IAMS TH
Nutritional Needs of Pregnant and Nursing Dogs
Nutritional Needs of Pregnant and Nursing Dogs

adp_description_block337
การดูแลสุนัขตั้งท้อง

ความต้องการทางโภชนาการของสุนัขตั้งท้องและสุนัขช่วงให้นมลูก

  • แบ่งปัน

ช่วงที่สุนัขตั้งท้องและช่วงที่สุนัขให้นมลูกการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับการกายของพวกเขาเท่านั้น แต่การดำเนินชีวิตของสุนัขเองก็เปลี่ยนไปด้วย หากสุนัขของคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก เจ้าของควรให้การเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษกับความต้องการทางโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงของสุนัขตั้งแต่ช่วงที่ตั้งท้อง คลอด และให้นมลูก

โภชนาการและการควบคุมน้ำหนักตัวเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับสุขภาพของแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง แม้ว่าแม่สุนัขไม่จำเป็นต้องพบสัตวแพทย์บ่อยเหมือนกับคนเรา แต่เจ้าของก็ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาปรสิตทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่สุนัขและลูกตัวน้อย

 

แน่นอนว่าการตั้งท้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกันการดูแลสุนัขตั้งท้องก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งท้อง เจ้าของจำเป็นต้องดูแลพวกเค้าอย่างใกล้ชิด

 

โดยอาการเหล่านี้คืออาการที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังตั้งท้อง – 

 

สัญญาณบ่งบอกการตั้งท้องของสุนัข

ทำกิจกรรมน้อยลง

น้องหมาตั้งท้องมักจะเหนื่อยง่ายและนอนหลับมากขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในน้องหมาที่ชอบพักผ่อนมากกว่าทำกิจกรรม ในกรณีนี้ให้สังเกตเวลาพวกเค้าเดินว่าเหนื่อยง่ายหรือเหนื่อยเร็วกว่าปกติหรือไม่แทน

 

แสดงพฤติกรรมแปลก ๆ 

พฤติกรรมบางอย่างของน้องหมาตั้งท้องอาจเปลี่ยนแปลงไป เช่น ต้องการความสนใจจากเจ้าของมากขึ้น อยากอยู่ด้วย เข้าหาบ่อยขึ้น แต่บางครั้งพวกเค้าก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว หากถูกรบกวนก็อาจแสดงท่าทางไม่พอใจหรือหงุดหงิดใส่ได้

 

การกินอาหารผิดปกติ

การกินอาหารผิดปกติเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้ในสุนัขตั้งท้อง โดยแม่สุนัขบางตัวอาจกินอาหารน้อยลง มีอาการอาเจียนเป็นครั้งคราวในช่วงแรกหรือในช่วงระหว่างการตั้งท้อง แต่บางตัวก็อาจกินอาหารมากกว่าปกติ และไม่พอใจกับมื้ออาหารทั่วไป ความผิดปกติเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

 

น้ำหนักเพิ่มขึ้นและหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการตั้งท้องของสุนัขคือหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามการขยายตัวของหน้าท้องไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะเริ่มสังเกตเห็นได้ในช่วงปลายของการตั้งท้องแล้ว หากพบว่าหน้าท้องของพวกเค้าใหญ่ขึ้น แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

 

การดูแลโภชนาการสำหรับแม่สุนัขตั้งท้อง

น้องหมาตั้งท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเวลาให้อาหาร

ความต้องการพลังงานของน้องหมาตั้งท้องจะสูงขึ้นตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น สัตวแพทย์อาจแนะนำสูตรอาหารที่ให้พลังงานสูง รวมถึงมีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากสูตรอาหารที่ต้องเลือกอย่างดีแล้ว การกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากให้ปริมาณมากไปก็อาจทำให้แม่สุนัขมีน้ำหนักเกินได้

ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขอยู่ที่ประมาณ 9 สัปดาห์ ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 และ 7 ควรดูแลสุนัขตั้งท้องให้ได้รับปริมาณอาหารที่ไม่มากจนเกินไป และควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรลูกสุนัข เนื่องจากมีพลังงานและสารอาหารมากกว่าสูตรทั่วไป ช่วยให้แม่สุนัขแข็งแรง ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และพร้อมสำหรับการให้นมลูกตัวน้อย เมื่อเริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 9 แม่สุนัขจะอยากอาหารน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าใกล้คลอดเจ้าตัวน้อยออกมาแล้ว

