IAMS TH
Corn-Ingredients-and-Their-Use-in-Our-Cat-Foods-banner
Corn-Ingredients-and-Their-Use-in-Our-Cat-Foods-banner

adp_description_block102
ไขข้อสงสัย แมวกินข้าวโพดได้ไหม?

  • แบ่งปัน

ใคร ๆ ก็ชอบข้าวโพด แค่นึกภาพข้าวโพดอบเนยหวานมันแสนอร่อยก็น้ำลายสอแล้ว ทาสแมวหลายคนอาจสงสัยว่าแมวกินข้าวโพดได้ไหม คำตอบคือได้ แถมข้าวโพดยังเป็นประโยชน์ต่อน้องแมวอีกด้วย เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ข้าวโพดจึงเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารแมวหลายยี่ห้อ

ประโยชน์ของข้าวโพด

แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ พวกเค้าจึงต้องการโปรตีนในปริมาณมากสำหรับการทำงานของร่างกาย ข้าวโพดฝักกลาง 1 ฝักมีโปรตีนประมาณ 3.5 กรัม ซึ่งน้องแมวต้องการโปรตีนอย่างน้อย 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 0.5 กิโลกรัม สมมติถ้าน้องแมวหนัก 3.5 กิโลกรัม พวกเค้าจะต้องการโปรตีนอย่างน้อย 14 กรัม นั่นแปลว่าต้องให้แมวกินข้าวโพดอย่างน้อย 4 ฝัก ซึ่งไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เพราะจะได้รับแคลอรี่สูงเกินไป ข้าวโพดจึงควรเป็นส่วนหนึ่งในอาหารมากกว่าเป็นอาหารมื้อหลัก และควรให้แมวได้รับโปรตีนจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม แต่ถึงอย่างนั้นข้าวโพดก็ยังมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • เป็นแหล่งพลังงานชั้นดี

    • คาร์โบไฮเดรตอาจไม่ใช่สารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับแมวเหมียว แต่มันช่วยให้เจ้าตัวน้อยมีพลังเต็มเปี่ยมตลอดทั้งวัน และเมื่อน้องแมวได้รับคาร์โบไฮเดรตเพียงพอ พวกเค้าก็ไม่จำเป็นเปลี่ยนโปรตีนเป็นพลังงาน ซึ่งทำให้ร่างกายนำโปรตีนไปใช้ประโยชน์ในส่วนสำคัญได้อย่างเต็มที่ เช่น การเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
  • ป้องกันอาการอักเสบ

    • ข้าวโพดอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดีและป้องกันการอักเสบ ซึ่งร่างกายของแมวไม่สามารถผลิตกรดไขมันเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง จึงต้องให้แมวกินข้าวโพดหรืออาหารอื่น ๆ ที่มีกรดไขมันเท่านั้น 
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

    • สารต้านอนุมูลอิสระมีความจำเป็นต่อสุขภาพ เพราะช่วยป้องกันการทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อ โดยวิตามินอีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ T-cell ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิต้านทานชนิดหนึ่ง ส่วนบีตา-แคโรทีนจะช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันและช่วยให้วัคซีนทำงานได้ดีขึ้น ข่าวดีคือข้าวโพดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองชนิดนี้!

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับข้าวโพดในอาหารแมว

ข้าวโพดหลากหลายรูปแบบถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารแมว เช่น เมล็ดข้าวโพดป่น เมล็ดข้าวโพดบดละเอียด ปลายข้าวโพด แป้งข้าวโพด และรำข้าวโพด โดยคุณอาจสังเกตเห็นส่วนผสมของข้าวโพดอย่างน้อย 1 ชนิดบนบรรจุภัณฑ์อาหารแมว

 

