IAMS TH
Chicken: The Complete Protein Source for Your Cat
Chicken: The Complete Protein Source for Your Cat

adp_description_block219
แมวกินไก่ได้ไหม?

  • แบ่งปัน

แมวกินไก่ได้ไหม? นับเป็นหนึ่งในคำถามคาใจของทาสแมวส่วนใหญ่ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เจ้าเหมียวมักจะส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อขอชิมเนื้อไก่ในจานของคุณ

ไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารแมวหลายชนิด อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางอย่างที่ทาสแมวควรรู้ก่อนให้เจ้าเหมียวกินเนื้อไก่ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินไก่ให้ทุกคนได้รู้กัน

ประโยชน์ของการให้แมวกินไก่

ไก่ดีสำหรับแมวหรือไม่? ต้องบอกก่อนว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ ซึ่งหมายความว่าโปรตีนจากสัตว์มีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพวกเค้า เนื้อไก่จัดเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่หาได้ง่าย มีประโยชน์มากมาย และเป็นที่โปรดปรานของแมวส่วนใหญ่ด้วย

  1. แหล่งโปรตีนคุณภาพเยี่ยม

    ไก่เป็นแหล่งโปรตีนจากสัตว์คุณภาพสูงซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การพัฒนากล้ามเนื้อ และการบำรุงร่างกายของแมว โปรตีนมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและช่วยให้ขนแข็งแรง

  2. กรดอะมิโนที่จำเป็น

    ไก่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น ทอรีน ซึ่งมีความสำคัญต่อแมวมาก การขาดทอรีนอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรง รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและความบกพร่องในการมองเห็น

  3. อุดมไปด้วยสารอาหาร

    ไก่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินบี 6 ไนอาซิน ฟอสฟอรัส และซีลีเนียม สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยให้แมวมีความเป็นอยู่ที่ดีและช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

    เนื้อไก่มีค่าความชื้นสูงโดยธรรมชาติ การกินเนื้อไก่จึงช่วยให้แมวได้รับปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การกินน้ำในปริมาณที่เหมาะสมยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพไตของแมวด้วย

  5. รสชาติอร่อย

    แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบเนื้อไก่ มันจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดใจเจ้าเหมียวเลือกกินหรือกินยาก

    แม้ว่าไก่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของแมว แต่ก็ควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะและหลีกเลี่ยงการให้เป็นอาหารหลัก โดยคุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมเพิ่มเติมได้

แมวกินไก่ดิบได้หรือไม่?

การให้แมวกินไก่ดิบมีความเสี่ยงสูง เพราะไก่ดิบก็เหมือนกับเนื้อดิบอื่น ๆ ที่อาจปนเปื้อนสารอันตราย เชื้อโรคเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารอย่างรุนแรง รวมถึงอาจทำให้แมวอาเจียน ท้องเสีย และอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้การให้ไก่ดิบเป็นอาหารหลักยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารด้วย 

เพื่อความปลอดภัยของแมว วิธีที่ดีที่สุดคือปรุงไก่ให้สุก โดยจะช่วยลดการปนเปื้อนของแบคทีเรียและช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น

แมวกินกระดูกไก่ได้หรือไม่?

กระดูกไก่ โดยเฉพาะส่วนที่มีขนาดเล็กและเปราะ เช่น ปีกหรือน่อง เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก แมวต่างจากสุนัขตรงที่ระบบย่อยอาหารละเอียดอ่อนกว่าและไม่สามารถย่อยกระดูกได้อย่างปลอดภัย เมื่อแมวเคี้ยวหรือกลืนกระดูกเข้าไปก็อาจนำไปสู่ปัญหาเหล่านี้

  1. มีอาการสำลัก – กระดูกชิ้นเล็ก ๆ อาจติดอยู่ในลำคอแมว ทำให้เกิดการสำลัก ขย้อน และอาจเกิดการอุดตันในระบบทางเดินหายใจได้

  2. เกิดการทิ่มแทง – เศษกระดูกไก่มักจะมีความแหลมคม ซึ่งอาจทิ่มหรือบาดปาก คอ และทางเดินอาหารของแมวได้

  3. เกิดการอุดตัน – เศษกระดูกอาจทำให้เกิดการอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

  4. สร้างความบาดเจ็บแก่อวัยวะภายใน – เศษกระดูกแหลมคมสามารถเจาะลำไส้หรือกระเพาะอาหารของแมว ทำให้เกิดการบาดเจ็บภายในและการติดเชื้อได้

    เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียว ควรเอากระดูกออกจากไก่ก่อนเสิร์ฟเสมอ และควรปรุงไก่ให้สุกทุกครั้ง โดยหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรุงรส เครื่องเทศ และส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย

ไก่ดิบเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมวหรือไม่?

