IAMS TH
How to Create an Enriching Environment for Your Kitten
How to Create an Enriching Environment for Your Kitten

adp_description_block48
วิธีสร้างบรรยากาศให้เหมาะกับเจ้าตัวน้อยของคุณ | ไอแอมส์™

  • แบ่งปัน

มอบบรรยากาศที่เหมาะกับเจ้าเหมียวของคุณ ให้เค้าได้มีความสุข สนุกสนาน ร่าเริง และพร้อมผจญภัยอยู่เสมอ

 

เจ้าเหมียวมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ขี้เล่น แถมยังมีพลังงานเยอะ บรรยากาศที่ปลอดภัยและเหมาะสมจะช่วยกระตุ้นให้เค้าอยากเล่น ทั้งยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สมอง สุขภาพ และพัฒนาการที่ดีไปตลอดชีวิต

 

เคล็ดลับในการสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยและเหมาะกับลูกแมว

 

การเลี้ยงแมวไว้ในบ้านมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากช่วยป้องกันเค้าจากภัยอันตรายหลากหลายรูปแบบ แต่เมื่อขาดประสบการณ์ที่ควรได้เรียนรู้จากธรรมชาติ จึงควรมีสิ่งอื่นมาทดแทนเพื่อช่วยเสริมสร้างสมองและกล้ามเนื้อให้เจ้าเหมียว

จัดให้แมวได้อยู่ในที่ปลอดภัยสำหรับซ่อนตัวและพักผ่อนเพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมให้แก่เค้า อย่างเช่น ขอบหน้าต่าง กระเป๋าแมว หรือที่นอนแมว เจ้าเหมียวควรรู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัยซึ่งเค้าอาจชอบที่นอนที่เป็นสถานที่ปิดมากกว่า เนื่องจากเจ้าเหมียวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน เราจึงควรกระตุ้นให้เค้าใช้เวลาที่ตื่นอยู่ไปกับกิจกรรมที่บริหารร่างกายและสมอง

การสร้างบรรยากาศให้มีความสนุกสนานและน่าเล่นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน พื้นที่หลายระดับความสูงมีประโยชน์กับแมวมาก อย่างเช่น ต้นไม้ หรือที่นอนแมว เสาลับเล็บรูปแบบต่าง ๆ จะช่วยสอนการขีดข่วนที่ถูกต้องเหมาะสม ฝึกสัญชาตญาณตามธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้เค้าไปลับเล็บบนเฟอร์นิเจอร์หรือพรมตัวโปรดของคุณ

นอกจากนี้การเข้าสังคมกับแมวด้วยกันก็เป็นประโยชน์กับแมวจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อได้ทำความรู้จักกับแมวตัวอื่นตั้งแต่เค้ายังเด็ก การมีเพื่อนเล่นเป็นแมวหรือลูกแมวจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการ ที่เจ้าเหมียวต้องการเล่นหรือเคลื่อนไหวอยู่เกือบตลอดเวลา และอย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์ต้องการพื้นที่เยอะ บ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัวควรมีพื้นที่หลากหลาย เพื่อให้พวกเค้าได้ซ่อน นอน และสังเกตการณ์

 

เกมและของเล่นที่เจ้าเหมียวชื่นชอบ

 

องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยแต่งเติมบรรยากาศให้เจ้าเหมียวคือการเข้าสังคมและการเล่น โดยเฉพาะบ้านที่เลี้ยงสัตว์เพียงตัวเดียว ของเล่นประเภทไม้ตกแมว ลูกบอลสำหรับตะปบหรือไล่ตามมักจะกระตุ้นพฤติกรรมการเล่นแบบสัตว์ผู้ล่าของเค้าได้ง่าย

 

เกมสำหรับเจ้าเหมียว

 

การเล่นเกมกับเจ้าตัวเล็กจะช่วยพัฒนาทักษะการทรงตัวและการล่าตามธรรมชาติของเค้า นอกจากนี้ยังช่วยให้เค้าเรียนรู้ขอบเขตและสานสัมพันธ์กับเจ้าของใหม่อย่างใกล้ชิด ลองเล่นกับเค้าประมาณ 10-15 นาทีวันละ 2-3 ครั้ง อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลด “ฝันร้ายยามค่ำคืน” คือให้เค้าได้เล่นกิจกรรมที่ใช้พลังงานเยอะก่อนให้อาหารมื้อค่ำ วิธีนี้ทำให้เค้าใช้พลังงานจนหมดและเป็นการเลียนแบบลำดับพฤติกรรม ล่า-กิน-เลีย-นอน ตามธรรมชาติในแมวอีกด้วย

 

เกมที่คุณควรเล่นกับเจ้าเหมียวได้แก่

 