ส่วนผสมจากข้าวโพด

ลักษณะและที่มา

เมล็ดข้าวโพดป่น หรือเมล็ดข้าวโพดบดละเอียด

เป็นการนำเมล็ดข้าวโพดทั้งหมดมาบดให้ละเอียด

ปลายข้าวโพด

บางส่วนของข้าวโพดบด โดยมีรำข้าว (ไฟเบอร์) หรือจมูกข้าว (ส่วนโปรตีนเล็ก ๆ ที่ปลายเมล็ด) เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย 

รำข้าวโพด 

เปลือกนอกของเมล็ดข้าวโพด ซึ่งให้ไฟเบอร์สูง

แป้งข้าวโพด

เป็นโปรตีนที่หลงเหลือจากรำข้าวโพด และผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว โดยจะกลายแหล่งเป็นคาร์โบไฮเดรตต่อไป 

 

ขนมข้าวโพดที่เหมาะสำหรับแมวเหมียว

แม้ว่าข้าวโพดจะอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ แต่ขนมจากข้าวโพดบางชนิดก็ไม่เหมาะสำหรับน้องแมว ควรหลีกเลี่ยงการให้แมวกินข้าวโพดทอด ข้าวโพดคั่ว และเปลือกข้าวโพด แต่สามารถให้ข้าวโพดย่างหรือต้มโดยไม่ปรุงรสใด ๆ แทน

 

ข้าวโพดในอาหารแมวไอแอมส์™

ข้าวโพดเป็นหนึ่งในส่วนผสมของอาหารแมวไอแอมส์™ ทุกสูตร ทั้งไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์ สูตรสำหรับแมวโต และไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์ สูตรสำหรับลูกแมว โดยเราเลือกใช้ “กลูเทนข้าวโพด” แทน “ฝักข้าวโพด” หากจะอธิบายความแตกต่างให้เห็นภาพ ก็คือการใช้ข้าวโพดปรุงสุกแทนข้าวโพดดิบนั่นเอง นอกจากนี้เรายังคัดสรรเฉพาะข้าวโพดคุณภาพดี และแยกเปลือกนอกของเมล็ดแต่ละเมล็ดออกก่อนนำไปบดละเอียด จากนั้นจึงนำไปปรุงสุกเพื่อให้ข้าวโพดนั้นย่อยง่ายยิ่งขึ้น

อาหารแมวไอแอมส์™ มีส่วนประกอบของปลายข้าวโพดและเมล็ดข้าวโพดบดละเอียด ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตคุณภาพดีและเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยม อีกทั้งข้าวโพดยังไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเหมือนกับข้าว จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับน้องแมวสูงอายุและน้องแมวที่มีน้ำหนักเกิน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประโยชน์ของข้าวโพดสำหรับแมวเหมียว

  1. โปรตีนจากข้าวโพดดีสำหรับแมวเหมียวหรือไม่?
  2. โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งโครงสร้างโปรตีนในข้าวโพดมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพของแมวเหมียว ด้วยประโยชน์ที่มีมากมาย ก็อย่าลืมมองหาส่วนผสมนี้ในอาหารแมวกันด้วย

  3. กลูเทนข้าวโพดดีสำหรับแมวเหมียวหรือไม่?
  4. กลูเทนข้าวโพดปลอดภัยสำหรับน้องแมว อย่างไรก็ตาม น้องแมวบางตัวอาจแพ้ข้าวโพดได้ โดยลักษณะของการแพ้คือเป็นผื่นบริเวณผิวหนัง หรือติดเชื้อในทางเดินอาหาร

  5. ส่วนผสมใดบ้างที่ไม่ควรอยู่ในอาหารแมว?
  6. กระเทียม ถั่วเหลือง ข้าว น้ำตาลเคี่ยวไหม้ และน้ำตาลกลูโคสเป็นส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง

  7. อะไรคือส่วนผสมสำคัญที่ควรมีในอาหารแมว?
  8. แหล่งโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลาแซลมอน และเนื้อแกะ ควรเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารแมว

