวล แต่หากแมวขย้อนก้อนขนบ่อยเกินไป นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาระบบทางเดินอาหาร ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์

     

    1. ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร – 

    อาจเรียกว่าเป็นอาการท้องไส้ปั่นป่วนก็ได้ สาเหตุนี้อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยา ปัญหาเกี่ยวกับอาหาร และการได้รับสารพิษ ปัญหาในระบบทางเดินอาหารส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง ในขณะที่สาเหตุอื่น ๆ อาจก่อให้เกิดอาการเรื้อรังและต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

    • สิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งกีดขวาง – หากแมวของคุณชอบกัดหรือเคี้ยวสิ่งของ มันก็มีโอกาสที่พวกเค้าจะกลืนชิ้นส่วนเล็ก ๆ ลงไป ทำให้เกิดการอุดตันในระบบทางเดินอาหารและเกิดการอาเจียนได้ ในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน ทางที่ดีควรพาแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กอาการเพิ่มเติม

    • อาการภูมิแพ้แมวและโรคลำไส้อักเสบ – การแพ้อาหารจะเกิดขึ้นเมื่อแมวได้กินอาหารบางชนิดเข้าไป ซึ่งอาจทำให้แมวอ้วกออกมาทันทีเนื่องจากการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร บางครั้งการแพ้อาหารก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียเรื้อรังได้เช่นกัน

    • อาการเจ็บป่วย – โรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น ตับอ่อนอักเสบ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป โรคไต และอื่น ๆ อาจทำให้แมวรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนได้ หากแมวอ้วกบ่อยจนผิดปกติ คุณควรพาพวกเค้าไปตรวจเช็กร่างกายเพื่อค้นหาสาเหตุที่ซ่อนอยู่

    • การติดเชื้อปรสิต – ปรสิตตัวร้ายมักจะทำให้ลูกแมวมีอาการอาเจียน แต่สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้กับแมวทุกวัยเช่นกัน แนะนำให้ตรวจสอบอาเจียนของแมวเพื่อหาพยาธิที่มีชีวิต ข่าวดีคือการอาเจียนจากปรสิตสามารถรักษาให้หายได้ 100%

    • โรคมะเร็ง – มะเร็งในระบบทางเดินอาหารพบได้บ่อยมากในแมว ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แมวมีอาการอาเจียน อย่างไรก็ตาม มะเร็งในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็อาจทำให้อาเจียนได้เช่นกัน

    ลักษณะอาเจียนของแมว

    ลักษณะของอาเจียนมีความสำคัญต่อการรักษา เนื่องจากสามารถบ่งบอกถึงสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงได้ แนะนำให้สังเกตหรือตรวจดูอาเจียนของแมวเพื่อแจ้งให้สัตวแพทย์ทราบ โดยลักษณะอาเจียนของแมวที่พบบ่อยมีดังนี้

     

    อาเจียนสีเหลือง

    แมวอ้วกเป็นสีเหลืองอาจเป็นเพราะอาหารย่อยได้แค่บางส่วนหรือเป็นน้ำดีในท้อง

    อาเจียนสีใส

    อาเจียนสีใสอาจเกิดขึ้นจากอาการท้องว่างหรือการสำรอกน้ำลายออกจากหลอดอาหาร

    อาเจียนสีขาว มีฟอง

    การขย้อนก้อนขนในขณะท้องว่างอาจทำให้แมวอาเจียนเป็นฟองสีขาวได้

    อาเจียนเป็นเลือด 

    อาเจียนเป็นเลือดอาจเกิดจากการอักเสบในกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร หรือลำไส้ส่วนบน

    อาเจียนสีน้ำตาล มีกลิ่น

    อาเจียนสีน้ำตาลและมีกลิ่นอาจเป็นสัญญาณของการมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับไตหรือตับด้วย

     

    ป้องกันไม่ให้แมวอาเจียนได้อย่างไร?

    เราสามารถป้องกันไม่ให้แมวอ้วกได้หลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการดูแลเรื่องอาหารการกิน ในกรณีที่มีอาการภูมิแพ้แมวหรือมีอาการแพ้อาหาร ควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์ วิธีนี้จะช่วยป้องกันปัญหาอาเจียนเรื้อรังได้

     

    ขอแนะนำให้เลือกอาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล หลีกเลี่ยงการให้อาหารของคน คอยจับตาดูแมวขณะเล่นและอย่าปล่อยให้พวกเค้ากินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป สำหรับปัญหาก้อนขนอุดตัน คุณอาจเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรลดก้อนขนหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัตวแพทย์แนะนำเพิ่มเติมได้

     

    การรักษาอาการอาเจียนในแมว

    การสังเกตลักษณะอาเจียนเป็นส่วนสำคัญในการรักษา คุณควรสังเกตว่าอาเจียนของแมวเป็นแบบใด แมวอ้วกเป็นอาหารที่กินเข้าไปหรือแมวอาเจียนเป็นฟองสีขาว ทั้งนี้พ่อแม่แมวหลายคนพยายามหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันหรือลดการอาเจียนมาใช้กับแมว แต่การอาเจียนเกิดจากหลายสาเหตุ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาจึงเป็นเรื่องยาก หากแมวของคุณอาเจียนเพราะปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะในร่างกายหรือโรคมะเร็ง สิ่งแรกที่ควรทำคือเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม แต่หากแมวของคุณมีอาการอาเจียนเพียงเล็กน้อย สัตวแพทย์อาจสั่งยาแก้อาเจียนหรือยาลดกรดให้ สำหรับปัญหาระบบทางเดินอาหาร คุณอาจต้องเปลี่ยนสูตรอาหารที่เหมาะสมกับอาการ 

     

    การวินิจฉัยและการตรวจสอบโดยสัตวแพทย์

    สัตวแพทย์จะตัดสินใจว่าควรทดสอบและใช้วิธีการรักษาแบบใดโดยพิจารณาจากประเด็นเหล่านี้

    1. แมวมีไข้ อ่อนเพลีย หรือเซื่องซึมหรือไม่

    2. แมวมีอาการเบื่ออาหารไหม? น้ำหนักลดลงหรือเปล่า?

