IAMS TH
stomach-issues-in-cats-why-cats-vomit-and-what-to-do-banner
stomach-issues-in-cats-why-cats-vomit-and-what-to-do-banner

adp_description_block53
ปัญหาปวดท้องในแมว: สาเหตุและวิธีรับมือเมื่อแมวอาเจียน

  • แบ่งปัน

เจ้าของแมวล้วนคุ้นเคยกับอาการที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวกำลังปวดท้องเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงครางเจ็บปวด การขย้อนอาหาร หรืออาการคลื่นไส้ แต่เมื่อเค้าแสดงอาการเหล่านี้แล้ว เจ้าเหมียวก็กลับไปร่าเริงเหมือนปกติ ปล่อยให้เจ้าของทำความสะอาดคราบบนพื้นที่กองอยู่

ซินเธีย โบเวนแห่งคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอก็คุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้เป็นอย่างดี ในฐานะเจ้าของแมวเมนคูน 4 ตัว ซินเธียผ่านการเช็ดคราบอาเจียนของเจ้าเหมียวมาไม่น้อย “ฉันเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ประมาณ 2-3 เดือนครั้ง” เธอกล่าว “แต่นอกจากนี้แล้วเค้าก็ดูแข็งแรงดี”

แม้ว่าจะไม่ใช่หัวข้อที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร แต่การอาเจียนดูจะเป็นอาการที่เจ้าเหมียวทำเป็นปกติ เจ้าของแมวส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเป็นเจ้าของแมว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป การทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเหมียวปวดท้องและวิธีรับมือจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณและเค้าให้สนิทกันมากขึ้น
 

ทำไมแมวจึงอาเจียน ?

เจ้าของแมวส่วนใหญ่เชื่อว่ามาจากปัญหาเรื่องก้อนขน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว “การเดาว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากก้อนขนดูจะเป็นการรีบด่วนสรุปไปหน่อย” ดร.วิลเลียม ฟอล์เจอร์ สัตวแพทย์แห่งเมืองฮิวสตันกล่าว อีกสองสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การกินอาหารเร็วเกินไป และนิสัยขี้สงสัยของแมว
 

การกินอาหารเร็วเกินไป

บางครั้งเจ้าเหมียวก็รีบกินอาหารครั้งละมาก ๆ ทำให้กระเพาะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการสำรอกอาหารได้ ในเหตุการณ์ทำนองนี้ คราบอาเจียนบนพื้นจะเป็นอาหารที่ถูกสำรอกออกมา ไม่ใช่การอาเจียนจริง ๆ ในลักษณะนี้จะเรียกว่าการสำรอก เมื่อแมวสำรอกของเหลวและอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหารและออกทางปาก ซึ่งต่างกับการอาเจียนที่มักมีการขย้อนและคลื่นไส้ร่วมด้วย

อาหารที่สำรอกออกมาจะยังเหลือรูปร่างและมีกลิ่นคล้ายอาหารหมัก “แมวที่รีบกินอาหารเพราะตะกละหรือเครียดเนื่องจากต้องแย่งกันกินจะสำรอกอาหารทันทีหลังจากกินเสร็จ” ดร.ซาร่า สตีเฟนส์ สัตวแพทย์จากมอนทาน่ากล่าว แต่อย่ารีบด่วนสรุปว่าการสำรอกอาหารมีสาเหตุมาจากการรีบกินอาหารเท่านั้น เพราะยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น ปัญหาภายในหลอดอาหาร ทางเดินอาหารอุดตัน ก้อนขน หรือการขาดน้ำ หากคุณสอนให้เจ้าเหมียวกินอาหารช้าลงแล้วยังพบปัญหาอยู่ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์
 

Stomach Issues

 

ความขี้สงสัย

หญ้า ผ้าปูพื้น และกระดาษชำระ ล้วนแต่เป็นของที่แมวอาจกินเข้าไปและอาเจียนออกมาทีหลังได้ การอาเจียนในลักษณะนี้มาจากกลไกการป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติเพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกาย บางครั้งความขี้สงสัยของเจ้าเหมียวก็นำไปสู่ปัญหาร้ายแรงได้ นอกจากนี้ ของโปรดของเจ้าเหมียวอย่าง เชือก ชิ้นส่วนของเล่น หรือขนนกอาจติดอยู่ในลำไส้หรือกระเพาะได้ ซึ่งทำให้เกิดการอาเจียนบ่อย ๆ ร่วมด้วยภาวะเครียดรุนแรง หากพบว่าแมวของคุณมีอาการเหล่านี้ รีบพาเค้าไปหาสัตวแพทย์ทันที ส่วนใหญ่การนำสิ่งของออกจำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัด
 

เหตุกังวลใจเมื่อแมวอาเจียน ?

