IAMS TH
cat-article-detail-banner
cat-article-detail-banner

adp_description_block142
ทาสแมวต้องรู้! วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมว

  • แบ่งปัน

ต่อมรับรสของแมวแตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น พวกเค้ามีต่อมรับรสขมมากกว่ารสหวาน เจ้าเหมียวจึงมักมีนิสัยช่างเลือกและจุกจิกกับอาหารการกิน ซึ่งนิสัยนี้อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ทาสแมวทั้งหลายจึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องการให้อาหารมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เลือกให้อาหารหรือขนมชนิดใดก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการเป็นสำคัญ

โดยผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารแมวที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมหลัก อย่างอาหารแมวเกรดพรีเมียมจากไอแอมส์™ ที่อุดมด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์คุณภาพเยี่ยม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของแมวเหมียวอีกด้วย

สารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

แมวต้องการสารอาหารจำเป็นมากมายเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ซึ่งทั้งหมดนี้มีครบอยู่ในอาหารแมวคุณภาพดี หรืออาจพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น นม กระดูกป่น พืชตระกูลถั่ว เครื่องในสัตว์ และอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ 

สำหรับสารอาหารจำเป็นและส่วนประกอบที่ควรมีอยู่ในอาหารแมว ได้แก่

  1. ปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม
  2. ไขมัน
  3. โปรตีน
  4. คาร์โบไฮเดรต
  5. แร่ธาตุ
  6. น้ำ
  7. วิตามิน

การเลือกอาหารแมวให้เหมาะสม มีวิธีอย่างไรบ้าง?

หากต้องการเลือกอาหารแมวคุณภาพดีให้กับเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบฉลากอาหารเพื่อให้แน่ใจว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน รวมถึงมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นตรงตามความต้องการของแมว
  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบแล้วว่าให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับพัฒนาการโดยรวมของแมว

หรือเลือกให้อาหารแมวไอแอมส์™ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น ช่วยให้ผิวหนังของแมวมีสุขภาพดี เส้นขนนุ่มเงางาม และเสริมความแข็งแรงของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์จากธรรมชาติ เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและขับถ่าย จึงมั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะมีสุขภาพดี ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกวัน

แร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

นอกจากโปรตีนและกรดไขมันแล้ว เจ้าเหมียวยังต้องการแร่ธาตุที่จำเป็นเหล่านี้ด้วย

  1. โพแทสเซียม

    แมวต้องการโพแทสเซียมเพื่อเสริมการทำงานของระบบประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการเต้นของหัวใจ

  2. แคลเซียม

    เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน

  3. โซเดียม

    ช่วยให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังช่วยรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกายด้วย

  4. คลอไรด์

    โซเดียมและคลอไรด์ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสมดุลของภาวะกรดและด่างในร่างกาย ช่วยรักษาปริมาณน้ำ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท

  5. ฟอสฟอรัส

    แร่ธาตุนี้มีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญและการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟันของเจ้าเหมียวด้วย

  6. เหล็ก

    แมวต้องการธาตุเหล็กเพื่อการเคลื่อนย้ายพลังงานในร่างกาย

  7. ซีลีเนียม

    เป็นแร่ธาตุที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็น

  8. ทองแดง

    แมวต้องการทองแดงเพื่อเสริมการเจริญเติบโตของกระดูก การสร้างเม็ดสีผิว ตลอดจนการดูดซึมและการเคลื่อนย้ายธาตุเหล็ก

  9. แมกนีเซียม

    มีความสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์และการย่อยโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต

  10. สังกะสี

    สังกะสีเป็นอีกหนึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมว เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมัน โปรตีน กรดนิวคลิอิก และคาร์โบไฮเดรต

  11. ไอโอดีน

    เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาฮอร์โมนไทรอยด์

  12. วิตามินที่จำเป็นสำหรับแมวเหมียว

    การขาดวิตามินอาจส่งผลให้เอนไซม์บางชนิดในร่างกายแมวทำงานผิดปกติ วิตามินจึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยวิตามินที่จำเป็นที่สุดสำหรับแมวมีดังต่อไปนี้