  • How to Decipher Cat Food Product Labels
    How to Decipher Cat Food Product Labels
    adp_description_block363
    อายุขัยแมวและเคล็ดลับการดูแลแมวให้อายุยืน

    • แบ่งปัน

    ทาสแมวรู้ไหมว่า อายุขัยเฉลี่ยของแมวอยู่ที่ 15 ปี โดยแมวเลี้ยงในบ้านมักมีอายุขัยราว 12 – 18 ปี และบางตัวอาจอยู่ได้นานถึง 20 ปีเลยทีเดียว ในทางกลับกัน อายุขัยของแมวที่เลี้ยงแบบปล่อยหรือแมวจรนั้นมักสั้นกว่า เพราะพวกเค้ามีชีวิตที่เสี่ยงอันตรายจากการประสบอุบัติเหตุและการถูกทำร้ายโดยสัตว์ชนิดอื่น อีกทั้งหากเจ็บป่วยก็มักไม่ได้รับการรักษาพยาบาล

    เราเชื่อว่าพ่อแม่แมวเหมียวทุกคนย่อมอยากดูแลให้เจ้าตัวน้อยแข็งแรงและอยู่ด้วยกันนาน ๆ  สำหรับแมว อายุขัยที่ยืนยาวเป็นผลรวมของหลากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้แล้วในบทความนี้

    ช่วงอายุแมวมีกี่ช่วง?

    การดูแลแมวให้มีอายุยืนยาวต้องเริ่มจากทำความเข้าใจแต่ละช่วงวัยของพวกเค้าก่อน โดยช่วงอายุแมวแบ่งออกเป็น 6 ช่วงด้วยกัน

    • ช่วงวัยลูกแมว
      • ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 เดือน ถือเป็นช่วงวัยลูกแมว ในช่วงเวลานี้ เจ้าตัวน้อยจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงต้องการสารอาหารและพลังงานมากเป็นพิเศษ
    • ช่วงวัยเด็ก
      • น้องแมวอายุ 6 เดือน – 2 ปี จัดว่าอยู่ในช่วงวัยเด็ก พวกเค้าจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และจะแสดงลักษณะนิสัยเฉพาะตัวออกมาให้เห็นกัน ทั้งนี้เมื่อพวกเค้ามีอายุ 1 ปี สามารถเปลี่ยนอาหารจากสูตรลูกแมวมาเป็นสูตรแมวโตได้
    • ช่วงวัยรุ่น
      • ช่วงวัยรุ่นคือช่วงอายุ 3 – 6 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายของพวกเค้าอยู่ในสภาพที่สมบรูณ์ที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้องแมวจะมีสุขภาพดี แต่ก็ยังคงต้องตรวจเช็กร่างกายกับสัตวแพทย์เป็นประจำ
    • ช่วงโตเต็มวัย
      • น้องแมวในช่วงโตเต็มวัยมีอายุระหว่าง 7 – 10 ปี พวกเค้าอาจทำกิจกรรมน้อยลง ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มง่ายขึ้น น้องแมวในวัยนี้อาจต้องเปลี่ยนสูตรอาหาร รวมถึงเพิ่มวิตามินบางชนิดเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกัน นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลพวกเค้าให้แข็งแรงและอยู่กับเราได้นานขึ้น
    • ช่วงสูงวัย
      • ช่วงอายุระหว่าง 11 – 14 ปี ถือว่าเข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว และมีความเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วย จึงควรปรึกษาและพบสัตวแพทย์เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวจะมีสุขภาพดี ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการ
    • ช่วงวัยชรา
      • เมื่อน้องแมวมีอายุ 15 ปีขึ้นไปแปลว่าอยู่ในช่วงวัยชราแล้ว โดยน้องแมวส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแอ็กทีฟ และต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ

    เทียบอายุแมวกับอายุคนได้อย่างไร?

