IAMS TH
puppy deworm
puppy deworm

adp_description_block53
วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

  • แบ่งปัน

เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกสุนัขตัวน้อย การถ่ายพยาธิเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดหนอนพยาธิหรือปรสิตตัวร้ายที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ การทำความเข้าใจวิธีการถ่ายพยาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าตัวน้อย ไม่ว่าพวกเค้าจะเคยติดเชื้อหนอนพยาธิมาก่อน หรือเพียงแค่ต้องการป้องกันเอาไว้

 

แต่หนอนพยาธิคืออะไรกันแน่? และลูกสุนัขได้รับมันมาได้อย่างไร? หนอนพยาธิที่พบได้บ่อยในสุนัข ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด เจ้าปรสิตเหล่านี้มักจะปะปนอยู่ในดิน น้ำ หรืออาหารที่ปนเปื้อน โดยพวกมันอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา

 

โดยเราได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัขมาให้แล้ว ทั้งอาการที่ควรระวัง กระบวนการถ่ายพยาธิ และวิธีดูแลเจ้าตัวน้อยให้มีสุขภาพดี ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเลี้ยงหรือเพียงแค่ต้องการทบทวนความรู้ บทความนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

 

4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการรับเลี้ยงและการดูแลน้องหมา แต่วิธีการถ่ายพยาธิมีให้เลือกมากมาย จนอาจสร้างความสับสนให้กับผู้เลี้ยงหลาย ๆ คน เราจึงจะมาเผยข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข ทั้งเรื่องความถี่ในการถ่ายพยาธิ วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และความสำคัญของการป้องกันพยาธิตัวร้าย เพื่อให้กระบวนการนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและเห็นผล เมื่อเข้าใจปัจจัยสำคัญทั้งหมดนี้แล้ว คุณก็จะมั่นใจได้ว่าเจ้าตัวน้อยจะมีความสุขและมีสุขภาพดีในทุกวัน

 

  1. ดูแลลูกสุนัขตัวน้อยให้แข็งแรงและมีความสุขด้วยการถ่ายพยาธิเป็นประจำ

การถ่ายพยาธิจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิและปรสิตตัวร้าย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกสุนัขได้ โดยพวกเค้าจำเป็นต้องได้รับการถ่ายพยาธิเป็นประจำ เนื่องจากมีขนาดตัวเล็กและระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

เราควรถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก 2 สัปดาห์ไปจนถึงอายุ 3 เดือน จากนั้นต้องถ่ายพยาธิทุกเดือนจนกว่าจะอายุครบ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าหนอนพยาธิถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การถ่ายพยาธิสุนัขที่ตั้งท้องก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากพวกเค้าสามารถส่งต่อพยาธิไปยังลูกสุนัขในท้องได้

นอกจากการถ่ายพยาธิเป็นประจำแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิ อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสหรือเล่นกับน้องหมา และทำความสะอาดพื้นที่ขับถ่ายทันทีที่น้องหมาทำธุระส่วนตัวเสร็จ

การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพน้องหมา การถ่ายพยาธิตามกำหนดเวลาและการดูแลความสะอาดจะช่วยปกป้องเจ้าก้อนขนปุกปุยของคุณจากปรสิตตัวร้ายที่เป็นอันตรายได้อย่างแน่นอน

 

  1. หนอนพยาธิชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในลูกสุนัข

ลูกสุนัขสามารถติดเชื้อหนอนพยาธิได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด ซึ่งเจ้าปรสิตเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด และภาวะโลหิตจาง 

แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ อย่างพยาธิตัวตืดจะสังเกตได้ยาก เนื่องจากมีขนาดเล็กและมักจะปะปนอยู่ในอุจจาระ นอกจากนี้หนอนพยาธิบางชนิดก็อาศัยอยู่ในลำไส้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน เจ้าของจึงจำเป็นต้องถ่ายพยาธิให้น้องหมาเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว

 