    3. แมวอ้วกเป็นเลือดหรือไม่?

    4. แมวมีอาการเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวไหม?

    5. ช่องท้องของแมวได้รับผลกระทบหรือไม่?

    6. แมวอ้วกบ่อยครั้งในหนึ่งวันหรือแค่หลังมื้ออาหาร?

    7. อาเจียนของแมวมีกลิ่นเหม็นไหม? แล้วอาเจียนมีสีอะไร?

    8. คุณเพิ่งเปลี่ยนอาหารให้แมวใหม่หรือเปล่า มีการให้อาหารเสริมหรือไม่?

    9. แมวของคุณชอบเคี้ยวของเล่นหรือกินอาหารอื่นเข้าไปหรือเปล่า?

    10. แมวตัวอื่นในบ้านมีอาการเหมือนกันไหม?

    การตรวจวินิจฉัยและการรักษาวิธีอื่น

    หากแมวของคุณอาเจียนบ่อยครั้งและคุณสงสัยว่าพวกเค้ามีปัญหาสุขภาพอื่นแอบแฝง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมและทำการรักษาในเชิงรุก หากแมวสูญเสียเลือดหรืออิเล็กโทรไลต์จำนวนมากจากการอาเจียนบ่อย ๆ คุณอาจต้องพาพวกเค้าไปรักษาในโรงพยาบาล

     

    สาเหตุอื่น ๆ ของการอาเจียนในแมว

    ก่อนจะเรียนรู้วิธีรักษาอาการอาเจียนของแมว เรามาดูสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้แมวอาเจียนกันก่อน

    1. สารพิษ

    • การอาเจียนจากการได้รับสารพิษขณะเลียขนเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด

    • แมวชอบเคี้ยวใบไม้ดอกไม้ในบ้าน ซึ่งพืชบางชนิดก็เป็นพิษกับแมว

    • ขณะที่เราทำความสะอาดบ้านด้วยสารเคมีต่าง ๆ แมวอาจสูดดมหรือเลียเข้าไป ทำให้เกิดการอาเจียนได้

    1. อาหาร

    • หากแมวไม่ยอมกินอาหารหรือกินช้าลงกว่าปกติ คุณอาจพบว่าแมวอ้วกเป็นอาหารที่ไม่ได้ย่อยออกมา

    • อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แมวอาเจียนบ่อยคือการเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน คุณควรเปลี่ยนอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ โดยค่อย ๆ ปรับปริมาณอาหารเดิมให้น้อยลง และเพิ่มปริมาณอาหารใหม่ให้มากขึ้น

    1. ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร

    • การได้รับสิ่งแปลกปลอม มลพิษ หรือผลข้างเคียงของยา อาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารได้ เช่น มีอาการปวดท้อง

    • บางกรณีอาจไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่บางกรณีอาจร้ายแรงและควรได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์

    1. ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้

    • การกลืนสิ่งแปลกปลอม เช่น เชือกหรือของเล่นชิ้นเล็ก ๆ อาจทำให้เกิดการอุดตันที่กระเพาะหรือลำไส้ 

    • ลำไส้อุดตันเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลรักษาทันที อาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น เนื้องอก หรือการบีบตัวผิดปกติของลำไส้

    • อาการที่สังเกตได้ทั่วไป เช่น แมวอ้วกบ่อย ไม่สามารถกลืนน้ำหรืออาหารได้

    1. ความผิดปกติของอวัยวะ

    • ความผิดปกติเรื้อรัง เช่น ตับอ่อนอักเสบ โรคไต และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนเรื้อรังในแมวได้

    • การระบุโรคที่เป็นต้นเหตุเป็นสิ่งสำคัญเพื่อค้นหาวิธีดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาตลอดชีวิต

    1. ปัญหาต่อมไร้ท่อ

    • หนึ่งในโรคต่อมไร้ท่อในแมวที่พบบ่อยที่สุดคือไฮเปอร์ไทรอยด์ หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป 

    • การทำงานมากเกินไปของต่อมไทรอยด์เกิดจากเนื้องอก (โดยปกติจะไม่เป็นอันตราย)

    • อัตราการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้แมวอาเจียนได้

    อาการอาเจียนแบบใดที่น่ากังวล?

    พ่อแม่แมวไม่ควรละเลยหากแมวอาเจียนอย่างต่อเนื่อง เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาเจียนแบบไหนถือว่าผิดปกติ? หากแมวอ้วก 1 – 3 ครั้งต่อเดือน จะถือว่าเป็นเรื่องปกติ

     

    กรณีที่ร้ายแรงหรือน่ากังวลคือแมวอ้วกวันละสองครั้งเป็นเวลาสองหรือสามวัน หากแมวของคุณไม่ยอมกินอาหาร มีอาการปวดท้อง อาเจียนอย่างต่อเนื่องหรืออาเจียนมีเลือดปน ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

Close modal