  • ซ่อนหา - (เหมาะกับการเล่นช่วงมื้อกลางวัน) ลองเรียกเจ้าเหมียวมาหาคุณ เมื่อเค้ามาแล้วให้หนีไปที่ห้องอื่นแล้วเรียกซ้ำอีกครั้ง พอเค้าหาเจอแล้วอย่าลืมให้รางวัลเป็นของเล่นสนุก ๆ หรือขนมด้วยล่ะ
  • โยนของ - ลองโยนของเล่นให้เจ้าเหมียวคอยจับ เมื่อเค้า “จับ” ของได้แล้ว เรียกให้เค้ามาหาคุณ หากเค้าคาบของมาด้วย ให้รางวัลเป็นคำชมหรือขนมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรม 
  • ถุงกระดาษแสนสนุก - วางถุงช้อปปิ้งตั้งเอาไว้ แล้วใช้นิ้วเกาด้านในถุงเบา ๆ หรือใส่ของเล่นเอาไว้เพื่อกระตุ้นให้เค้าเข้ามาในถุง จากนั้นให้จิ้มหรือเกาด้านนอกของถุงระหว่างที่เค้ามีความสุขกับการล่า “เหยื่อ” ปริศนาอยู่ด้านใน

 

กระตุ้นลูกแมวของคุณผ่านการฝึก

 

องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยแต่งเติมบรรยากาศให้เจ้าเหมียวคือการเข้าสังคมและการเล่น โดยเฉพาะบ้านที่เลี้ยงสัตว์เพียงตัวเดียว ของเล่นจำพวกไม้ตกแมว ลูกบอลสำหรับตะปบหรือวิ่งไล่ตามมักจะกระตุ้นพฤติกรรมการเล่นแบบสัตว์ผู้ล่าของเค้าได้ง่าย

 

ไม่ปล่อยให้ลูกแมวเบื่อหน่ายเมื่อเค้าอยู่ลำพัง

 

ความท้าทายอีกหนึ่งข้อคือ การแต่งเติมบรรยากาศให้เหมาะกับเจ้าเหมียว เวลาที่ไม่มีคนหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นเล่นด้วย ของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างทักษะต่าง ๆ เป็นตัวสยบความเบื่อหน่ายได้ดี ซึ่งมีให้คุณเลือกหลากหลายรูปแบบไว้แก้เบื่อ และอย่าลืมให้รางวัลเค้าเป็นขนมหรืออาหาร เช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ ซึ่งมีประโยชน์สองต่อด้วยกัน ทั้งให้เค้าได้เล่นและได้รับโภชนาการที่เหมาะสมกับความต้องการด้านพลังงานและด้านร่างกาย

ลูกแมวและแมวโตมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฝ้าดูโลกภายนอกผ่านหน้าต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเครื่องให้อาหารนกหรือสวนผีเสื้อให้เค้ามองเห็น คุณจึงควรเปิดม่านหน้าต่างไว้อย่างน้อยหนึ่งด้าน ซึ่งควรเป็นด้านที่มีการเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมให้เห็นบ่อย ๆ นอกจากนี้ยังมี “ทีวีสำหรับแมว” เป็นวิดีโอกระรอก นก หรือวิวธรรมชาติต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ไว้คอยแก้เบื่อให้เจ้าเหมียวอีกด้วย

การแต่งเติมบรรยากาศให้เหมาะกับแมวเป็นการช่วยป้องกันความเครียดสะสมและลดการสร้างพฤติกรรมผิดปกติ ลูกแมวที่เติบโตจนเต็มวัยในสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ ได้บริหารร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอจะทำให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาวะที่ดีตลอดทุกช่วงวัย

 

  • cat article detail banner
    cat article detail banner
    adp_description_block490
    รวมประโยชน์น่ารู้ของอาหารแมวโปรตีนสูง

    • แบ่งปัน

    แมวเหมียวเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับเสือและสิงโต แม้จะมีขนาดตัวเล็กกว่าและดุร้ายน้อยกว่า แต่ยังมีความต้องการทางกายภาพและโภชนาการที่คล้ายคลึงกัน โดยแมวและลูกแมวต้องการโปรตีนมากกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น เพื่อเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างเหมาะสม ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารแมวที่มีโปรตีนสูงให้กับพวกเค้า

    ลูกแมวต้องการโปรตีนสูงเพื่อเพิ่มพลังงาน การเลือกอาหารให้ลูกแมวจึงต้องพิจารณาจากปริมาณโปรตีนเป็นสำคัญ โดยอาหารแมวส่วนใหญ่จะเลือกใช้โปรตีนทั้งจากพืชและสัตว์เพื่อให้ได้ปริมาณตรงตามความต้องการในแต่ละวันของลูกแมว แม้ว่าโปรตีนจะเป็นสารอาหารที่จำเป็นมาก แต่ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออาหาร เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

    อาหารโปรตีนสูงสำหรับลูกแมวควรมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วนและสมดุลควบคู่ไปกับสารอาหารชนิดอื่น รวมถึงควรเลือกใช้แหล่งโปรตีนคุณภาพดีและย่อยง่ายด้วย

    กรดอะมิโนที่ควรมีอยู่ในอาหารแมว

    กรดอะมิโนเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน และมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานในร่างกาย เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น แมวต้องการกรดอะมิโนที่จำเป็นเพียง 2 ชนิดสำหรับการเจริญเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดี โดยในอาหารแมวควรมีกรดอะมิโนที่จำเป็นดังต่อไปนี้