  13. วิตามินเอ

    วิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา กระดูก ฟัน เนื้อเยื่อ การสืบพันธุ์ และผิวหนังของแมว แม่แมวและลูกแมวตัวน้อยต้องการวิตามินเอปริมาณมากกว่าแมวโตและแมวสูงวัย

  14. วิตามินบี 12

    แมวต้องการวิตามินบี 12 เพื่อเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรต วิตามินนี้ยังจำเป็นต่อการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทหรือการนำกระแสประสาทด้วย

  15. วิตามินดี

    วิตามินดีเป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นที่สุดสำหรับแมว โดยแมวต้องการวิตามินดีอย่างน้อย 280 IU ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม เพราะมีส่วนช่วยในการรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งแร่ธาตุทั้งสองจำเป็นต่อการเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก

  16. วิตามินอี

    แมวโตเต็มวัยควรได้รับวิตามินอีอย่างน้อย 1 – 3 IU ต่อวัน เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของเซลล์

  17. วิตามินเค

    แมวต้องการวิตามินเคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด

  18. ไรโบฟลาวิน

    มีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานจากไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต หากขาดไรโบฟลาวิน แมวอาจเสี่ยงต่อโรคการกินผิดปกติ ต้อกระจก ผมร่วงเป็นหย่อม ไขมันพอกตับ และเป็นหมัน

  19. ไทอามีน

    ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้อาจส่งผลให้แมวมีน้ำหนักตัวลดลง มีอาการอาเจียน อาการชัก ระบบประสาททำงานผิดปกติ การมองเห็นบกพร่อง รูม่านตาขยาย และรู้สึกวิงเวียน

  20. ไนอาซิน

    การขาดไนอาซินอาจทำให้แมวมีไข้ เยื่อบุในช่องปากอักเสบ มีแผลที่ลิ้น และน้ำหนักตัวลด วิตามินนี้จำเป็นต่อการสลายไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนที่มีอยู่ในอาหาร

  21. กรดโฟลิก

    มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์และซ่อมแซมพันธุกรรม ช่วยควบคุมการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นในการแบ่งเซลล์ การขาดกรดโฟลิกอาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ และน้ำหนักลด

  22. ไพริดอกซีน

    เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการย่อยกรดอะมิโน กลูโคส และกรดไขมัน

  23. ไบโอติน

    การขาดไบโอตินอาจทำให้แมวมีปัญหาผิวหนัง วิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยสร้างกรดไขมัน กรดอะมิโนบางชนิด และสารพันธุกรรม

  24. โคลีน

    โคลีนเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญ เป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง

ในการเลือกซื้ออาหารแมว ควรตรวจสอบก่อนว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ทั้งนี้ผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารเสริมกับแมวเพิ่มเติมได้ แต่ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเปลี่ยนอาหารใหม่หรือเลือกซื้ออาหารเสริมสำหรับเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับแมว

  1. วิตามินที่จำเป็นสำหรับแมวมีอะไรบ้าง?
  2. วิตามินที่จำเป็นสำหรับแมว ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี12 วิตามินดี วิตามินเค วิตามินอี ไนอาซิน ไบโอติน และกรดโฟลิก

  3. แมวได้รับแร่ธาตุจากที่ใดบ้าง?
  4. แมวดูดซึมแร่ธาตุส่วนใหญ่จากอาหารที่กินเข้าไป โดยอาหารแมวที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ตับ ธัญพืช และปลาถือเป็นแหล่งแร่ธาตุที่ดีสำหรับแมว

  5. ควรให้วิตามินเสริมกับแมวหรือไม่?
  6. โดยปกติแล้วแมวจะดูดซึมวิตามินที่จำเป็นทั้งหมดจากอาหารที่กินเข้าไป ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนมากกว่าบำรุงด้วยอาหารเสริม แมวอาจต้องการวิตามินเสริมในกรณีที่ขาดวิตามินเท่านั้น ซึ่งควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อน