  1. ทำความเข้าใจสัญญาณเตือนและอาการติดเชื้อพยาธิในลูกสุนัข

ลูกสุนัขที่ติดเชื้ออาจมีอาการผิดปกติหลายอย่าง แต่อาจสังเกตได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในน้องหมาที่มีอายุน้อยและมีขนาดตัวเล็ก แต่อาการทั่วไปที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • ท้องเสียหรือถ่ายเหลว – อาจเกิดจากหนอนพยาธิไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร 
  • น้ำหนักตัวลด – หนอนพยาธิสามารถแย่งสารอาหารจากร่างกายของลูกสุนัข ทำให้พวกเค้าน้ำหนักตัวลดลงได้
  • ภาวะโลหิตจาง – พยาธิปากขอจะดูดเลือดของลูกสุนัขเป็นอาหาร ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง โดยน้องหมาอาจมีเหงือกสีซีดและมีอาการอ่อนเพลีย
  • อาเจียน – หนอนพยาธิอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ จนนำไปสู่การอาเจียนได้
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง – เนื่องจากแย่งสารอาหาร ดูดเลือด และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย น้องหมาที่ติดเชื้อจึงมักมีอาการอ่อนเพลียและไม่ค่อยทำกิจกรรม

การถ่ายพยาธิเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับลูกสุนัขที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ เนื่องจากพวกเค้าได้รับเชื้อจากแม่ตั้งแต่ก่อนคลอด การสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดและการถ่ายพยาธิเป็นประจำ จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข ทั้งนี้หากสงสัยว่าลูกสุนัขติดเชื้อพยาธิ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักการรักษาในทันที

 

  1. วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัขที่มีประสิทธิภาพ

หนอนพยาธิเป็นปัญหาที่พบบ่อยในลูกสุนัขและมักจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา โดยหนอนพยาธิที่พบบ่อย ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ และพยาธิตัวตืด โดยน้องหมาที่ติดเชื้ออาจมีอาการอาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลด และพุงป่อง

การถ่ายพยาธิไม่ใช่กระบวนการที่ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่ต้องทำเป็นประจำหรือตามนัดหมายของสัตวแพทย์ ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการให้ยาถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก ๆ 2 - 3 สัปดาห์จนกว่าจะถึงวัยที่กำหนด การรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดและคอยดูแลไม่ให้ลูกสุนัขกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เช่นกัน

หากเจ้าตัวน้อยของคุณติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจจ่ายยาถ่ายพยาธิให้กินหรือให้ฉีดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าของควรดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำจากคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเห็นผล

แม้น้องหมาจะไม่มีอาการติดเชื้อใด ๆ แต่ก็ยังจำเป็นต้องถ่ายพยาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องหมามีพยาธิ?
  2. หากต้องการรู้ว่าน้องหมาติดเชื้อพยาธิหรือไม่ ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายและใช้วิธีตรวจอุจจาระเพื่อหาพยาธิ โดยอาการติดเชื้อที่อาจพบได้ จะมีอาการท้องเสีย น้ำหนักลด และอาจสังเกตเห็นพยาธิในอุจจาระ

  3. เราสามารถถ่ายพยาธิน้องหมาเองที่บ้านได้หรือไม่?
  4. การถ่ายพยาธิควรทำโดยสัตวแพทย์ เนื่องจากคุณหมอสามารถวินิจฉัยและเลือกวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยาถ่ายพยาธิบางชนิดอาจมีวิธีใช้เฉพาะหรืออาจไม่ปลอดภัยสำหรับลูกสุนัข ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนถ่ายพยาธิลูกสุนัขด้วยตัวเอง

  5. ควรถ่ายพยาธิให้น้องหมาบ่อยแค่ไหน?
  6. ลูกสุนัขควรถ่ายพยาธิเมื่อมีอายุ 2, 4, 6 และ 8 สัปดาห์ และอีกครั้งเมื่อมีอายุ 12 และ 16 สัปดาห์ เมื่อลูกสุนัขอายุครบ 6 เดือน แนะนำให้ถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 - 6 เดือน คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดตารางการถ่ายพยาธิที่เหมาะสม เนื่องจากลูกสุนัขแต่ละตัวมีเงื่อนไขและสภาพร่างกายแตกต่างกัน

  • 5 เหตุผลที่สุนัขของคุณนอนหลับนาน
    5 เหตุผลที่สุนัขของคุณนอนหลับนาน
    adp_description_block84
    5 เหตุผลที่สุนัขของคุณนอนหลับนาน