เจ้าของไม่ควรมองข้ามเมื่อแมวที่เลี้ยงอาเจียนซ้ำ ๆ เนื่องจากจะนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ แต่ถ้าแมวอาเจียนเป็นเรื่องปกติ คุณจะแยกออกได้อย่างไร … “คำแนะนำเบื้องต้นคือหากแมวของคุณอาเจียนเดือนละ 1-3 ครั้ง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ” ดร.ฟอล์เจอร์กล่าว

คุณหมอถือว่าเป็นเหตุการณ์รุนแรงต่อเมื่อแมวอาเจียนสองครั้งภายในสามวัน ยิ่งหากแมวของคุณไม่ยอมกินอาหาร แสดงอาการปวดท้อง หรืออาเจียนปนกับเลือด ควรรีบพาเค้าไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน และอย่าลืมว่าหากคุณสงสัยว่ามีปัญหากวนใจใด ๆ ที่อาจกลายเป็นปัญหารุนแรงกับแมว ให้รีบติดต่อสัตวแพทย์ หรือพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทีนทีก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดของแมว รวมถึงคลายความกังวลของคุณได้
 

วิธีป้องกันไม่ให้แมวอาเจียน

เจ้าของแมวอาจจะคิดว่าการอาเจียนเป็นพฤติกรรมปกติของแมว ที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะแมวมีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารมากกว่าในคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีวิธีป้องกันแมวอาเจียน
 

Stomach Issues

 

สอนให้แมวกินอาหารช้าลง

วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการสอนให้แมวของคุณกินอาหารช้าลงหรือน้อยลง ดร.สตีเฟนส์แนะนำให้ ให้อาหารในปริมาณที่น้อยลง ยกภาชนะให้สูงขึ้นเล็กน้อย หรือใส่สิ่งของ เช่นลูกบอลเล็ก ๆ ลงในชามอาหาร ทำให้เจ้าเหมียวกินช้าลงเนื่องจากต้องคอยหลบลูกบอล แต่หากเลือกใช้วิธีนี้ต้องมั่นใจว่าลูกบอลมีขนาดใหญ่เกินกว่าเจ้าเหมียวจะกลืนได้ หรืออีกวิธีสำหรับบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัว คือให้อาหารแต่ละตัวคนละเวลา คนละที่กันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งกันกิน
 

ปรับเปลี่ยนอาหารแมวของคุณ
 

หากวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล ให้สังเกตพฤติกรรมการกินของเค้าแล้วปรับอาหาร อย่างเช่น โบเวนที่เปลี่ยนแบรนด์อาหารแมว “ตั้งแต่เปลี่ยนมาให้ไอแอมส์™ เค้าก็ไม่ค่อยอาเจียนอีกเลย” โบเวนกล่าว

“ปกติแล้วพอคุณเปลี่ยนมาใช้อาหารที่คุณภาพสูงขึ้น ก็มักจะไม่ค่อยเกิดปัญหา” สตีเฟนส์กล่าว เคล็ดลับในการเปลี่ยนอาหารที่ได้ผลและไม่ลำบากใจเจ้าเหมียว ได้แก่

ค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ปรับอาหารเพื่อให้แมวมีเวลาปรับตัว “ตรวจดูว่าแมวได้กินอาหารทุกวัน” ดร.สตีเฟนส์แนะนำ “แมวที่หยุดกินอาหารทันทีอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับได้”

เพิ่มความน่าทาน การเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด หรือจากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียกก็ควรค่อย ๆ เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบอาหารเปียกมากกว่า หากคุณเปลี่ยนมาให้อาหารเม็ด ให้เติมน้ำและอุ่นให้พอร้อนเพื่อเพิ่มความน่าทาน นำอาหารที่ไม่ได้กินเกิน 20 นาทีทิ้งเพื่อป้องกันอาหารเสีย 

ตวงอาหาร ควรให้อาหารแมวเท่าไรดี? … อย่าลืมพิจารณาอายุ เพศ สายพันธุ์ การทำกิจกรรมในแต่ละวัน รวมถึงสุขภาพโดยรวมของแมว ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณและอ่านคำแนะนำของผู้ผลิตอาหาร อาหารระดับพรีเมียมอย่างไอแอมส์™ มีสารอาหารอัดแน่นกว่าอาหารทั่วไป จึงไม่ต้องแปลกใจหากพบว่าต้องให้อาหารปริมาณน้อยลง

อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ นอกจากการตวงอาหารแล้ว อย่าลืมชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำและปรับสัดส่วนอาหารตามความเหมาะสมหลังจากเปลี่ยนมาให้อาหารระดับพรีเมียม เจ้าเหมียวอาจรู้สึกชอบใจเมื่อได้กินอาหารเยอะกว่าปกติ แต่ในระยะยาวจะทำให้เค้าน้ำหนักเกินได้

หากแมวของคุณอาเจียนมากกว่าเดือนละ 3 ครั้งหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารเรื้อรัง คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการของเค้าได้ เพียงแค่การได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์และความพยายามของคุณในการดูแลเจ้าเหมียวอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถจัดการปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องได้

 

  • cat article
    cat article
    adp_description_block459
    วิธีดูแลแมวเหมียว

    • แบ่งปัน

    เราต่างก็รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระ และมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเค้าไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลนะ เจ้าของควรใส่ใจดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีแข็งแรง หมั่นสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป อย่างในเรื่องการกิน ควรสังเกตว่าพวกเค้ากินอะไรบ้าง ปริมาณมากหรือน้อยเท่าใด นอกจากนี้เราอาจกำหนดตารางเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันของพวกเค้าให้ชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการดูแล และที่สำคัญที่สุดคือควรพาไปตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้การดูแลแมวในช่วงโตเต็มวัยจะง่ายกว่าการดูแลลูกแมวแรกคลอด

     

    เช็กลิสต์สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการดูแลเจ้าเหมียวที่ทาสแมวควรรู้

    • การรักษาพยาบาล:

      น้องแมวโตเต็มวัยควรได้รับการตรวจเช็กสุขภาพอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเค้าจะมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่มีอาการผิดปกติหรือสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่เจ้าของอาจมองข้ามไป
    • การดูแลความสะอาด:

      ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำ แต่ก็แนะนำให้อาบน้ำทุก 4 – 6 สัปดาห์ และควรทำความสะอาดเบาะนอนของพวกเค้าเป็นประจำด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าเหมียวที่คุณรักจะไม่ล้มป่วย
    • การให้อาหาร:

      เมื่อเจ้าเหมียวมีอายุ 4 เดือน เราอาจแบ่งการให้อาหารเป็น 3 มื้อต่อวัน แต่เมื่อมีอายุมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ให้ลดลงเหลือ 2 มื้อต่อวันได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับเจ้าเหมียวของเราด้วย
    • การดูแลช่องปากและฟัน:

      เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจดูแลกันเป็นประจำ และเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ควรฝึกแปรงฟันให้เจ้าเหมียวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว โดยเริ่มจากบีบยาสีฟันสำหรับแมวโดยเฉพาะลงบนนิ้ว จากนั้นใช้นิ้วถูทำความสะอาดเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟัน หากพบว่าเจ้าเหมียวมีกลิ่นปาก มันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้โรคได้ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • การฝึกเข้าสังคม:

      แม้จะมีนิสัยรักสันโดษ แต่เจ้าเหมียวก็ฝึกเข้าสังคมได้เช่นกัน โดยวิธีการเข้าหาเจ้าเหมียวที่ถูกต้องคือ ควรให้เค้าเห็นอยู่ในระดับสายตา และห้ามใช้เสียงดัง คุณอาจลูบหัวพวกเค้าเบา ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยได้

     

    การฝึกทักษะที่จำเป็นให้เจ้าเหมียว

    เมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำถัดมาคือให้พวกเค้าทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ และเริ่มฝึกทักษะต่าง ๆ แม้การฝึกอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะต้องฝึกบ่อยครั้งและใช้ความอดทนค่อนข้างมาก แต่มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ซึ่งการฝึกและดูแลเจ้าเหมียวขั้นพื้นฐานนั้น ครอบคลุมทั้งการเตรียมกระบะทราย การฝึกเข้าห้องน้ำ การทำหมัน และการปกป้องพวกเค้าจากอันตรายภายในบ้าน โดยเพื่อน ๆ ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูได้เลย

    • การเตรียมกระบะทราย:

      ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่เข้าถึงได้ง่าย และไม่ควรเปลี่ยนที่กระบะทรายบ่อย หากจำเป็นควรค่อย ๆ เคลื่อนย้ายวันละนิด ที่สำคัญคือควรทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำ เพราะแมวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเค้าจะไม่ยอมขับถ่ายในกระบะทรายที่สกปรกอย่างเด็ดขาด
    • การปกป้องเจ้าเหมียวจากอันตรายภายในบ้าน:

      เพื่อความปลอดภัยควรเก็บข้าวของที่เป็นอันตรายให้พ้นจากสายตาเจ้าเหมียว ไม่ว่าจะเป็นสายเคเบิลหรือสายไฟ สารไวไฟ และสารเคมีต่าง ๆ หากบ้านไหนใช้น้ำมันหอมระเหย ก็ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะส่วนประกอบบางชนิดเป็นพิษกับเจ้าตัวน้อย
    • การทำหมัน:

      การทำหมันแมวมีประโยชน์มากมาย และยังมีส่วนช่วยให้เจ้าเหมียวสุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย โดยแมวจะสามารถทำหมันได้เมื่อมีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ และแนะนำให้ทำหมันตั้งแต่เด็กหรือก่อนที่เจ้าเหมียวจะมีอายุ 5 เดือนขึ้นไป
    • การฝึกเข้าห้องน้ำ:

      ถือเป็นการฝึกที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก โดยเจ้าของสามารถฝึกพวกเค้าตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ได้
    1. วางกระบะทรายใกล้กับห้องน้ำ
    2. ค่อย ๆ ยกระดับความสูงของกระบะทรายขึ้นทุกวัน
    3. อุ้มเจ้าเหมียวไปขับถ่ายในห้องน้ำ ทำซ้ำ ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
    4. ให้รางวัลทุกครั้งเมื่อเจ้าเหมียวใช้ห้องน้ำ

     

    โรคที่พบบ่อยในแมว เจ้าของต้องระวัง!

    การดูแลสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวต้องมาก่อนเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะทำความสะอาดตัวเองได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองนะ

    • อาเจียน:

      ถือเป็นอาการป่วยที่พบได้บ่อยในแมว และเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาก้อนขนอุดตัน การกินสิ่งแปลกปลอม หรือจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
    • โรคระบบทางเดินปัสสาวะในแมว (FLUTD):

      โรคนี้เป็นได้ทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย สาเหตุหลักมาจากปัญหาน้ำหนักเกิน หรือการกินแต่อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว โดยสัญญาณเตือนของโรคนี้คือ ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ร้องหรือครางเมื่อปัสสาวะ ไม่ยอมปัสสาวะ เลียบริเวณอวัยวะเพศเพราะความเจ็บปวด มีภาวะขาดน้ำ และอาเจียน
    • ท้องเสีย:

      โรคมะเร็ง การติดเชื้อ และการแพ้อาหารล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เจ้าเหมียวท้องเสียได้ หากมีอาการแนะนำให้พวกเค้ากินน้ำเยอะ ๆ และควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • มีพยาธิตัวตืด:

      พยาธิตัวเล็ก ๆ เหล่านี้สร้างความเจ็บปวดให้เจ้าเหมียวได้มากกว่าที่คิด พบได้บ่อยในทางเดินอาหารของเจ้าเหมียว พวกเค้ามักจะมีอาการอาเจียนและน้ำหนักตัวลด ทั้งนี้คุณสามารถสังเกตพยาธิตัวตืดได้จากอุจจาระของเจ้าเหมียว
    • โรคเอดส์แมว (FIV):

      เชื้อไวรัสเอดส์แมวจะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาการป่วยที่พบได้ในน้องแมวจะมีปัญหาขนร่วง ท้องเสียเรื้อรัง มีอาการชัก ปัญหาที่ดวงตา เบื่ออาหาร และเป็นไข้

    หากคุณสังเกตพบว่าเจ้าเหมียวมีอาการผิดปกติ แม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด และเข้ารับรักษาได้อย่างทันท่วงที

     

    เคล็ดลับการดูแลเจ้าเหมียวฉบับมือใหม่หัดเลี้ยง

    “เราต้องดูแลเจ้าเหมียวอย่างไรบ้างนะ?” คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทาสแมวมือใหม่หลาย ๆ คน เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจและรับมือได้ยาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้การดูแลเจ้าเหมียวสุดที่รักของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย

    • แมวไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

      ดังนั้นเมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านครั้งแรก คุณควรจัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว ของเล่น และผ้าห่มนุ่ม ๆ เอาไว้ให้พร้อม รวมถึงควรให้เวลาพวกเค้าได้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ด้วย
    • ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ

      หมั่นสังเกตพฤติกรรม และไม่มองข้ามสัญญาณเตือนหรืออาการผิดปกติของพวกเค้า ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยมากก็ตาม
    • แบ่งเวลามาทำกิจกรรมกับพวกเค้า

      เพราะการเล่นถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดี แนะนำให้เตรียมของเล่นที่หลากหลายเพื่อป้องกันความเบื่อหน่าย
    • ให้เวลาเจ้าเหมียวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่

      ๆ และผู้คนรอบ ๆ ตัว
    • เลือกอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยของเจ้าเหมียว

      และกำหนดเวลากินอาหารให้เป็นกิจวัตร

Close modal