  7. แมวต้องการแร่ธาตุหรือไม่?
  8. แมวต้องการแร่ธาตุบางชนิดในปริมาณเล็กน้อย เช่น เหล็ก ทองแดง สังกะสี และแมงกานีส ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ในอาหารแมวคุณภาพดีทั่วไป

  9. อาหารเสริมที่ดีสำหรับแมวมีอะไรบ้าง?
  10. แมวไม่ต้องการอาหารเสริม เพราะสามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นทั้งหมดจากอาหารมื้อหลักได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารเสริมที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกแมว คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

  • รวมทุกเรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนนำลูกแมวเข้าบ้าน
    รวมทุกเรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนนำลูกแมวเข้าบ้าน
    adp_description_block183
    พาแมวเข้าบ้านวันแรก ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

    • แบ่งปัน

    การนำลูกแมวตัวใหม่กลับบ้านเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนี่เป็นครั้งแรกของคุณ แต่ไม่ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจมากน้อยแค่ไหน คุณก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้วันแรกและคืนแรกของเจ้าตัวน้อยเป็นไปอย่างราบรื่น
     

    การนำลูกแมวกลับบ้านก็เหมือนการพาลูกน้อยกลับบ้าน คุณควรเก็บข้าวของอันตรายในบ้านให้เรียบร้อย และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ที่สำคัญในช่วงสัปดาห์แรก ควรพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกาย แนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับ
     

    สมาชิกในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ส่วนการวางแผนออกไปผจญภัยนอกบ้านควรเริ่มเมื่อลูกแมวได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว
     

    สำหรับพ่อแม่แมวมือใหม่ทุกคน เรามีคำแนะนำและเคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับการต้อนรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้านมาฝากกัน
     

    สิ่งที่ควรทำก่อนนำลูกแมวเข้าบ้าน

    ก่อนที่จะพาลูกแมวเข้าบ้าน คุณควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ที่น่าเชื่อถือในละแวกบ้าน เพื่อทำการตรวจสุขภาพ วางแผนการฉีดวัคซีนและป้องกันปรสิตเบื้องต้น ทั้งนี้หากคุณรับเลี้ยงลูกแมวแรกเกิด ก็ควรพาไปพบคุณหมอทันทีที่รับเลี้ยง รวมถึงควรทำตามขั้นตอนสำคัญอื่น ๆ ดังนี้ด้วย

    1. ป้องกันอันตรายภายในบ้าน

    ลูกแมวมีขนาดตัวเล็กและยังคงบอบบาง ผู้เลี้ยงจึงควรทำความสะอาดบ้าน เก็บข้าวของมีคมและสารอันตรายต่าง ๆ ให้มิดชิด พร้อมตรวจสอบให้แน่ใจว่าจัดพื้นที่นอน ชามอาหาร ชามน้ำ ของเล่น และกระบะทรายให้ครบถ้วน

    1. เตรียมพื้นที่พักผ่อนให้ดี

    ในช่วงสองสามคืนแรก ลูกแมวอาจรู้สึกวิตกกังวลและมักจะส่งเสียงร้อง พวกเค้าจะใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นเคยกับบ้านใหม่ เพื่อช่วยให้ลูกแมวนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ควรจัดมุมพักผ่อนในบริเวณที่อบอุ่น เงียบสงบ เมื่ออยู่บ้านใหม่ได้อย่างสบายใจ ลูกแมวจะสามารถนอนหลับได้นานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน

    1. เลือกโภชนาการอย่างเหมาะสม

    อาหารมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีในลูกแมว คุณจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสม รวมไปถึงวิธีการให้อาหารอย่างถูกต้อง สำหรับลูกแมวในช่วงวัย 2 – 12 เดือน ขอแนะนำ ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเม็ดสูตรสำหรับแม่และลูกแมว เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยพัฒนาสมองและดวงตาให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีดีเอชเอและโคลอสตรุม ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานตามธรรมชาติและป้องกันโรคร้าย ถือเป็นแหล่งอาหารจำเป็นที่พบได้ในนมแม่
     

