IAMS TH
Kitten and cat adoption basics
Kitten and cat adoption basics

adp_description_block334
มือใหม่ต้องรู้! วิธีเตรียมความพร้อมก่อนรับเลี้ยงแมว

  • แบ่งปัน

เชื่อเถอะว่าการรับเลี้ยงแมวจะกลายเป็นหนึ่งในสายสัมพันธ์ที่พิเศษที่สุดในชีวิตของคุณ แมวเหมียวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักและขี้เล่น เพียงใช้เวลากับพวกเค้าไม่นาน คุณจะพบว่าตัวเองเครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรับแมวมาเลี้ยงเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ซึ่งมาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย บ้านของคุณจะกลายเป็นบ้านของพวกเค้า และคุณจะกลายเป็นครอบครัวของเจ้าตัวน้อย ดังนั้นก่อนจะมองหาสถานที่รับเลี้ยงแมวใกล้ฉัน คุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้ให้ดีเสียก่อน

ข้อควรรู้ก่อนรับเลี้ยงแมว 

ไม่ว่าจะเลือกรับเลี้ยงลูกแมวตัวน้อยหรือพี่เหมียวตัวโต คุณควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อน

  1. การทำหมันให้แมว

    • หากรับเลี้ยงน้องแมวโตที่ยังไม่ได้ทำหมัน ควรพาพวกเค้าไปทำหมันให้เรียบร้อย แต่หากเป็นลูกแมว คุณต้องรอจนกว่าจะถึงช่วงอายุที่เหมาะสม โดยสามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงหรือสัตวแพทย์เกี่ยวกับขั้นตอนการทำหมันเพิ่มเติมได้
  2. ทบทวนเรื่องเวลาและกิจวัตรประจำวันของตัวเองให้ดี

    • หากต้องทำงานหรือมีตารางชีวิตที่วุ่นวาย ควรพิจารณาก่อนว่าจะสามารถแบ่งเวลามาดูแลเจ้าเหมียวได้หรือไม่ ทั้งเรื่องอาหารและการทำความสะอาด คุณจำเป็นต้องวางแผนการให้อาหารพวกเค้าอย่างเหมาะสม และต้องอย่าลืมแบ่งเวลามาเล่นหรือทำกิจกรรมกับพวกเค้าด้วย
  3. การรับเลี้ยงแมวเป็นความผูกพันระยะยาว

    • เมื่อรับน้องแมวเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวแล้ว คุณจะกลายเป็นโลกทั้งใบของพวกเค้า และจำเป็นต้องดูแลรับผิดชอบพวกเค้าตลอดไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย ทั้งนี้อายุขัยของแมวจะอยู่ที่ 12 – 20 ปี ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจรับเลี้ยงแมวจรจากศูนย์พักพิงสัตว์ไร้บ้านหรือเก็บมาจากข้างถนน ควรพิจารณาให้ดีว่าพร้อมสำหรับความผูกพันและความรับผิดชอบระยะยาวนี้แล้วหรือยัง

 

ปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสมสำหรับน้องแมว

ก่อนจะพาเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนบางสิ่งในบ้านให้เรียบร้อยก่อน โดยเริ่มจากทำตามคำแนะนำเหล่านี้

  1. นำสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายต่อน้องแมวออกไป เช่น ไม้ประดับบางชนิด หรือสารเคมีต่าง ๆ 
  2. เก็บสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พ้นอุ้งมือเจ้าเหมียว (พวกเค้าอาจเคี้ยวสายไฟเล่น จนนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้)
  3. หากมีเด็กน้อยในครอบครัว ควรสอนวิธีการเข้าหาและการเล่นกับแมวอย่างเหมาะสม
  4. เตรียมพื้นที่ส่วนตัวให้เจ้าเหมียว เพื่อให้พวกเค้ารู้สึกปลอดภัยและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
  5. ค้นหาคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้าน เพื่อความสะดวกต่อการพาเจ้าตัวน้อยไปตรวจสุขภาพ

ข้อดีของการรับเลี้ยงแมวมีอะไรบ้าง?

ตามมาดูข้อดีหรือประโยชน์ของการรับเลี้ยงแมวกันได้เลย

  1. มอบชีวิตใหม่ให้น้องแมว

    • การเลือกที่จะรับเลี้ยงแมวจรแทนการซื้อแมวถือเป็นการช่วยเหลือน้องแมวอย่างแท้จริง ให้พวกเค้ามีบ้าน ได้รับการดูแล มีอาหารดี ๆ กิน และมีคนที่พร้อมมอบความรักให้ 
  2. น้องแมวมักได้รับการฝึกมาแล้ว

    • น้องแมวจากศูนย์พักพิงสัตว์ไร้บ้านมักได้รับการฝึกขั้นพื้นฐานกันมาบ้างแล้ว ทั้งการกินอาหารจากชามและการใช้เสาลับเล็บ
  3. เลือกรับเลี้ยงได้จากลักษณะนิสัยเฉพาะตัว

    • นี่เป็นหนึ่งในประโยชน์ที่ดีที่สุดของการรับเลี้ยงน้องแมวจากศูนย์พักพิงสัตว์ไร้บ้าน เพราะน้องแมวส่วนใหญ่มักแสดงนิสัยหรือลักษณะพิเศษเฉพาะตัวออกมาให้เห็น ทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าพวกเค้าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่

 

ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อรับเลี้ยงแมว

ปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจรับแมวมาเลี้ยง

 