    สามารถเปรียบเทียบอายุแมวกับอายุของคนได้ดังนี้

    1. แมวอายุ 1 ปี เทียบเท่าคนอายุ 15 ปี
    2. แมวอายุ 2 ปี เทียบเท่าคนอายุ 24 ปี
    3. หลังจากน้องแมวอายุ 2 ปี วิธีคำนวณอายุเทียบกับคนคือ 1 ปีของแมวเทียบเท่า 4 ปีของคน เช่น เมื่อมีอายุ 3 ปี ก็จะเทียบเท่ากับคนอายุ 28 ปี และเมื่ออายุครบ 4 ปี จะเทียบเท่ากับคนอายุ 32 ปี

    ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่ออายุขัยแมว?

    ในการดูแลเจ้าเหมียวให้มีสุขภาพดี แข็งแรง และอยู่ด้วยกันกับเราได้นาน ๆ ต้องเริ่มจากทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุขัยของเจ้าเหมียวกันก่อน

    • อาหารคุณภาพดีและน้ำสะอาด

      • การให้อาหารคุณภาพดีเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มอายุขัยเฉลี่ยแมว น้องแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่มีส่วนผสมหลักเป็นโปรตีนและมีสารอาหารจำเป็นต่อแมว เช่น ทอรีน นอกจากนี้อย่าลืมเตรียมน้ำสะอาดให้พวกเค้าตลอดเวลาด้วย
    • การดูแลสุขภาพร่างกาย

      • การพบสัตวแพทย์เป็นประจำ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเจ้าเหมียวสุขภาพดี ไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝง โดยคุณหมอยังสามารถแนะนำเรื่องอาหารการกิน การควบคุมน้ำหนัก และการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเจ้าตัวน้อยของคุณได้ด้วย
      • การป้องกันปรสิตตัวร้ายก็สำคัญ คุณหมออาจแนะนำให้ตรวจอุจจาระเพื่อหาหนอนพยาธิชนิดต่าง ๆ โดยคุณสามารถเก็บตัวอย่างอุจจาระได้ด้วยตัวเอง ก่อนนำไปให้คุณหมอเมื่อถึงเวลานัดหมาย วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางบ่อย แถมเจ้าเหมียวก็แฮปปี้ด้วย
      • นอกจากนี้คุณหมอจะจัดตารางการฉีดวัคซีนให้เจ้าตัวน้อยด้วย เพื่อป้องกันและเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัข ทั้งนี้วัคซีนบางชนิดจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นทุกปี ส่วนบางชนิดก็ทุก ๆ สามปี ดังนั้นควรไปพบคุณหมอตามนัดหมายทุกครั้ง!
    • ความเอาใจใส่

      • ไม่ใช่แค่อาหารหรือข้าวของที่จำเป็นเท่านั้นที่น้องแมวต้องการจากเรา พวกเค้าต้องการความรักความเอาใจใส่ด้วย แม้ว่าจะมีนิสัยรักอิสระ แต่บางเวลาเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ก็ต้องการความสนใจ อย่าลืมแบ่งเวลามาเล่นหรือทำกิจกรรมกับพวกเค้าประมาณ 10 – 15 นาทีต่อวัน ไม่จำเป็นต้องหาซื้อของเล่นราคาแพง แค่ถุงเท้าที่สะอาดผูกเข้ากับเชือกก็สร้างความสนุกสนานให้เจ้าเหมียวได้มากแล้ว
    • การออกกำลังกาย

      • ชวนน้องแมวเล่นสนุกหรือทำกิจกรรมง่าย ๆ วันละ 30 นาที เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะมีร่างกายแข็งแรง พร้อมอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ
    • ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน

      • หากไม่แปรงฟันเป็นประจำจะทำให้เกิดคราบหินปูนสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอื่น ๆ ได้ เช่น ปวดฟัน ฟันหลุดร่วง หรือโรคไต จึงควรหมั่นทำความสะอาดฟันและพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันเป็นประจำ

Close modal