สำหรับแม่สุนัขที่อยู่ในช่วงตั้งท้องและช่วงให้นมลูก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับสภาพร่างกายเท่านั้น แต่การใช้ชีวิตและความต้องการทางโภชนาการของพวกเค้าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย การดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

 

พัฒนาการรายสัปดาห์ของแม่สุนัขตั้งท้อง

 

 

สัปดาห์ที่ 1 และ 2

  • มีการผสมพันธุ์
  • เกิดการปฏิสนธิ
  • ไข่เข้าสู่ระยะฝังตัว
 

สัปดาห์ที่ 3 และ 4

  • เอ็มบริโอเริ่มพัฒนา
  • มีการเจริญของไขสันหลัง
  • ตัวอ่อนหรือฟีตัสเติบโตขึ้น เริ่มสังเกตเห็นใบหน้า

สัปดาห์ที่ 5 และ 6

  • เข้าสู่ขบวนการสร้างอวัยวะ
  • มีพัฒนาการของแขนขา ดวงตา และอวัยวะอื่น ๆ

สัปดาห์ที่ 7 และ 8

  • การเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกสุนัขเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  • เริ่มเคลื่อนตัวไปมาในช่องท้อง

สัปดาห์ที่ 9

  • การเจริญเติบโตและพัฒนาการสมบูรณ์
  • เข้าสู่ช่วงใกล้คลอด

 

แม่สุนัขจำเป็นต้องฉีดวัคซีนใดบ้าง?

 

ก่อนการตั้งท้องของสุนัข:

ก่อนการตั้งท้องของสุนัข เจ้าของควรวางแผน ประเมินสุขภาพร่างกาย และปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยเสียก่อน

ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัคซีนในสุนัขและแมว แนะนำให้ฉีดวัคซีนดังต่อไปนี้:วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข

วัคซีนป้องกันพาร์โวไวรัส

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์)

 

ระหว่างการตั้งท้อง:

หากได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตั้งแต่ก่อนตั้งท้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มเติมอีก ซึ่งสัตวแพทย์เองก็ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนให้กับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง

ความแตกต่างหลักระหว่างสุนัขพันธุ์ใหญ่และสุนัขพันธุ์เล็กในช่วงตั้งท้องคือความต้องการทางโภชนาการ โดยสุนัขพันธุ์เล็กต้องการพลังงานมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เพื่อบำรุงลูกตัวน้อยในท้องและเพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอต่อการเลี้ยงลูก ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 แม่หมาตั้งท้องอาจต้องกินอาหารมากขึ้นถึง 3 เท่า เพื่อให้การผลิตน้ำนมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุล ส่วนในช่วงใกล้คลอด แม่หมาต้องการสารอาหารและพลังงานมากกว่าน้องหมาทั่วไปถึง 15% - 25%

ทั้งนี้การเลือกสูตรอาหารให้แม่สุนัขตั้งท้องควรพิจารณาจากขนาดของสายพันธุ์ด้วย

 

ก่อนการตั้งท้อง: ควรวางแผนล่วงหน้า

หากคุณวางแผนจะเพิ่มจำนวนสมาชิกมะหมา ก่อนการผสมพันธุ์ควรประเมินสุขภาพร่างกายของว่าที่แม่สุนัขเป็นอันดับแรก เนื่องจากร่างกายของพวกเค้าจะมีความต้องการทางโภชนาการและการดูแลเปลี่ยนแปลงไป โดยสุนัขที่มีน้ำหนักไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน มักมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ:

สุนัขที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มักมีปัญหาในการกินอาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตัวเองและลูกน้อยในท้อง

สุนัขที่มีน้ำหนักเกินอาจประสบปัญหาคลอดยาก เนื่องจากลูกสุนัขมีขนาดตัวใหญ่เกินไป 

 