อย่างที่รู้กันว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และไก่ดิบก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี ไม่ผ่านการปรุงแต่งใด ๆ แต่มันก็มีความเสี่ยงร้ายแรงอยู่บ้าง ดังนั้นหากคุณกำลังวางแผนให้แมวกินไก่ดิบ มาติดตามข้อควรรู้ที่น่าสนใจกันก่อนดีกว่า

  1. พยาธิและแบคทีเรีย

    ไก่ดิบอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) และเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter) ซึ่งเชื้อเหล่านี้อาจทำให้ทั้งแมวและคุณปวดท้องได้ แม้ว่าแมวจะไม่แสดงอาการ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อมาให้คุณได้

  2. กระดูก

    กระดูกไก่ดิบหรือไก่สุกอาจแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของแมว อีกทั้งยังทำให้แมวมีอาการสำลัก บาดปาก บาดคอ หรืออาจอุดตันในทางเดินอาหาร

  3. ภาวะขาดสารอาหาร

    แม้ว่าไก่จะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่มันมีสารอาหารที่แมวต้องการไม่ครบถ้วน การให้ไก่ดิบเป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารได้ หากต้องการให้แมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสม แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อจัดทำเมนูที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ

วิธีเตรียมไก่ดิบให้แมว

การกินไก่ดิบอาจมีความเสี่ยงมากมาย แต่หากเตรียมการอย่างดีก่อนเสิร์ฟให้เจ้าเหมียว เมนูนี้ก็จะปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อสดใหม่

    ความสดใหม่เป็นปัจจัยที่สำคัญ ตรวจสอบวันหมดอายุและสัญญาณการเน่าเสีย เช่น กลิ่นผิดปกติหรือการเปลี่ยนสี

  2. เตรียมไก่ก่อนเสิร์ฟ

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขียง มีด และเครื่องใช้ของคุณสะอาดและถูกสุขลักษณะเพื่อป้องกันการปนเปื้อน แนะนำให้เตรียมเขียงสำหรับทำอาหารให้แมวโดยเฉพาะ

  3. ทำความสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของแบคทีเรีย

    ล้างไก่ให้สะอาดด้วยน้ำเย็นเพื่อขจัดเศษซากต่าง ๆ จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้ากระดาษสะอาด ขั้นตอนนี้จะช่วยลดการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ทำให้อาหารแมวของคุณปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น

    ไก่อาจมีข้อดีและประโยชน์มากมาย แต่การให้แมวกินไก่ก็มีข้อควรระวังที่คุณต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ โดยแนะนำให้เอากระดูกออก ปรุงสุกก่อนเสมอ และกำหนดปริมาณให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการให้ไก่ดิบ เนื่องจากมักจะมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียและมีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่แมวต้องการ

    หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำ การปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเป็นวิธีที่ดีเสมอ หรือหากคุณไม่เวลาเตรียมอาหาร อาจเลือกให้อาหารสำเร็จรูปคุณภาพดีแทนก็ได้ ขอแนะนำไอแอมส์™ อาหารแมวเกรดพรีเมียมที่มีเนื้อไก่เป็นส่วนประกอบหลัก และผ่านการคิดค้นสูตรให้ตรงตามความต้องการทางโภชนาการในแต่ละวันของแมว มั่นใจได้เลยว่าเจ้าเหมียวจะได้รับอาหารที่สมดุลและปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการให้แมวกินไก่

  1. แมวกินไก่ปรุงสุกได้ไหม?
  2. คุณสามารถให้แมวกินไก่ปรุงสุกได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงการปรุงรส การใช้เครื่องเทศ สมุนไพร หรือน้ำมัน และต้องนำกระดูกออกให้หมด

