IAMS TH
nutrition-and-your-senior-dog-s-body_header
nutrition-and-your-senior-dog-s-body_mob

adp_description_block441
โภชนาการทางอาหารกับสุนัขสูงวัย

  • แบ่งปัน

เนื่องจากสุนัขสูงวัยเริ่มมีปัญหาด้านสภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ปัญหากระดูกและข้อต่อ ดังนั้นสัตวแพทย์จึงแนะนำอาหารสูตรสำหรับสุนัขสูงวัยโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเค้าได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเจ้าของที่มีสุนัขเข้าสู่ช่วงสูงวัยควรเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงและวิธีการดูแลสุขภาพของพวกเค้าเหล่านั้นเพิ่มเติม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณสามารถช่วยให้สุนัขสูงวัยของคุณจัดการกับปัญหาสุขภาพทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้นกันเถอะ
 

โรคอ้วนในสุนัขสูงวัย

สุนัขสูงวัยมักมีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม โดยสาเหตุเกิดจากอัตราการเผาผลาญในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นพวกเค้าต้องได้รับปริมาณอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่ลดลง

งานวิจัยล่าสุดของ ไอแอมส์™ได้ทำการศึกษาวิจัยแล้วพบว่า แอล - คาร์นิทีน สามารถช่วยลดน้ำหนักในสุนัขที่มีปัญหาน้ำหนักเกินได้ โดยการเป็นตัวพาไขมันเข้าไปสู่ไมโตรคอนเดรียภายในเซลล์ เพื่อเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน
 

การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในสุนัขสูงวัย

โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โดยล่าสุดทางบริษัท IAMS ได้ออกมาเผยว่าการที่ให้สุนัขสูงวัยกินอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยเสริมสร้างสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น ทำให้พวกเค้าสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้น 

แต่ผลการวิจัยนี้ก็จะไม่ตรงกับความเชื่อที่ว่าสุนัขสูงวัยควรได้รับโปรตีนในระดับต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไตทำงานหนัก แต่อย่างไรก็ตามพบว่า สุนัขที่ไตทำงานหนักจากอาหารโปรตีนสูง มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าสุนัขที่ได้รับสารอาหารโปรตีนต่ำ
 

ปัญหากระดูกและข้อต่อในสุนัขสูงวัย

เมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงสูงวัย กระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ดังนั้นการดูแลเรื่องโภชนาการก็สามารถช่วยเสริมสร้างให้พวกเค้ามีกระดูกและข้อต่อที่ดีขึ้นได้ โดยมีตัวช่วยดังนี้

• การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสม จะช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และเส้นประสาทให้กลับมามีประสิทธิภาพ
• ปรับสมดุลในโภชนาการของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ให้เหมาะสมต่อการเสริมสร้างข้อต่อ
 
ผู้ผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงบางรายเชื่อว่าหากสุนัขสูงวัยได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก จะทำให้มีอันตรายต่อไต แต่อย่างไรก็ตามมีการวิจัยพบว่า ไม่มีการสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ทำให้เกิดอันตรายต่อไตของสุนัขสูงวัยที่ได้รับการบำรุงด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสตลอดระยะเวลา 4 ปี (อ้างอิงโดยงานวิจัย “ผลกระทบของความชราและการบริโภคโปรตีนในอาหารของสุนัขสูงวัยที่ไม่ได้รับการผ่าตัด” ของ Finco, DR. ในวารสารวิจัยสัตวแพทย์แห่งอเมริกา ฉบับที่ 55)

* DR. Finco “ ผลของการความชราและการบริโภคโปรตีนในอาหารของสุนัขสูงอายุที่ไม่ได้รับการผ่าตัด” วารสารวิจัยสัตวแพทย์แห่งอเมริกา; ฉบับที่ 55, No. 9.  สิงหาคม 1994 .

article nutrition and your senior dogs body header
  • สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    adp_description_block28
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?

    • แบ่งปัน

    เคยเห็นน้องหมาหายใจแรงหรือหอบจนลิ้นห้อยกันไหม? พฤติกรรมนี้มักจะเกิดหลังการเล่นหรือในช่วงบ่ายที่อากาศค่อนข้างร้อน หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุเบื้องหลัง มันเชื่อมโยงกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขหรือไม่

    การหอบของสุนัขเป็นวิธีการตอบสนองของร่างกายเพื่อควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน อีกทั้งยังเป็นวิธีสื่อสารภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่งด้วย โดยการทำความเข้าใจลักษณะและสาเหตุของอาการหอบ จะช่วยให้เราดูแลน้องหมาที่รักได้ดียิ่งขึ้น
     

    อาการหอบของสุนัข

    สุนัขหอบเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เป็นกลไกที่คล้ายคลึงกับเหงื่อของคน แม้ว่าการหอบจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการมากผิดปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
     

    อาการหอบทั่วไป

    • การหายใจ – สำหรับน้องหมาที่มีสุขภาพดี ในขณะที่นั่งพักมักจะมีอัตราการหายใจ 15 – 35 ครั้งต่อนาที
    • ความรุนแรง – หายใจตื้นแต่เงียบ ไม่ค่อยมีอาการลิ้นห้อย
    • บริบท – คาดว่าจะมีอาการหอบหลังออกกำลังกาย เล่น ตื่นเต้น หรือในช่วงที่อากาศร้อน
    • ความต่อเนื่อง – เมื่อได้รับการดูแลแล้ว (เช่น เย็นลงหรือสงบลง) การหอบก็ควรจะทุเลาลง
       