เจ้าของต้องมั่นใจว่าแม่สุนัขได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม สิ่งนี้จะช่วยให้ว่าที่แม่สุนัขมีน้ำหนักตัวเหมาะสมและมีร่างกายแข็งแรงพร้อมผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้การตั้งท้องไปจนถึงการคลอดและให้นมลูกเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ช่วงตั้งท้อง: ควบคุมน้ำหนักให้สมดุล

ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขคือเก้าสัปดาห์ ในช่วงแรกสุนัขตั้งท้องจะมีน้ำหนักเพิ่มเพียงเล็กน้อย จนเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่หก น้ำหนักจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว และหลักจากนั้นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

 

สุนัขตั้งท้องจะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น โดยจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ความต้องการจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งท้องในสัปดาห์ที่ 6 โดยแม่สุนัขจะกินอาหารมากกว่าปกติประมาณ 25% - 50% ในช่วงใกล้คลอด

 

อาหารที่ดีที่สุดสำหรับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้องและต้องให้นมลูกคือ อาหารคุณภาพดี โภชนาการครบถ้วน และเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัย แม้ว่าโดยทั่วไปจะแนะนำให้กินอาหารสูตรลูกสุนัข แต่อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เนื่องจากร่างกายของแม่สุนัขมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องการพลังงานและแร่ธาตุแตกต่างจากช่วงปกติ

 

อาหารชนิดไหนที่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างการดูแลสุนัขตั้งท้อง?

ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่ไม่ปรุงสุก สามารถให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขตั้งท้องหรือสูตรสำหรับลูกสุนัขตามการแนะนำของสัตวแพทย์ โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมหรือวิตามินเพิ่มเติม

อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับแม่หมาตั้งท้องคือการให้อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแม่และลูกสุนัข เพราะมีส่วนช่วยในการเพิ่มน้ำนม เสริมสร้างพัฒนาการของลูกสุนัขตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และยังมีสารอาหารสำคัญอย่างดีเอชเอที่ช่วยในการทำงานของระบบสมองให้ลูกสุนัขมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้นด้วย

 

ช่วงให้นมลูก: ดูแลให้แม่สุนัขได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

แม้ว่าหลังคลอดแม่สุนัขจะมีน้ำหนักตัวลดลงแล้ว แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งความต้องการนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนลูกสุนัขและการให้นม โดยแม่สุนัขอาจต้องการอาหารมากกว่าปกติ 2 - 3 เท่า เพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกตัวน้อย นอกจากนี้ควรเช็กให้แน่ใจว่าแม่สุนัขได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมันมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำนมด้วยเช่นกัน

 

เพื่อให้แม่สุนัขที่อยู่ในช่วงให้นมลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ คุณสามารถลองใช้เทคนิคเหล่านี้ได้:

<ul><li> เลือกให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เช่น อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัข

<ul><li> หลีกเลี่ยงการเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ แต่ให้เพิ่มจำนวนมื้ออาหารตลอดวันแทน

<ul><li> แนะนำให้เทอาหารเม็ดทิ้งไว้ เพื่อให้แม่สุนัขเข้าถึงได้ตลอดทั้งวัน

 

ช่วงหย่านม: เปลี่ยนไปให้อาหารสูตรเดิมก่อนการตั้งท้อง

ในช่วง 4 - 5 สัปดาห์หลังคลอด ลูกสุนัขจะเริ่มให้ความสนใจในอาหารของแม่ เจ้าตัวน้อยจะกินอาหารอื่นมากขึ้นและดูดนมน้อยลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 7 - 8 สัปดาห์ ในเวลานี้ร่างกายของแม่สุนัขจะเปลี่ยนไปมีความต้องการพลังงานในระดับปกติ จึงกลับไปกินอาหารสูตรเดิมก่อนการตั้งท้องหรือสูตรทั่วไปได้แล้ว



dog

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลสุนัขตั้งท้องและสุนัขให้นมลูก

 

สุนัขตั้งท้องควรกินอาหารแบบใด?