  1. การแนะนำให้รู้จักแมวเจ้าถิ่น

    • หากมีแมวเหมียวอยู่แล้วในบ้าน คุณควรปรึกษาศูนย์พักพิงเพื่อเลือกแมวที่ชอบอยู่ร่วมกับตัวอื่น ๆ รวมทั้งศึกษาวิธีการค่อย ๆ แนะนำแมวตัวใหม่ให้รู้จักกับเจ้าถิ่นตัวเดิม เพื่อระวังไม่ให้พวกเค้าเครียดจนเกินไป
  2. การเลี้ยงแมวมีค่าใช้จ่าย

    • ทั้งค่าตรวจสุขภาพ ค่ายารักษา ค่าอาหาร ของเล่น และอื่น ๆ สำหรับน้องแมวไร้บ้านหรือน้องแมวจร อาจมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมากเป็นพิเศษ 
  3. กิจวัตรประจำวัน

    • น้องแมวต้องการการดูแลและเอาใจใส่อย่างเหมาะสม เวลาจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่คุณควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจรับแมวมาเลี้ยง โดยอาจเลือกน้องแมวที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกับคุณ เช่น หากต้องออกจากบ้านไปทำงาน อาจเลือกน้องแมวที่รักอิสระและสามารถอยู่ตามลำพังได้

 

อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงแมว

เพื่อการดูแลเจ้าเหมียวได้อย่างเต็มที่ ทาสแมวมือใหม่ควรเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ให้พร้อม

  1. ชามน้ำและชามอาหาร
  2. กระบะทราย
  3. เสาลับเล็บ
  4. ของเล่น
  5. แคทนิป
  6. อุปกรณ์อาบน้ำและดูแลขน
  7. กรงหรือกระเป๋าใส่แมว
  8. เบาะนอน
  9. ปลอกคอพร้อมป้ายชื่อ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับเลี้ยงแมว

  1. ควรรับเลี้ยงแมวอายุเท่าไหร่?
  2. สำหรับลูกแมวควรมีอายุ 12 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นน้องแมวโตเต็มวัย ควรมีอายุน้อยกว่า 10 ปี โดยน้องแมวโตจะมีนิสัยและบุคลิกภาพที่ชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจรับเลี้ยง อีกทั้งยังเป็นช่วงวัยที่มีสุขภาพดีที่สุด ส่วนน้องแมวสูงวัย ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเลือกยอดนิยม แต่การรับเลี้ยงพวกเค้าก็มีข้อดีเช่นกัน  คือจะไม่ค่อยซุกซนและชอบอยู่บ้านมากกว่าน้องแมววัยอื่น

  3. การเลี้ยงน้องแมวจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง?
  4. อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงแมว ได้แก่ ชามน้ำ ชามอาหาร กระบะทราย เสาลับเล็บ ของเล่

  5. สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพาน้องแมวตัวใหม่เข้าบ้านคืออะไร?
  6. สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ทำให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกปลอดภัย น้องแมวอาจรู้สึกกังวลและประหม่าในช่วงแรก พวกเค้าต้องการเวลาเพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับเจ้าของและบ้านใหม่ นอกจากนี้คุณยังต้องเตรียมอาหารคุณภาพดีและน้ำสะอาดให้พร้อมด้วย

  7. การผูกมิตรกับน้องแมวใช้เวลานานหรือไม่?
  8. ระยะเวลาในการตีสนิทกับเจ้าเหมียวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ช่วงวัย สถานที่ที่พวกเค้าเติบโตมา พฤติกรรมของคุณ อีกทั้งต้องดูด้วยว่าเค้าเคยเป็นแมวบ้านมาก่อนหรือไม่ และได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกวันเวลาที่แน่นอน สิ่งที่คุณทำได้คือมอบความรักและความห่วงใยให้พวกเค้า รวมถึงให้พื้นที่และเวลาส่วนตัวกับพวกเค้าด้วย

  9. น้องแมวจะใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับบ้านและเจ้าของใหม่นานแค่ไหน?
  10. มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวของเจ้าเหมียว เช่น อายุของพวกเค้า พฤติกรรมของคุณ รวมถึงต้องดูว่าน้องแมวเคยถูกรับเลี้ยงมาก่อนไหม และถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร ความสามารถในการปรับตัวยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ทำให้พวกเค้ากลายเป็นแมวไร้บ้านด้วย ทางที่ดีคือควรอดทนรอจนกว่าเจ้าเหมียวจะคุ้นชินกับชีวิตใหม่

  • Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    adp_description_block371
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร

    • แบ่งปัน

    เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว

     

    วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต 
     

    การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
     

    แมวควรได้รับวัคซีน FVRCP เมื่อใด?

    ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น

     

    โรคหวัดแมว

    เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
     

    ไวรัสคาลิไซในแมว

    Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
     

    โรคไข้หัดแมว

    โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     

    เพราะเหตุใดวัคซีน FVRCP จึงเป็นวัคซีนหลักสำหรับแมว?

    วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
     

    แมวควรฉีดวัคซีน FVRCP เมื่อมีอายุเท่าไหร่?

    ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์

     

    โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้

    1. ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?

    2. ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?

    3. เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?

    4. การฉีดวัคซีน FVRCP มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน FVRCP

    วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

    1. อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด

    2. ไข้ต่ำ

    3. ความอยากอาหารลดลง

    แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

Close modal