    1. อาร์จินีน – เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดสำหรับแมว หากขาดกรดอะมิโนชนิดนี้ ระดับแอมโมเนียในกระแสเลือดของลูกแมวจะสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการชักและเป็นอันตรายถึงชีวิตในบางสถานการณ์
    2. ทอรีน – ทอรีนจำเป็นต่อพัฒนาการของดวงตา หัวใจ และการสืบพันธุ์ของลูกแมว แมวสามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนชนิดนี้ได้ในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งมักจะไม่เพียงพอต่อพัฒนาการที่เหมาะสม ทั้งนี้ลูกแมวที่ขาดทอรีนอาจมีอาการจอประสาทตาเสื่อม กล้ามเนื้อหัวใจพองโต การสืบพันธุ์ล้มเหลว และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความผิดปกติในร่างกาย

    ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับแมว

    แน่นอนว่าอาหารแมวทุกประเภทมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ผู้เลี้ยงก็ยังคงต้องตรวจสอบปริมาณโปรตีนของอาหารแต่ละชนิด เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของแมวในแต่ละช่วงวัย

    แมวส่วนใหญ่ต้องการโปรตีนประมาณ 35% – 45% เพื่อเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยคุณสามารถเช็กปริมาณโปรตีนที่แมวต้องการได้จากตารางด้านล่างนี้

    ช่วงวัย

    ปริมาณโปรตีนโดยเฉลี่ย (%)

    ลูกแมว

    40 – 50%

    แมวโตเต็มวัย

    35 – 40%

    แม่แมวตั้งท้องหรือให้นมลูก

    45 – 50%

    แมวสูงวัย

    35 – 38%

    แหล่งโปรตีนในอาหารแมว

    โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต การเสริมสร้างความแข็งแรง และยังเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมด้วย อาหารสำหรับลูกแมวจึงควรมีโปรตีนสูง ไม่เพียงแต่ในช่วงปีแรกเท่านั้น แต่รวมถึงช่วงวัยเจริญเติบโตด้วย นอกจากปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมแล้ว แหล่งที่มาของโปรตีนก็สำคัญเช่นกัน โดยแหล่งโปรตีนที่พบบ่อยที่สุดในอาหารแมว มีดังนี้

    1. โปรตีนจากพืช กลูเตนข้าวโพด กลูเตนข้าวสาลี กากถั่วเหลือง และโปรตีนจากข้าวถือเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่เหมาะสำหรับลูกแมว
    2. โปรตีนจากสัตว์ – เนื่องจากเป็นสัตว์กินเนื้อ อาหารสำหรับแมวจึงต้องมีเนื้อสัตว์คุณภาพดีเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อให้แน่ใจว่าแมวจะได้รับปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม โดยแหล่งโปรตีนที่มีความเข้มข้นสูง ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ ปลา และไก่งวง เหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณควรมองหาในอาหารแมวโปรตีนสูง

    จะรู้ได้อย่างไรว่าแมวได้รับปริมาณโปรตีนเพียงพอแล้ว?

    แมวทุกตัวต้องการโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการโดยรวมที่ดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเค้าได้รับโปรตีนเพียงพอต่อความต้องการแล้ว? โดยแมวโตทั่วไปควรได้รับโปรตีนประมาณ 35% จากอาหาร อ้างอิงจากข้อกำหนดของ AAFCO (องค์กรควบคุมอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งอเมริกา) แมวต้องการโปรตีนอย่างน้อย 30% สำหรับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ และโปรตีนประมาณ 26% สำหรับการบำรุงรักษาร่างกาย หากอาหารผลิตจากแหล่งโปรตีนคุณภาพต่ำหรือมีปริมาณโปรตีนต่ำ อาจทำให้แมวมีอาการอาหารไม่ย่อยและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้

    วิธีคำนวณปริมาณโปรตีนในอาหารแมวแบบเปียก

    เนื่องจาก AAFCO กำหนดปริมาณโปรตีนในรูปแบบของวัตถุแห้ง ดังนั้นหากให้อาหารเปียกแก่ลูกแมวตัวน้อย คุณอาจต้องคำนวณปริมาณโปรตีนด้วยตนเอง โดยสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้

    ขั้นตอนที่ 1 – คำนวณหาปริมาณวัตถุแห้งของอาหารโดยหักลงจากปริมาณความชื้นสูงสุด(%) 

    ขั้นตอนที่ 2 – นำปริมาณโปรตีนดิบ(%) มาหารด้วยปริมาณวัตถุแห้งที่ได้

    ขั้นตอนที่ 3 – คูณผลลัพธ์ด้วย 100 เพื่อให้ได้ปริมาณโปรตีนในรูปแบบร้อยละที่มีอยู่ในวัตถุแห้งของอาหาร

    ตัวอย่าง อาหารมีความชื้น 75% มีโปรตีนดิบ 12%

    1. 100 – 75(ความชื้น) = 25(ปริมาณวัตถุแห้งของอาหาร)
    2. 12(ปริมาณโปรตีนดิบ) / 25 = 0.48
    3. 0.48 x 100 = 48%