สุนัขตั้งท้องควรเปลี่ยนมากินอาหารที่ให้พลังงานสูง (ควรเปลี่ยนหลังตั้งท้องได้หนึ่งเดือน) อาหารควรมีปริมาณโปรตีน 22% และปริมาณแคลอรี่ที่ย่อยได้ประมาณ 1600 กิโลแคลอรี

 

สามารถให้อาหารแม่สุนัขระหว่างคลอดได้หรือไม่?

สุนัขที่อยู่ในระหว่างการคลอดลูก มักจะไม่ยอมกินอาหาร เนื่องจากกระบวนการคลอด ทำให้เหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องไส้ปั่นป่วน มีอาการอาเจียน และรู้สึกไม่สบายตัว หากให้แม่สุนัขกินอาหารทันทีหลังคลอด พวกเค้าอาจมีอาการอาเจียนได้

 

หากไม่ได้อยู่ในช่วงติดสัด สุนัขสามารถตั้งท้องได้หรือไม่?

สุนัขจะมีโอกาสตั้งท้องสูงเมื่อได้รับการผสมพันธุ์ในช่วงติดสัด ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสองครั้งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สุนัขจะเข้าสู่ช่วงติดสัดเมื่อมีอายุประมาณ 6 เดือน โดยช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3 สัปดาห์

 

แม่สุนัขจะมีอาการคิดถึงลูกหรือไม่?

แม่สุนัขก็อาจมีการคิดถึงลูกตัวน้อยได้ ดังนั้นควรวางแผนการแยกลูกสุนัขจากแม่ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มผสมพันธุ์

 

สุนัขสามารถตั้งท้องในขณะที่ให้นมลูกได้หรือไม่?

หลังจากคลอดลูกแล้ว สุนัขสามารถตั้งท้องได้อีกแต่ก็จะขึ้นอยู่กับช่วงติดสัดด้วย ทางที่ดีจึงควรแยกสุนัขตัวผู้ออกห่างจากแม่สุนัขก่อน เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์โดยไม่ตั้งใจ

  • How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods
    How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods
    adp_description_block315
    เคล็ดลับแปรงฟันให้น้องหมาแฮปปี้

    • แบ่งปัน

    แน่นอนว่าเจ้าของทุกคนต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งการดูแลช่องปากก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเค้ามีสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพียงแค่หมั่นแปรงฟันสุนัขและพาไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคเหงือกอักเสบ การสะสมของคราบพลัคและหินปูน โรคเหล่านี้อาจส่งผลให้สูญเสียฟันก่อนวัยอันควรหรือเกิดการติดเชื้อในส่วนอื่นของร่างกาย

    การดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและเลือกให้อาหารคุณภาพดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ นอกจากนี้การทําความสะอาดฟันสุนัขยังช่วยให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเค้ามากขึ้น ส่งผลให้สายใยความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตามไปด้วย

     

    ทำไมการแปรงฟันให้สุนัขจึงเป็นเรื่องสำคัญ?

    เจ้าของทุกคนล้วนแล้วแต่อยากให้น้องหมามีช่องปากสุขภาพดี สะอาด และไม่ส่งกลิ่นเหม็น ตามมาดู 5 เหตุผลที่ทำไมการดูแลช่องปากและฟันจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพวกเค้า

     

    ป้องกันความเจ็บปวดในช่องปาก

    การที่แปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้พวกเค้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดฟันหรือการเจ็บปวดภายในช่องปาก 

     

    ป้องกันการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควร

    เมื่อรากฟันติดเชื้อหรือได้รับความเสียหาย ฟันก็จะหลุดร่วงออกมา ซึ่งการดูแลทําความสะอาดฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

     

    ป้องกันอวัยวะภายในล้มเหลว

    แบคทีเรียจากคราบพลัคสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด อีกทั้งยังแพร่กระจายไปยังตับ ไต และหัวใจได้อีกด้วย การแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้อาจทำให้น้องหมาป่วยและอวัยวะต่าง ๆ ได้รับอันตราย จึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเหล่านี้

     

    ป้องกันกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

    กลิ่นปากคือสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าควรได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างเหมาะสม เมื่อช่องปากสะอาด กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหายไป

     

    ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

    สุนัขที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเหงือกและฟัน ถึงแม้การป้องกันอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ควรแปรงฟันสุนัขเป็นประจำเพื่อลดโอกาสเสี่ยงไม่ให้ปัญหาในช่องปากลุกลามจนเป็นอันตรายต่อส่วนอื่นในร่างกาย

    น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเหมือนกับเรา แต่แตกต่างตรงที่พวกเค้ามีโอกาสเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบและการสูญเสียฟันมากกว่ามีปัญหาฟันผุ เนื่องจากมีฟันรูปทรงกรวย น้ำลายไม่เป็นกรด และส่วนใหญ่กินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ (หมายเหตุ: หากให้ขนมหรือของหวานบ่อย พวกเค้าก็อาจฟันผุได้เช่นกัน)

    การแปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้ช่องปากและฟันของพวกเค้ามีสุขภาพดี ทั้งนี้ควรเลือกของเล่นที่เหมาะสำหรับการกัดแทะเพื่อป้องกันปัญหาฟันแตกหักระหว่างการเล่นด้วย

     

     

    วิธีแปรงฟันให้สุนัขมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

     

    เลือกมุมที่สงบเพื่อแปรงฟันสุนัข

    ในขณะที่แปรงฟันสุนัข ควรมีแค่คุณกับพวกเค้าเท่านั้น แนะนำให้แยกเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นออกไปก่อน

     

    ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ

    ควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะเท่านั้น 

     

    แปรงฟันสุนัขในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนขณะแปรงฟันให้สุนัข

     

    เริ่มแปรงฟันทีละส่วน

    แปรงฟันให้ครบทั้งฟันบนและล่าง เช็กให้แน่ใจว่าแปรงครบทุกด้าน จากนั้นอย่าลืมให้คำชมและรางวัลหลังแปรงเสร็จด้วย

     

    ทำความคุ้นเคยกับยาสีฟัน

    บีบยาสีฟันใส่นิ้วให้น้องหมาลองชิมดูก่อน เพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัส

     

    เริ่มจากแปรงฟันบนก่อน

    ยกริมฝีปากบนขึ้นและเริ่มจากแปรงฟันด้านหน้าก่อน

     

    จากนั้นเริ่มแปรงฟันล่างต่อ

    จับริมฝีปากล่างลง เริ่มต้นด้วยฟันหน้าก่อนขยับไปที่ฟันด้านข้างและด้านใน

     

    แปรงฟันให้ครบทั้งด้านข้างและด้านในช่องปาก

    หากน้องหมายอมนั่งนิ่ง ๆ ในขณะแปรงฟัน คุณสามารถแปรงทั้งด้านในและด้านนอกของฟันพร้อมกันได้เลย ทั้งนี้การแปรงฟันด้านในจะค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นควรให้น้องหมานั่งนิ่งเสียก่อน จึงค่อยเริ่มแปรงฟันทั้งด้านข้างและด้านใน

     

    ให้รางวัลตบท้ายหลังการแปรงฟัน

    การแปรงฟันอาจเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเค้า ทางที่ดีควรให้คำชมหรือรางวัลเพื่อให้กิจกรรมนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดี ถึงแม้ว่ามันอาจดูขัดแย้งที่ต้องให้ขนมหลังการแปรงฟัน แต่เป้าหมายหลักของการทำเช่นนี้ คือเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟัน 

     

    เริ่มแปรงฟันให้พวกเค้าตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข

    เมื่อลูกสุนัขมีอายุ 3 - 7 เดือน ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดไปพร้อมกับการงอกใหม่ของฟันแท้ ในช่วงนี้เจ้าของควรเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีฟันแท้ขึ้นซ้อนกับฟันน้ำนม เนื่องจากการเกิดฟันซ้อนเป็นสาเหตุของปัญหาฟันหัก ซึ่งพบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ทอย

    แม้ว่าอาหารเม็ดหรือของเล่นสำหรับกัดแทะจะมีส่วนช่วยในการขัดฟัน แต่เพื่อความสะอาดที่มากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขควบคู่ไปด้วย และเมื่อพาน้องหมาตัวใหม่กลับบ้าน ควรฝึกให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ  การทำเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้ตรวจเช็กสุขภาพฟัน รวมถึงฝึกควบคุมพฤติกรรมการกัดและงับของพวกเค้าได้อีกด้วย