    สิ่งที่ควรทำหลังนำลูกแมวเข้าบ้าน

    เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็ถึงเวลารับเจ้าตัวน้อยเข้าบ้าน และมีขั้นตอนอีกมากมายที่คุณควรทำหลังจากนี้

    1. แนะนำลูกแมวให้รู้จักกับสมาชิกในครอบครัว

    ลูกแมวอาจรู้สึกกังวลเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้า การทำให้พวกเค้าคุ้นเคยกับครอบครัวใหม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้บรรยากาศสงบและไม่เสียงดังจนเกินไปในช่วงเวลาที่ทำความรู้จักกัน ควรปฏิบัติกับลูกแมวอย่างอ่อนโยน ไม่บังคับ ให้เวลาลูกแมวได้ปรับตัวและสำรวจบ้านด้วยตัวเอง

    1. แนะนำลูกแมวให้รู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น

    หากคุณมีสัตว์เลี้ยงหรือแมวในบ้านอยู่แล้ว การเลือกวิธีแนะนำลูกแมวตัวใหม่เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะพวกเค้าทั้งหมดต้องอยู่ร่วมกันและควรจะเข้ากันได้ดี เริ่มจากปล่อยให้พวกเค้าทำความคุ้นเคยกลิ่นของกันและกันก่อน อาจนำผ้าห่มของลูกแมวตัวใหม่ไปวางใกล้ ๆ ชามอาหารของแมวตัวเก่า จากนั้นปล่อยให้ดมกลิ่นสำรวจจนคุ้นชิน วิธีนี้จะทำให้แมวตัวเก่าค่อย ๆ คุ้นเคยกับกลิ่นของแมวตัวใหม่ไปเอง

    1. พาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์

    การไปพบสัตวแพทย์เป็นหนึ่งในข้อปฏิบัติสำคัญที่ต้องทำทันทีหลังนำลูกแมวตัวใหม่กลับบ้าน คุณหมอจะวางแผนการฉีดวัคซีน พร้อมทำการดูแลป้องกันอื่น ๆ เพื่อเสริมสุขภาพโดยรวมของลูกแมว รวมถึงจะตรวจสอบน้ำหนักและสภาพร่างกาย เพื่อประเมินความต้องการทางโภชนาการของลูกแมวให้อีกด้วย

    1. ปล่อยให้ลูกแมวสำรวจบ้านใหม่

    เมื่อลูกแมวรู้สึกสบายใจกับการอยู่ในบ้านใหม่ พวกเค้าจะเริ่มสำรวจพื้นที่ทุกซอกทุกมุม คุณอาจพบว่าลูกแมวเดินเตร่ไปมาและดมกลิ่นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นี่ถือเป็นข่าวดี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกแมวได้รับบาดเจ็บขณะสำรวจบ้านใหม่ คุณควรเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยพร้อมตามดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ไม่แนะนำให้อุ้มลูกแมวขึ้นมากอดหรือบังคับให้เคลื่อนไหวไปมา ปล่อยให้พวกเค้าสำรวจด้วยตัวเอง

    1. แบ่งเวลามาเล่นกับลูกแมวเป็นประจำ

    หลังจากลูกแมวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้แล้ว คุณสามารถชวนพวกเค้าเล่นและทำกิจกรรมง่าย ๆ ได้ เช่น เล่นซ่อนแอบ เล่นตะครุบเหยื่อ อาจให้รางวัลด้วยขนมเมื่อพวกเค้าเล่นกับคุณ วิธีนี้ช่วยให้ลูกแมวเชื่อใจคุณมากยิ่งขึ้น จากนั้นอีกไม่นาน พวกเค้าก็จะเริ่มอ้อน เข้ามาคลอเคลีย และแสดงความรักให้เห็นบ่อยมากขึ้น

Close modal