IAMS TH
Does-Your-Cat-Have-Allergies-banner
Does-Your-Cat-Have-Allergies-banner

adp_description_block188
วิธีช่วยเจ้าแมวอ้วนลดน้ำหนักอย่างได้ผล

  • แบ่งปัน

ภูมิแพ้ในแมวเกิดจากการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว หากพบว่าพวกเค้ามีท่าทางไม่สบายตัว จามอย่างต่อเนื่อง และเกาตัวเองไม่หยุด อาการเหล่านี้คืออาการแพ้ในแมวที่พบได้บ่อย

อาการแพ้ของแมวมีหลากหลายรูปแบบ อย่างอาการคันหรืออาการระคายเคือง อาจทำให้น้องแมวเกาหรือกัดแทะตัวเองไม่หยุด แต่สำหรับอาการที่ส่งผลต่อการหายใจถือว่าร้ายแรงที่สุด และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

 หากระบุได้ว่าสารก่อภูมิแพ้ชนิดใดส่งผลกับน้องแมว เราก็สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ และหาวิธีดูแลพวกเค้าได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

อะไรคือสาเหตุของภูมิแพ้ในแมว?

ขั้นตอนแรกในการรักษาโรคภูมิแพ้แมวคือค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุ โดยการไปพบสัตวแพทย์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการค้นหาตัวกระตุ้นการแพ้ของแมว

ภูมิแพ้ในแมวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่อาการทั้งหมดมักเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก นั่นคือภูมิแพ้น้ำลายหมัด ภูมิแพ้อาหาร และภูมิแพ้สารในสิ่งแวดล้อม(โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง)  

  • ภูมิแพ้น้ำลายหมัด

เป็นอาการแพ้ที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดจากการโดนหมัดกัดหรือเป็นผลข้างเคียงจากยากำจัดหมัด โดยอาการคันจะเป็นอาการที่เด่นชัดที่สุดของภูมิแพ้ประเภทนี้ หากพบว่าน้องแมวเกาหรือกัดแทะตัวเองบ่อย ๆ โดยเฉพาะบริเวณโคนหาง มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกเค้ากำลังแพ้น้ำลายหมัด

  • ภูมิแพ้อาหาร

การแพ้อาหารอาจทำให้น้องแมวอาเจียน ท้องเสีย และอาจมีอาการคันร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณคอและศีรษะ ในกรณีที่มีอาการรุนแรง น้องแมวอาจมีปัญหาขนร่วงเป็นหย่อม ควรรีบไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าพวกเค้าแพ้อาหารชนิดใด และขอคำแนะนำเรื่องการเลือกสูตรอาหารที่เหมาะสม

  • ภูมิแพ้สารในสิ่งแวดล้อม

การแพ้สารในสิ่งแวดล้อมอาจมีตัวกระตุ้นที่แตกต่างกัน เช่น ต้นไม้บางชนิด  ละอองเกสร และเชื้อรา น้องแมวบางตัวอาจแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือน้ำหอมจากทรายแมว นอกจากนี้น้องแมวยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบในแมวด้วย โดยพวกเค้าจะมีอาการคันอย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การอักเสบที่ผิวหนัง มีรอยแดง มีแผลตกสะเก็ด และขนร่วง

อาการแพ้ของแมว

บางอาการก็เพียงแค่สร้างความน่ารำคาญให้พวกเค้า แต่บางอาการก็เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้ลักษณะอาการและความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับชนิดของภูมิแพ้

  • ท้องเสีย

สำหรับน้องแมวบางสายพันธุ์ที่มีอาการท้องเสีย จะมีคราบสกปรกติดอยู่บริเวณบั้นท้าย ส่วนในน้องแมวทั่วไป เราสามารถสังเกตอาการได้จากลักษณะของอุจจาระ หากพบว่าน้องแมวอุจจาระกึ่งเหลวหรืออุจจาระเหลวบ่อยเกินสองวัน ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