    อาการหอบที่ผิดปกติ

    • การหายใจ – ในช่วงพักหรือขณะเคลื่อนไหวเล็กน้อย น้องหมาหายใจเร็วมาก หรือมีอัตราการหายใจ 40 ครั้งต่อนาที นี่ถือเป็นสัญญาณอันตราย
    • ความรุนแรง – เมื่อสุนัขหายใจแรง การหอบจะลึกและหนักหน่วง โดยมีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลอย่างชัดเจน
    • บริบท – เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น ขณะพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย
    • ความต่อเนื่อง – อาการหอบไม่ทุเลาแม้จะดูแลหรือจัดการกับสาเหตุแล้ว อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร
       

    สาเหตุของอาการหอบ

    แม้อาการหอบจะเป็นกลไกหลักในการระบายความร้อน แต่อาการนี้ก็เกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน 
     

    สาเหตุทางกายภาพ

    • การควบคุมความร้อนในร่างกาย – การหอบช่วยให้ร่างกายของสุนัขเย็นลงหลังออกกำลังกาย เล่น หรือในช่วงที่อากาศร้อน โดยจะระเหยความชื้นออกจากลิ้นและทางเดินหายใจ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายกลับสู่ระดับปกติ
    • ความเจ็บปวด – การหอบมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพ ความเจ็บปวดทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการหอบ
    • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ – โรคภูมิแพ้ หอบหืด อาการไอ และปัญหาในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ อาจทำให้สุนัขหายใจได้ยาก ส่งผลให้หายใจหอบเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องการออกซิเจนมากขึ้น
       

    สาเหตุทางอารมณ์

    • ความตื่นเต้น – เมื่อน้องหมารู้สึกตื่นเต้น อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอาการหอบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเล่น การทักทาย หรือการคาดหวังกิจกรรมโปรด
    • ความเครียดหรือวิตกกังวล – การหอบเป็นกลไกในการรับมือกับความเครียดและความกังวล แนะนำให้ระวังพฤติกรรมผิดปกติอื่น ๆ ด้วย เช่น เดินวนไปมา น้ำลายไหล หรือการเชิดหาง
    • ความกลัว – เสียงดัง พายุฝนฟ้าคะนอง และสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัว ส่งผลให้น้องหมาหายใจเร็ว หอบ ตัวสั่น และพยายามซ่อนตัว
       

    ควรทำอย่างไรเมื่อสุนัขหายใจแรง?

    การเห็นเจ้าตัวน้อยกำลังดิ้นรนหายใจอาจเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสงบสติอารมณ์ จากนั้นให้ประเมินสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
     

    ตรวจสอบสภาพแวดล้อม

    • กิจกรรมล่าสุด – น้องหมาทำกิจกรรมใดไปบ้าง มีการออกแรงมากหรือไม่ เช่น เล่นคาบของ วิ่ง หรือออกกำลังกายอย่างหนัก
    • อุณหภูมิและสภาพอากาศ – อากาศร้อนหรือเปล่า? พวกเค้าตากแดดนานไปหรือไม่?
    • สภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด – มีเสียงดัง คนที่ไม่คุ้นเคย หรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือไม่?

    หากพบปัจจัยเหล่านี้ การหอบน่าจะเป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติเพื่อควบคุมอุณหภูมิหรือจัดการกับความเครียด ในกรณีนี้ เพียงจัดพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท เย็นสบาย และเงียบสงบให้น้องหมาพักผ่อน รวมถึงควรจัดเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอด้วย
     

    สังเกตอาการและพฤติกรรม

    • ความรุนแรง – การหอบหายใจตื้นและเงียบสงบ หรือลึกและหนักหน่วง
    • การหายใจ – พวกเค้าหายใจกี่ครั้งต่อนาที
    • ลิ้น – มีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลหรือไม่
    • อาการร่วม – มีอาการร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร

    คอยสังเกตอาการและการหายใจของน้องหมาอย่างใกล้ชิด อาการหอบที่มากผิดปกติทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพซึ่งควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
     

    วิธีการดูแล

    • ลดอุณหภูมิร่างกาย – ย้ายน้องหมาไปยังบริเวณที่อากาศถ่ายเทและมีร่มเงา 
    • เตรียมน้ำสะอาด – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเค้าสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดและสดใหม่ได้ตลอดเวลา
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ – สร้างพื้นที่ที่เงียบสงบและสะดวกสบายเพื่อให้น้องหมาพักผ่อนโดยปราศจากการรบกวน

    ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการหอบที่เกิดจากความร้อนหรือความเครียดได้
     

    อาการหอบแบบใดที่น่ากังวลและควรพาไปพบสัตวแพทย์?

    ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ผิดปกติและน่ากังวล ควรไปพบคุณหมอทันทีที่พบเห็น

    • อาการร่วม – หากน้องหมามีอาการหอบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เซื่องซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ไอ เหงือกซีด น้ำลายไหลมาก หรือมีพฤติกรรมผิดปกติ ควรได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์โดยทันที
    • อาการหอบอย่างรุนแรง – อาการหอบลึก หนักหน่วง และลิ้นห้อย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
    • อาการหอบอย่างต่อเนื่อง – หากยังคงมีอาการหอบอยู่แม้จะพักผ่อนแล้ว อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นแล้ว หรือได้รับการดูแลเบื้องต้นแล้ว กรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากสัตวแพทย์เพิ่มเติม
    • อาการหอบไม่ดีขึ้น – หากการหอบไม่ทุเลาลงภายในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือแย่ลงไปอีก แม้ว่าจะจัดการกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็ตาม คุณจำเป็นจะต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

    แม้การหอบจะเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน คุณจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเพื่อประเมินความรุนแรงและความน่ากังวล วิธีนี้จะช่วยให้คุณดูแลน้องหมาได้ดียิ่งขึ้น

Close modal