IAMS TH
How to Help Your Obese Cat Lose Weight
How to Help Your Obese Cat Lose Weight

adp_description_block117
วิธีสังเกตและดูแลอาการภูมิแพ้ในแมว

  • แบ่งปัน

เราจะเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ กันก่อน - คุณคิดว่าเจ้าเหมียวของคุณต้องลดน้ำหนักหรือไม่?

สำหรับทาสแมวแล้ว เจ้าเหมียวสุดแสนจะเพอร์เฟค ตัวกลมนุ่มฟู มีพุงกะทิน้อย ๆ กำลังพอดี ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณคิดว่าพวกเค้ามีสุขภาพดี แต่ความจริงนั้น พวกเค้าอาจกำลังกลายเป็นแมวน้ำหนักเกินแล้วก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันปัญหาแมวอ้วนเกินพบได้บ่อยมากยิ่งขึ้น 

การให้อาหารมากเกินไปคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด! น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างได้แล้ว เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงแมวที่มีน้ำหนักเกินมักมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวตัว การเลียทำความสะอาดตัวเองทำได้ลำบาก ด้วยเหตุนี้การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเค้าเอง นับว่าโชคดีที่การทำให้น้ำหนักแมวอ้วนลดลงเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่กำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการและออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้นเอง

โรคอ้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?

โรคอ้วนกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มันส่งผลเสียต่อสุขภาพ การใช้ชีวิต และการทำงานของร่างกายในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงอีกมากมาย ปัญหาแมวอ้วนเกินจึงควรได้รับการดูแลในทันที:

  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อน้องแมวมีน้ำหนักเกิน ระบบภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลง ส่งผลให้แมวมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ง่ายขึ้น แมวอ้วนมักติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและเสี่ยงต่อการเกิด 'ก้อนนิ่ว' เนื่องจากเคลื่อนไหวน้อย ดื่มน้ำน้อย และปัสสาวะน้อยลง

  • โรคเบาหวาน

Around 80% to 90% of obese cats require daily insulin shots as they are more likely to develop diabetes. But, when their excess weight is eliminated, diabetes can often be reversed.

  • ตับวาย

เมื่อร่างกายของแมวรู้สึกว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือการลำเลียงอาหารถูกขัดขวาง ไขมันสำรองจะถูกย้ายไปยังตับเพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่ร่างกายของแมวไม่สามารถควบคุมกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีไขมันมาพอกที่ตับและอาจเกิดภาวะตับวายตามมา

  • กรูมมิ่งตัวเองไม่ได้

แมวที่มีน้ำหนักเกินจะดูแลทำความสะอาดตัวเองได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนังได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวน้ำหนักเกิน?

  • วางมือลงไปบริเวณด้านข้างลำตัวของแมว ควรสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครง
  • เห็นเอวคอดอย่างชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สุดท้ายนี้ คุณควรสังเกตเห็นหน้าท้องเว้าเล็กน้อยเมื่อมองจากด้านข้าง หากหน้าท้องมีลักษณะเป็นถุงและห้อยย้อยเกือบติดพื้น แสดงว่ามีไขมันในช่องท้อง เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ตามอวัยวะและกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องยื่นหรือป่องออกมา

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้ –

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้

ตารางเช็กรูปร่างน้องแมว

  • เห็นกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลังชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกิน
  • สามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยง่าย เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยมีรู้สึกถึงไขมันส่วนเกิน เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสถึงกระดูกซี่โครงแต่มีชั้นไขมันปกคลุม ไม่เห็นเอว หน้าท้องกลม ห้อยย้อย
  • ไม่สามารถสัมผัสถึงกระดูกซี่โครง มีชั้นไขมันหนากั้น เห็นหน้าท้องกลม ห้อยย้อยชัดเจน
     

จะหลีกเลี่ยงโรคอ้วนในแมวได้อย่างไร?

หลังจากทำให้แมวอ้วนกลับมามีรูปร่างสมส่วนแล้ว เป้าหมายต่อไปคือต้องดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว พฤติกรรมต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงและควรทำเพื่อไม่ให้น้องแมวน้ำหนักเกิน:

  • ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

เพื่อป้องกันไม่ให้แมวอ้วน ควรกำหนดเวลาให้อาหารที่แน่นอนและให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม

ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

  • ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

น้องแมวมีแนวโน้มจะอ้วนมากขึ้น หากไม่ได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเลย เพื่อลดความเบื่อหน่ายและป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม ควรเตรียมของเล่นหลากหลายชนิดเอาไว้พวกเค้า รวมถึงแบ่งเวลามาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือลองฝึกใส่สายจูงออกไปเดินเล่นด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว

ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

  • ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับแมวเหมียว โดยปริมาณจะพิจารณาจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อายุ และน้ำหนักตัวที่ต้องการ เมื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันแล้ว อาจแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อต่อวัน

ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

การลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเหมียว จึงควรควบคุมน้ำหนักให้ดี ไม่ปล่อยให้เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวอ้วนตุ้ยนุ้ย

  • เล่นเก็บบอล

การเล่นหรือทำกิจกรรมสนุก ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี แมวส่วนใหญ่ชอบเล่นไล่จับแสงเลเซอร์หรือแสงจากไฟฉาย บางตัวก็ชอบออกไปเดินเล่น บางตัวก็ชอบเล่นล่าเหยื่อเพื่อให้ได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณนักล่าออกมา อาจลองหาคอนโดแมวมาไว้ในบ้านให้พวกเค้าปีนป่าย หรือจะสอนเล่นคาบบอลก็สนุกไปอีกแบบ สำหรับการจัดหาของเล่นนั้น คุณจะซื้อหรือประดิษฐ์ของเล่นขึ้นมาเองก็ได้ รู้มั้ยว่า อาหารก็เป็นของเล่นได้เหมือนกัน เพียงแค่เอาอาหารไปซ่อนไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ให้พวกเคาตามหา เท่านี้ก็จะได้เกมสนุก ๆ อีกหนึ่งเกมแล้ว ทั้งนี้การเล่นสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่อย่าปล่อยให้เจ้าแมวอ้วนหมดแรง รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป หรือหายใจลำบาก และควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเล่นกับแมวสูงวัย

  • ใช้ความอดทน

โรคอ้วนป้องกันง่ายกว่ารักษาก็จริง แต่การลดน้ำหนักก็ไม่ใช่เรื่องยากและเริ่มต้นทำได้ทุกเมื่อ อาจต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่น และความอดทนมากหน่อย การลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่เห็นผลช้า เพียงแค่ลดปริมาณอาหารอย่างเดียวไม่อาจสำเร็จได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นได้อีก

การออกกำลังกายเป็นประจำ ปรับพฤติกรรมในแต่ละวัน และกำหนดปริมาณอาหารเป็นวิธีป้องกันโรคอ้วนในแมวได้อย่างยอดเยี่ยม

  • เคล็ดลับในการควบคุมน้ำหนักเจ้าเหมียว

  • ปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อนเสมอ
  • งดขนมทุกประเภท
  • แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อ
  • เลือกสูตรอาหารสำหรับควบคุมน้ำหนักโดยเฉพาะ
  • ชั่งน้ำหนักน้องแมวทุก 2 สัปดาห์
  • ในช่วงสัปดาห์แรก น้ำหนักแมวไม่ควรลดมากกว่า 1% - 1.5% จากน้ำหนักปกติ
  • อดทนและออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักแมว

  1. อาการบอกโรคอ้วนในแมวมีอะไรบ้าง?
  2. สามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้:

    • นั่งหรือนอนทั้งวัน โดยไม่เต็มใจจะลุกขึ้นเดินไปมา
    • มองไม่เห็นเอวคอดหรือท้องเว้า
    • สัมผัสกระดูกซี่โครงและสะโพกยาก

     

  3. ควรดูแลแมวอ้วนอย่างไร?
  4. เริ่มจากปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม ทั้งเลือกสูตรอาหาร และกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

  5. สาเหตุที่ทำให้แมวมีน้ำหนักเกินคืออะไร?
  6. โรคอ้วนในแมวมักเกิดจากการไม่ออกกำลังกาย การให้อาหารมากไป น้องแมวนั่ง ๆ นอนๆ ทั้งวัน และเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

  7. ควรให้อาหารแมวอ้วนอย่างไร?
  8. เลือกให้อาหารเปียกกับน้องแมวที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะแมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารเม็ด อาหารเปียกจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  9. จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าแมวมีน้ำหนักเกิน?
  10. แมวอ้วนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ไขมันส่วนเกินส่งผลเสียต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และอายุขัยของพวกเค้า นอกจากนี้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบได้ด้วย

  • Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    adp_description_block464
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร

    • แบ่งปัน

    เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว

     

    วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต 
     

    การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
     

    แมวควรได้รับวัคซีน FVRCP เมื่อใด?

    ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น

     

    โรคหวัดแมว

    เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
     

    ไวรัสคาลิไซในแมว

    Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
     

    โรคไข้หัดแมว

    โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     

    เพราะเหตุใดวัคซีน FVRCP จึงเป็นวัคซีนหลักสำหรับแมว?

    วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
     

    แมวควรฉีดวัคซีน FVRCP เมื่อมีอายุเท่าไหร่?

    ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์

     

    โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้

    1. ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?

    2. ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?

    3. เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?

    4. การฉีดวัคซีน FVRCP มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน FVRCP

    วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

    1. อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด

    2. ไข้ต่ำ

    3. ความอยากอาหารลดลง

    แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

Close modal