หายใจลำบาก

อาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะก้อนขนอุดตันในทางเดินอาหาร หรืออาจแพ้สิ่งเร้า อย่างเกสรดอกไม้ เชื้อรา และควันบุหรี่ การหายใจลำบากหรือหายใจดังยังเป็นผลมาจากความเครียดได้ด้วย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอย่างกะทันหัน และควรให้เวลาน้องแมวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ด้วย

  • ตาแฉะ

อาการตาแฉะหรือมีคราบน้ำตาเป็นอาการแพ้ของแมวที่เด่นชัดกว่าอาการอื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น เชื้อรา 

หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง อย่างการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ด้วยเช่นกัน

ตาแฉะ
 

  • รอยแดงและอาการคัน

อาการคันหรือรอยแดงบนผิวหนังอาจเกี่ยวข้องกับโรคผื่นผิวหนังอักเสบในแมว โดยผิวหนังของพวกเค้าจะมีอาการบวมแดง มีแผลพุพองขนาดเล็กจากอาการระคายเคือง หรือจากอาการแพ้สิ่งเร้าภายนอก

รอยแดงและอาการคัน
 

การรักษาโรคภูมิแพ้แมวมีวิธีอย่างไรบ้าง?

  • ใช้แชมพูสูตรสำหรับรักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบโดยเฉพาะ

หากน้องแมวมีอาการแพ้ไม่มากและมีอาการคันเพียงเล็กน้อย แชมพูประเภทนี้เป็นตัวช่วยที่ดีเลย

  • ใช้ยาสำหรับรักษาอาการคัน

การใช้ยารักษาอาการคันและยาต้านการอักเสบที่ช่วยลดรอยแดงและบวม อย่างยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการคันอย่างรุนแรงในแมว แต่จำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัย

  • ใช้ยากำจัดหมัด

ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกวิธีป้องกันเห็บหมัดที่เหมาะสำหรับน้องแมวของคุณ การป้องกันนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภูมิแพ้น้ำลายหมัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อตัดวงจรชีวิตของหมัด โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่มีอากาศอบอุ่น  แม้ว่าน้องแมวจะไม่มีหมัดบนตัว แต่ก็ควรใช้ยาป้องกันหมัดและถ่ายพยาธิ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนอนพยาธิในแมว และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปรสิตตัวร้ายเหล่านี้

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้

จำกัดการให้อาหารน้องแมว โดยเลือกให้ทีละชนิดหรือทีละประเภท เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้องแมวแพ้อาหารชนิดไหน โดยส่วนใหญ่น้องแมวมักแพ้อาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งอาหาร 3 อันดับแรก ได้แก่ เนื้อวัว (18%) เนื้อปลา (17%) และเนื้อไก่ (5%) การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยลดความรุนแรงของอาการแพ้ในแมวลง

อาการภูมิแพ้ในแมว

อาการแพ้ของแมวที่พบบ่อยที่สุดคืออาการบริเวณผิวหนัง มันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ และพบได้ในน้องแมวทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ในลูกแมวอาจไม่มีอาการแสดงอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความพวกเค้าจะไม่มีอาการแพ้ ดังนั้นหากพบอาการใด ๆ ต่อไปนี้ ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  • เกา เลีย และกัดแทะผิวหนังอย่างต่อเนื่อง
  • ไถหน้าและหูไปมากับพื้นหรือกำแพง
  • ผิวอักเสบ ขนร่วง และมีกลิ่นเหม็น
  • ไอ จาม น้ำตาไหล และน้ำมูกไหล
  • อาเจียนหรือท้องเสียบ่อย  

าการแพ้ของแมวแต่ละตัวอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่เหมาะสม

 

วิธีสังเกตและดูแลอาการภูมิแพ้ในแมว
วิธีสังเกตและดูแลอาการภูมิแพ้ในแมว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ในแมว