  3. ลูกแมวกินไก่ได้หรือไม่?
  4. ลูกแมวก็สามารถกินไก่ได้ แต่ควรปรุงสุกและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกเพื่อป้องกันการสำลัก และควรกำหนดปริมาณให้เหมาะสม

  5. แมวกินไก่ต้มได้ไหม?
  6. ไก่ต้มเป็นทางเลือกที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการและย่อยง่าย เหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตาม ควรเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกหลงเหลืออยู่และไม่ต้องปรุงรสหรือเติมแต่งใด ๆ

  7. แมวกินหัวใจไก่และตับไก่ได้ไหม?
  8. แมวสามารถกินหัวใจและตับไก่ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ทั้งสองส่วนเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมว อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สมดุลทางโภชนาการ

  • Is Your Cat a Finicky Eater?
    Is Your Cat a Finicky Eater?
    adp_description_block493
    เคล็ดลับการให้อาหารเจ้าเหมียวช่างเลือก

    • แบ่งปัน

    แมวเหมียวมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ จึงไม่แปลกหากพวกเค้าจะติดนิสัยช่างเลือกไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกของเล่นที่ชอบหรือกิจกรรมที่ทำ โดยทั่วไปความช่างเลือกเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ทาสแมวควรเป็นกังวลและหาวิธีแก้ไขหากเป็นเรื่องแมวกินยากหรือแมวเลือกกิน เบื้องต้นคุณอาจลองเปลี่ยนอาหารดูก่อน แต่ถ้าพวกเค้ายังไม่ยอมกินอาหารใหม่ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม 

    ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่าเจ้าเหมียวส่วนใหญ่มีนิสัยช่างเลือก พวกเค้าอาจดื้อรั้นในช่วงแรก แต่จะปรับตัวเข้ากับกิจวัตรประจำวันที่กำหนดไว้ได้ในที่สุด ตามมาดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเข้าใจนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวมากยิ่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

    ทำไมแมวกินยาก?

    พฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพราะนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวเสมอไป แต่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ

    • ไม่อยากอาหาร
      • หากแมวไม่กินข้าว เป็นไปได้ว่าพวกเค้าอาจจะไม่รู้สึกหิว หรือได้กินขนมมาตลอดทั้งวันแล้ว สำหรับน้องแมวที่เลี้ยงนอกบ้านหรือชอบหนีเที่ยว พวกเค้าอาจล่าเหยื่อเป็นอาหารจนไม่รู้สึกหิวแล้วก็เป็นได้ แต่หากน้องแมวไม่กินอาหารนานเกิน 24 ชั่วโมง ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์
    • การให้อาหารไม่เป็นเวลา
      • แม้แมวจะขี้จุกจิกตามธรรมชาติ แต่พวกเค้าชอบใช้ชีวิตอย่างเป็นกิจวัตรและจดจำได้ว่าเวลาไหนคือเวลาอาหาร ดังนั้นหากให้อาหารผิดเวลา พวกเค้าก็อาจไม่ยอมกินข้าวได้
    • ชามอาหารสกปรก
      • น้องแมวไม่ชอบกินอาหารจากภาชนะที่สกปรก ดังนั้นก่อนเทอาหารให้ใหม่ก็อย่าลืมทำความสะอาดชามอาหารของพวกเค้าก่อนด้วยล่ะ
    • สภาพแวดล้อม
      • น้องแมวส่วนใหญ่ชอบกินอาหารตามลำพัง ไม่ชอบถูกจับจ้องหรือเป็นจุดสนใจเมื่อกำลังกินอาหาร
    • ความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
      • น้องแมวกินยากอาจเกิดจากความเครียดได้เช่นกัน ลองสังเกตกันดูว่ามีสมาชิกใหม่ในครอบครัวมาเพิ่มหรือไม่? มีสมาชิกในครอบครัวคนไหนจากไปหรือไม่? มีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวเจ้าเหมียวหรือเปล่า? อย่างการย้ายบ้านใหม่ พวกเค้าอาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อความเครียดหายไปแล้ว เจ้าเหมียวก็จะกลับมากินอาหารได้ตามปกติ ซึ่งถ้าร่างกายแข็งแรง ไม่มีความผิดปกติที่น่าเป็นห่วง พ่อแม่แมวทั้งหลายก็เบาใจได้ ทั้งนี้เจ้าเหมียวสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพียงแค่เปลี่ยนชามอาหารใหม่ ก็อาจทำให้พวกเค้าไม่ยอมกินอาหารได้แล้ว
    • ปัญหาสุขภาพ
      • ปัญหาสุขภาพบางประการอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการกินของเจ้าเหมียว ควรไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด

    วิธีรับมือเมื่อแมวเลือกกิน

    สำหรับทาสแมวที่กำลังเผชิญปัญหาแมวกินยาก ลองทำตามเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ได้เลย

    • อุ่นอาหารเปียกก่อนเสิร์ฟ
      • ถ้าเสิร์ฟอาหารเย็น ๆ กลิ่นอาจไม่หอมและไม่ดึงดูดใจให้เจ้าเหมียวอยากกิน แต่การอุ่นอาหารจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ชวนให้เจ้าเหมียวอยากกินอาหารมากยิ่งขึ้น
    • ทำความสะอาดชามอาหาร
      • เนื่องจากน้องแมวรับรู้กลิ่นได้ดี พวกเค้าจึงรู้ได้ในทันทีหากชามอาหารไม่สะอาด ซึ่งอาจทำให้ความอยากอาหารลดลงจนไม่ยอมกินอาหารเลยทีเดียว
    • เติมน้ำซุปลงในอาหาร
      • เพิ่มความน่ากินให้อาหารมื้อธรรมดาด้วยการเติมน้ำซุปไก่ น้ำซุปปลา หรือน้ำมันเพิ่มรสชาติลงในอาหารแมว วิธีนี้จะช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ากินมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงน้ำซุปที่มีส่วนประกอบของหัวหอม กุ้ยช่าย และกระเทียม เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแมวได้
    • ลองเปลี่ยนอาหารใหม่
      • หากน้องแมวเลือกกิน อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนอาหารใหม่กันแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปว่าต้องลองผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดเลย เพื่อหาสิ่งที่ถูกใจพวกเค้ามากที่สุด
    • ปรึกษาสัตวแพทย์
      • ถ้าเจ้าเหมียงยังไม่ยอมกินอาหารหลังจากลองทำทุกวิธีแล้ว ก็ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ หรือถ้าเจ้าเหมียวไม่กินอาหารเลยนานกว่า 24 ชั่วโมว ควรพาพวกเค้าไปพบคุณหมอทันที
    • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
      • หากต้องการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันหรือสภาพแวดล้อม ควรเปลี่ยนอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับการเปลี่ยนอาหาร อย่าเปลี่ยนโดยทันที ให้เริ่มจากผสมอาหารสูตรเดิมกับสูตรใหม่เข้าด้วยกันในช่วงสามวันแรก จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารใหม่และลดปริมาณอาหารเก่าลง

    การเปลี่ยนอาหารใหม่อาจเรื่องยากและจำเป็นต้องทดลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไอแอมส์™ ตระหนักดีว่า พ่อแม่เหมียวทั้งหลายต่างก็ต้องการตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น อาหารแมวของไอแอมส์™ จึงมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดสำหรับแม่และลูกแมว อาหารเม็ดสำหรับแมวโต และอาหารเม็ดสูตรเลี้ยงในบ้านและบำรุงก้อนขน โดยอาหารแมวไอแอมส์™ ทุกสูตร มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล ทั้งนี้คุณสามารถปรึกษาเรื่องการเลือกอาหารเพิ่มเติมได้จากทั้งสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจากไอแอมส์™

    สิ่งที่แมวเหมียวทุกตัวต้องการ

    นี่คือสิ่งที่ทาสแมวทุกคนควรรู้เกี่ยวกับเจ้าเหมียว

    • ไม่ว่าจะเลือกให้อาหารชนิดใด ต้องเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอและเข้าถึงได้ตลอดเวลา ขอแนะนำให้วางชามน้ำให้ห่างจากชามอาหารประมาณ  1 – 1.5  เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวกินแต่น้ำแล้วไม่กินอาหาร
    • ควรให้น้องแมวกินอาหารในมุมสงบ เป็นส่วนตัว ไร้การรบกวน
    • พบสัตวแพทย์เป็นประจำหรือตามนัดหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะมีสุขภาพดีและมีความสุขในทุกวัน

     

Close modal