     

    เลือกให้อาหารที่ดีมีคุณภาพ

    อาหารมีผลต่อ 'รอยยิ้ม' ของน้องหมา โดยอาหารเม็ดและขนมขัดฟันมีส่วนช่วยในการทําความสะอาดคราบพลัคบนฟันได้ การเคี้ยวหนังสัตว์หรือของเล่นบางชนิดก็ช่วยได้เช่นกัน แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายกับฟันของพวกเค้า แต่เจ้าของก็ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่กลืนของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ลงไปในท้อง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้กระดูกสัตว์เพื่อขัดฟันโดยเด็ดขาด

    อาหารสุนัขไอแอมส์™แบบเม็ด สำหรับสุนัขโต เช่น สูตรโปรแอคทีฟ เฮลท์™ มีเม็ดอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษซึ่งช่วยลดการสะสมของคราบหินปูน และเสริมให้น้องหมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น

     

    วิธีแปรงฟันสุนัขให้สะอาดและราบรื่น

    การฝึกแปรงฟันให้สุนัขต้องใช้เวลาและความอดทน เริ่มจากใช้นิ้วมือถูเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟันด้านนอกพวกเค้า หลังจากที่พวกเค้าปรับตัวได้แล้ว จึงค่อยเริ่มถูบริเวณด้านในช่องปาก

    เมื่อน้องหมาคุ้นเคยกับการถูฟันแล้ว จึงค่อยแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับรสชาติและเนื้อสัมผัสของยาสีฟัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันของคน หลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ให้เปลี่ยนจากการใช้นิ้วพันผ้าก๊อซมาเป็นแปรงสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะแทน

    ควรจับแปรงสีฟันในมุม 45 องศา ก่อนแปรงไปที่บริเวณฟันและเหงือกของพวกเค้า โดยให้หมุนเป็นวงกลมไปมาจนทั่ว จากนั้นให้แปรงขึ้นลงเพื่อขจัดคราบพลัคระหว่างฟัน ทําซ้ำจนกว่าฟันทั้งหมดจะสะอาด สำหรับการแปรงฟันด้านในอาจยุ่งยากเล็กน้อย เนื่องจากน้องหมาไม่ยอมเปิดปากหรือนิ่งนิ่ง ๆ ทั้งนี้เพื่อให้การทําความสะอาดมีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้แปรงฟันสุนัขสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง

     

    จะเลือกยาสีฟันที่เหมาะสําหรับสุนัขได้อย่างไร?

    หากคุณต้องการดูแลฟันสุนัขให้สะอาด สุขภาพดี คุณควรเลือกยาสีฟันที่สัตวแพทย์แนะนํา เพื่อให้แน่ใจว่าผ่านการรับรองหรือทดสอบแล้วว่าปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงป้องกันการสะสมของคราบพลัคและต่อสู้กับแบคทีเรียในช่องปากได้จริง ทั้งนี้แนะนำให้งดใช้ยาสีฟันของคน เพราะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งเป็นพิษต่อสุนัข

     

    วิธีการดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันของสุนัข

    ใช้กระดาษเปียกสำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะ

    กระดาษเปียกประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเช็ดและขจัดคราบพลัคบนฟันของสุนัขโดยเฉพาะ มันทำความสะอาดได้เช่นเดียวกับการใช้แปรงสีฟัน แต่มีความสะดวกมากกว่า

     

    ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขเป็นประจำ

    การแปรงฟันให้สุนัขอาจดูยุ่งยากไปบ้าง แต่มันเป็นวิธีขจัดคราบพลัคและหินปูนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้เราไม่จำเป็นต้องแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน อาจจะแปรงสัปดาห์ 2 – 3 ครั้ง โดยเริ่มแรกพวกเค้าอาจไม่พอใจ ให้ฝึกบ่อย ๆ จะได้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น การแปรงฟันควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ หรือคุณอาจใช้นิ้วมือแทนก็ได้เช่นกัน คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคําแนะนําเพิ่มเติมได้

     