  1. อาการแพ้ในแมวที่พบบ่อยที่สุดคืออะไร?
  2. แมวมีความไวต่อสิ่งเร้าที่หลากหลาย พวกเค้าอาจแพ้อาหาร ยา พืช และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง อย่างไรก็ตามการแพ้หมัด แพ้สารในสิ่งแวดล้อม และ/หรือแพ้อาหารเป็นภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในแมว

  3. การดูแลอาการแพ้ในแมวทำอย่างไรได้บ้าง?
  4. เพียงแค่ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เลือกใช้ทรายแมวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ป้องกันเห็บหมัดให้น้องแมว หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม และไม่สูบบุหรี่ใกล้กับบริเวณที่น้องแมวอยู่

  5. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวเป็นภูมิแพ้?
  6. หากน้องแมวเป็นภูมิแพ้ คุณจะสังเกตเห็นอาการ พฤติกรรม และสภาพร่างกายบางอย่างที่ได้รับผลกระทบจากการแพ้ เช่น:

    • ตาแฉะ
    • น้ำมูกไหล
    • มีอาการคัน
    • ไอหรือจาม
    • อาเจียนหรือท้องเสีย 

     

  7. โรคภูมิแพ้ในแมวรักษาหายหรือไม่?
  8. ขึ้นอยู่กับว่าน้องแมวของคุณแพ้อะไร แพ้สิ่งเร้าในสิ่งแวดล้อมหรือแพ้อาหาร หากพวกเค้าแพ้อาหาร ก็จำเป็นต้องเลือกอาหารสูตรใหม่ที่เหมาะสม แต่หากน้องแมวมีอาการแพ้บริเวณผิวหนัง การกินอาหารสูตรใหม่และน้ำที่สะอาดตลอดระยะเวลา 8 - 10 สัปดาห์ อาการก็จะค่อย ๆ หายไป

  9. การดูแลอาการแพ้ในแมวในเวลานานแค่ไหน?
  10. น้องแมวส่วนใหญ่ที่เป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มักจะแพ้สิ่งเร้าหลากหลายชนิด แต่อาการคันอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งหากอากาศไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยหรือมีตัวกระตุ้นน้อย

  • คู่มือการฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย
    คู่มือการฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย
    adp_description_block202
    วิธีฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย

    • แบ่งปัน

    การฝึกเข้ากระบะทรายตั้งแต่อายุน้อย ช่วยปลูกฝังพฤติกรรมเพื่อสุขอนามัยที่ดีได้ โดยแนะนำให้เริ่มฝึกทันทีที่ลูกแมวมีอายุครบ 4 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงวัยที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี การฝึกยังช่วยให้บ้านของคุณสะอาด ไม่ต้องเก็บกวาดทุกครั้งที่เจ้าเหมียวขับถ่ายอีกด้วย สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงที่สงสัยว่าควรฝึกลูกแมวอย่างไร ในบทความนี้ เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการฝึกได้อย่างราบรื่น พร้อมด้วยเรื่องน่ารู้อีกมากมาย ทั้งช่วงวัยที่เหมาะสมสำหรับการฝึกและวิธีเลือกขนาดกระบะทรายที่เหมาะสม
     

    สามารถฝึกลูกแมวเข้ากระบะทรายได้หรือไม่?

    แมวส่วนใหญ่ใช้กระบะทรายเป็นโดยสัญชาตญาณ เพราะมักจะขับถ่ายบนพื้นทรายกันเป็นปกติ แต่สำหรับลูกแมวอาจต้องฝึกสอนกันสักเล็กน้อย การฝึกลูกแมวเข้ากระบะทรายไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรเริ่มฝึกตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยถือเป็นหนึ่งในการฝึกแรก ๆ ที่คุณควรสอนให้ลูกแมว
     

    เริ่มฝึกลูกแมวเข้ากระบะทรายได้เมื่อไหร่?

    คุณสามารถเริ่มฝึกลูกแมวได้เมื่อมีอายุ 4 สัปดาห์ หากคุณรับเลี้ยงลูกแมวที่มีอายุมากกว่า 4 สัปดาห์หรือแมวโต ให้เริ่มฝึกทันทีที่พาพวกเค้าเข้าบ้าน
     

    ควรฝึกลูกแมวเข้ากระบะทรายอย่างไร?

