IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block140
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • cat-article-detail-banner
    cat-article-detail-banner
    adp_description_block60
    ทาสแมวต้องรู้! วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมว

    • แบ่งปัน

    ต่อมรับรสของแมวแตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น พวกเค้ามีต่อมรับรสขมมากกว่ารสหวาน เจ้าเหมียวจึงมักมีนิสัยช่างเลือกและจุกจิกกับอาหารการกิน ซึ่งนิสัยนี้อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ทาสแมวทั้งหลายจึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องการให้อาหารมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เลือกให้อาหารหรือขนมชนิดใดก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการเป็นสำคัญ

    โดยผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารแมวที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมหลัก อย่างอาหารแมวเกรดพรีเมียมจากไอแอมส์™ ที่อุดมด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์คุณภาพเยี่ยม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของแมวเหมียวอีกด้วย

    สารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

    แมวต้องการสารอาหารจำเป็นมากมายเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ซึ่งทั้งหมดนี้มีครบอยู่ในอาหารแมวคุณภาพดี หรืออาจพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น นม กระดูกป่น พืชตระกูลถั่ว เครื่องในสัตว์ และอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ 

    สำหรับสารอาหารจำเป็นและส่วนประกอบที่ควรมีอยู่ในอาหารแมว ได้แก่

    1. ปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม
    2. ไขมัน
    3. โปรตีน
    4. คาร์โบไฮเดรต
    5. แร่ธาตุ
    6. น้ำ
    7. วิตามิน

    การเลือกอาหารแมวให้เหมาะสม มีวิธีอย่างไรบ้าง?

    หากต้องการเลือกอาหารแมวคุณภาพดีให้กับเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

    1. ตรวจสอบฉลากอาหารเพื่อให้แน่ใจว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน รวมถึงมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นตรงตามความต้องการของแมว
    2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบแล้วว่าให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับพัฒนาการโดยรวมของแมว

    หรือเลือกให้อาหารแมวไอแอมส์™ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น ช่วยให้ผิวหนังของแมวมีสุขภาพดี เส้นขนนุ่มเงางาม และเสริมความแข็งแรงของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์จากธรรมชาติ เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและขับถ่าย จึงมั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะมีสุขภาพดี ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกวัน

    แร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

    นอกจากโปรตีนและกรดไขมันแล้ว เจ้าเหมียวยังต้องการแร่ธาตุที่จำเป็นเหล่านี้ด้วย

    1. โพแทสเซียม

      แมวต้องการโพแทสเซียมเพื่อเสริมการทำงานของระบบประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการเต้นของหัวใจ

    2. แคลเซียม

      เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน

    3. โซเดียม

      ช่วยให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังช่วยรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกายด้วย

    4. คลอไรด์

      โซเดียมและคลอไรด์ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสมดุลของภาวะกรดและด่างในร่างกาย ช่วยรักษาปริมาณน้ำ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท

    5. ฟอสฟอรัส

      แร่ธาตุนี้มีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญและการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟันของเจ้าเหมียวด้วย

    6. เหล็ก

      แมวต้องการธาตุเหล็กเพื่อการเคลื่อนย้ายพลังงานในร่างกาย

    7. ซีลีเนียม

      เป็นแร่ธาตุที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็น

    8. ทองแดง

      แมวต้องการทองแดงเพื่อเสริมการเจริญเติบโตของกระดูก การสร้างเม็ดสีผิว ตลอดจนการดูดซึมและการเคลื่อนย้ายธาตุเหล็ก

    9. แมกนีเซียม

      มีความสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์และการย่อยโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต

    10. สังกะสี

      สังกะสีเป็นอีกหนึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมว เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมัน โปรตีน กรดนิวคลิอิก และคาร์โบไฮเดรต

    11. ไอโอดีน

      เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาฮอร์โมนไทรอยด์

    12. วิตามินที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

      การขาดวิตามินอาจส่งผลให้เอนไซม์บางชนิดในร่างกายแมวทำงานผิดปกติ วิตามินจึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยวิตามินที่จำเป็นที่สุดสำหรับแมวมีดังต่อไปนี้

    13. วิตามินเอ

      วิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา กระดูก ฟัน เนื้อเยื่อ การสืบพันธุ์ และผิวหนังของแมว แม่แมวและลูกแมวตัวน้อยต้องการวิตามินเอปริมาณมากกว่าแมวโตและแมวสูงวัย

    14. วิตามินบี 12

      แมวต้องการวิตามินบี 12 เพื่อเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรต วิตามินนี้ยังจำเป็นต่อการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทหรือการนำกระแสประสาทด้วย

    15. วิตามินดี

      วิตามินดีเป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นที่สุดสำหรับแมว โดยแมวต้องการวิตามินดีอย่างน้อย 280 IU ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม เพราะมีส่วนช่วยในการรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งแร่ธาตุทั้งสองจำเป็นต่อการเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก

    16. วิตามินอี

      แมวโตเต็มวัยควรได้รับวิตามินอีอย่างน้อย 1 – 3 IU ต่อวัน เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของเซลล์

    17. วิตามินเค

      แมวต้องการวิตามินเคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด

    18. ไรโบฟลาวิน

      มีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานจากไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต หากขาดไรโบฟลาวิน แมวอาจเสี่ยงต่อโรคการกินผิดปกติ ต้อกระจก ผมร่วงเป็นหย่อม ไขมันพอกตับ และเป็นหมัน

    19. ไทอามีน

      ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้อาจส่งผลให้แมวมีน้ำหนักตัวลดลง มีอาการอาเจียน อาการชัก ระบบประสาททำงานผิดปกติ การมองเห็นบกพร่อง รูม่านตาขยาย และรู้สึกวิงเวียน

    20. ไนอาซิน

      การขาดไนอาซินอาจทำให้แมวมีไข้ เยื่อบุในช่องปากอักเสบ มีแผลที่ลิ้น และน้ำหนักตัวลด วิตามินนี้จำเป็นต่อการสลายไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนที่มีอยู่ในอาหาร

    21. กรดโฟลิก

      มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์และซ่อมแซมพันธุกรรม ช่วยควบคุมการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นในการแบ่งเซลล์ การขาดกรดโฟลิกอาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ และน้ำหนักลด

    22. ไพริดอกซีน

      เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการย่อยกรดอะมิโน กลูโคส และกรดไขมัน

    23. ไบโอติน

      การขาดไบโอตินอาจทำให้แมวมีปัญหาผิวหนัง วิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยสร้างกรดไขมัน กรดอะมิโนบางชนิด และสารพันธุกรรม

    24. โคลีน

      โคลีนเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญ เป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง

    ในการเลือกซื้ออาหารแมว ควรตรวจสอบก่อนว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ทั้งนี้ผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารเสริมกับแมวเพิ่มเติมได้ แต่ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเปลี่ยนอาหารใหม่หรือเลือกซื้ออาหารเสริมสำหรับเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ

Close modal