    ใช้ขนมขบเคี้ยวเป็นตัวช่วย

    การเคี้ยวเป็นวิธีทำความสะอาดฟันโดยธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันฟันผุ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของพวกเค้าด้วย การให้ขนมขบเคี้ยวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยขนมขบเคี้ยวมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดฟันได้ค่อนข้างดี เช่น หูวัวอบแห้ง ชิคเก้นสตริ๊ป และเนื้อวัวแบบแท่ง

     

    ให้ขนมขัดฟัน

    น้องหมาส่วนใหญ่ชื่นชอบขนมเป็นที่สุด ซึ่งขนมขัดฟันก็เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของพวกเค้า ขนมเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสะสมของคราบพลัค ลดกลิ่นปาก และทำความสะอาดฟัน บวกกับมีให้เลือกหลายรูปแบบ หลายขนาด และหลายรสชาติ จึงเป็นวิธีที่ถูกใจน้องหมามากกว่าการแปรงฟัน

     

    พบสัตวแพทย์เป็นประจำ

    การพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด คุณหมอสามารถกำหนดวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมา และสามารถระบุปัญหาสุขภาพที่เจ้าของอย่างคุณอาจมองข้ามไปได้

     

    เมื่อสุนัขต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

    หากน้องหมาไม่ให้ความร่วมมือในการแปรงฟัน หรือคุณเริ่มสังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลและพบเลือดออกตามไรฟันของพวกเค้า แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที โดยคุณหมอจะให้ยาชาก่อนเริ่มทำความสะอาดช่องปากและฟันของเจ้าตัวน้อย หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็จะขัดฟันเพื่อขจัดคราบพลัคและทำให้ฟันเรียบป้องกันไม่ให้คราบพลัคเกาะติดได้ง่าย

    การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมามาก ดังนั้นอย่าลืมแปรงฟันให้พวกเค้าเป็นประจำด้วยนะ

     

     

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของสุนัข

     

    จะดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและสุขภาพดีได้อย่างไร?

    • คุณสามารถดูแลฟันสุนัขด้วยวิธีต่อไปนี้:
    • แปรงฟันให้สุนัขอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ
    • เตรียมของเล่นสำหรับกัดแทะไว้ให้พวกเค้า
    • หมั่นฉีดสเปรย์ทำความสะอาดช่องปาก
    • ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี

     

    น้องหมาจำเป็นต้องแปรงฟันจริงหรือไม่?

    น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเช่นกัน! เพราะมีคราบพลัคและหินปูนซึ่งเกิดจากเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียตกค้างอยู่  เชื้อโรคเหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเหงือกจนทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรง หรือที่แย่กว่านั้นน้องหมาอาจสูญเสียฟันได้

     

    เราจะลดการสะสมของคราบพลัคได้อย่างไรบ้าง?

    การแปรงฟันคือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดคราบพลัคและหินปูน โดยแนะนำให้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ หรือจะใช้นิ้วมือถูฟันพวกเค้าเบา ๆ แทนการใช้แปรงก็ได้ แต่อาจต้องฝึกบ่อยครั้งเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับวิธีดังกล่าว

     

    เราจะลดการสะสมของคราบหินปูนได้อย่างไรบ้าง?

    เลือกให้อาหารที่ผ่านการรับรองโดย Veterinary Oral Health Council (VOHC) เนื่องจากกระบวนการหรือกลไกทางเคมีที่ช่วยสะสมของคราบพลัคและหินปูนบนฟันสุนัขได้ โดยการก่อตัวของหินปูนจะเกิดช้าลงหากลดการสะสมของคราบพลัคลงได้ ทั้งนี้แนะนำให้แปรงฟันให้สุนัขเป็นประจำทุกวันด้วย

     

    เราสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากกับน้องหมาได้หรือไม่?

    สามารถใช้ได้ แต่แนะนำให้เลือกน้ำยาสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะเท่านั้น น้ำยาทำความสะอาดประเภทนี้จะช่วยลดแบคทีเรียและคราบพลัคในช่องปากได้ ส่วนวิธีใช้คือผสมให้เจือจางลงในชามน้ำของน้องหมา

Close modal