    การฝึกลูกแมวขับถ่ายในกระบะทรายเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ต้องการทำความสะอาดบ้านหลายล้านครั้งต่อวัน อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องสอนให้พวกเค้ารู้จักวิธีใช้กระบะทรายอย่างถูกต้องกันเสียก่อน สำหรับทาสแมวมือใหม่ คุณอาจไม่มีความรู้เรื่องวิธีการฝึก ไม่ต้องกังวล เราช่วยคุณได้! เพียงแค่ทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้

    1. เลือกกระบะทรายและทรายแมวที่ใช่

    ขั้นตอนแรกคือการเลือกกระบะทรายที่เหมาะกับตัวลูกแมว ขนาดต้องไม่เล็กจนเกินไป ภายในมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขับถ่าย และควรเดินเข้าออกได้ง่าย
     

    แมวบางตัวอาจรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องใช้กระบะทรายแบบโดมหรือแบบที่มีฝาปิด เพราะต้องการรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวในขณะขับถ่าย ส่วนแมวบางกลุ่มก็ต้องการความเป็นส่วนตัว อาจต้องให้พวกเค้าลองใช้กระบะทรายแบบต่าง ๆ เพื่อค้นหาแบบที่ถูกใจมากที่สุด

    1. จัดวางกระบะทรายในมุมที่เข้าถึงได้ง่าย

    การเลือกจุดที่เหมาะสมสำหรับกระบะทรายเป็นสิ่งจำเป็น แนะนำให้วางในมุมที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว แต่ให้อยู่มุมที่เรามองเห็นได้เพื่อป้องกันแมวขับถ่ายไม่เป็นที่ จำนวนกระบะทรายก็สำคัญเช่นกัน หากบ้านของคุณมีหลายชั้นควรวางกระบะทรายให้ครบทุกชั้น อย่างน้อยชั้นละ 1 จุด สามารถวางในห้องน้ำได้ แต่หลีกเลี่ยงบริเวณชามอาหารและน้ำ

    1. อุ้มลูกแมวเข้ากระบะทรายเพื่อทำความคุ้นเคย

    เมื่อจัดเตรียมกระบะทรายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาฝึกลูกแมวของคุณ เริ่มจากนำลูกแมวไปที่กระบะทราย ปล่อยให้พวกเค้าดมกลิ่นและสำรวจเพื่อทำความคุ้นเคย จากนั้นอุ้มลูกแมวลงไปในกระบะทราย พวกเค้าอาจเริ่มใช้เท้าเขี่ยทรายและขับถ่ายในทันที หากลูกแมวมีท่าทีงุนงง ให้ใช้นิ้วเขี่ยทรายให้พวกเค้าดูก่อน

    1. ปลูกฝังพฤติกรรมขับถ่ายที่ดี

    เพื่อให้ลูกแมวเรียนรู้และจดจำการใช้กระบะทรายได้ดีขึ้น ควรให้รางวัลเป็นขนมแสนอร่อยหรือพูดชมเชยเมื่อพวกเค้าใช้กระบะทรายได้สำเร็จ และเพื่อให้ได้ผลดี คุณควรให้รางวัลทันทีหลังขับถ่ายเสร็จ

    1. ทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำ

    การรักษาความสะอาดของกระบะทรายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแมวมีนิสัยรักสะอาดและเจ้าระเบียบมาก พวกเค้ามักจะหลีกเลี่ยงการใช้กระบะทรายที่สกปรก ในช่วงแรกอาจตักของเสียออกหลังการใช้งานแต่ละครั้ง หมั่นเติมทรายแมวเพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณที่เหมาะสม ลูกแมวสามารถขุดได้ง่าย เมื่อลูกแมวเริ่มโตขึ้นและคุ้นเคยกับการใช้กระบะทรายแล้ว สามารถเปลี่ยนมาทำความสะอาดวันละครั้งแทนได้

Close modal