    • แบ่งปัน

    ใครเคยเป็นบ้าง? อยากสลับตัวกับน้องหมา เพราะอิจฉาที่น้องหมาได้นอนทั้งวัน ไม่ต้องทำงาน แค่พักผ่อนสบาย ๆ อยู่ในบ้าน แม้ว่าจะนอนหลับเต็มอิ่มมาตลอดทั้งคืนแล้ว แต่น้องหมาก็ยังสามารถงีบหลับได้ในช่วงกลางวัน อาจเห็นพวกเค้านอนอาบแดด หลับไปบนโซฟา หรือแค่งีบหลับอยู่ใกล้ ๆ ตัวเรา และเมื่อตื่นขึ้นมาหลังจากงีบหลับไป เจ้าตัวน้อยของคุณก็จะเต็มไปด้วยพลังและพร้อมสำหรับการเล่นอย่างจริงจัง

     

    ทำไมสุนัขของฉันถึงนอนมาก? สุนัขนอนกลางคืนกี่ชั่วโมง? สุนัขนอนทั้งวันผิดปกติหรือไม่? คำถามเหล่านี้พบบ่อยมากในหมู่ผู้เลี้ยงสุนัข เพราะสัตว์หลายชนิด รวมถึงสุนัขด้วย มีพฤติกรรมการนอนแตกต่างจากคน นอกจากนี้วงจรการนอนหลับของสุนัขก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ สุขภาพ และรูปแบบการใช้ชีวิต อ่านบทความของเราเพื่อค้นหาคำตอบว่าน้องหมานอนวันละกี่ชั่วโมง พร้อมทำความเข้าใจพฤติกรรมการนอนของพวกเค้ากันให้มากขึ้น
     

    สุนัขนอนกี่ชั่วโมงในแต่ละวัน?

    สุนัขจำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งระยะเวลาในการนอนอาจมากกว่าเรา และเพราะเป็นสัตว์กินเนื้อจึงนอนหลับมากกว่าสัตว์กินพืช เนื่องจากการนอนเป็นอันตรายต่อสัตว์ที่เป็นเหยื่อมากกว่า ระยะเวลาในการนอนหลับของสุนัขจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และรูปแบบการใช้ชีวิต โดยอายุถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุด
     

    สุนัขนอนทั้งวันจริงหรือไม่? โดยทั่วไป สุนัขจะนอนหลับประมาณ 12 – 14 ชั่วโมงต่อวัน แต่สำหรับลูกสุนัขอาจนอนนานกว่านี้ เนื่องจากลูกสุนัขจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูร่างกายในช่วง 2 – 3 เดือนแรกของชีวิต เรามาดูกันว่าอายุส่งผลต่อวงจรการนอนหลับของสุนัขอย่างไรบ้าง

    • ลูกสุนัข

    ลูกสุนัขต้องนอนมากเท่าที่ร่างกายต้องการเพื่อการเจริญเติบโตและการฟื้นฟู เป็นเรื่องปกติหากลูกสุนัขจะนอนหลับเกือบทั้งวัน ความจริงแล้ว ลูกสุนัขมักจะนอนหลับในช่วงกลางวันและนอนน้อยลงในช่วงกลางคืน

    • สุนัขโต

    สุนัขโตเต็มวัยจะนอนประมาณ 8 – 13 ชั่วโมง หรือโดยเฉลี่ย 11 ชั่วโมงต่อวัน สุนัขโตมักจะนอนได้นานขึ้นในตอนกลางคืน ขึ้นอยู่กับกิจวัตรประจำวันของพวกเค้าและผู้เลี้ยง อย่างไรก็ตาม การงีบหลับในช่วงกลางวันก็ยังคงเกิดขึ้นตามปกติ พวกเค้าอาจนอนสองสามชั่วโมงระหว่างวัน

    • สุนัขสูงวัย

    สุนัขสูงอายุนอนหลับได้มากเท่ากับลูกสุนัข มักจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกและงีบหลับเป็นเวลาหลายชั่วโมงตลอดทั้งวัน การนอนหลับช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และฟื้นตัวได้ดีเมื่อมีอายุมากขึ้น
     

    สุนัขนอนหลับมากเกินไปหรือเปล่า?

    น้องหมานอนเยอะมาก พฤติกรรมนี้ผิดปกติหรือเปล่า? สุนัขทุกช่วงวัยนอนหลับเฉลี่ยประมาณ 15 ชั่วโมงต่อวัน น้องหมาแต่ละตัวมีความแตกต่างกัน ทั้งความต้องการ สุขภาพ และกิจวัตรประจำวัน หากคุณหมั่นสังเกตพฤติกรรม ในไม่ช้า คุณก็จะเข้าใจวิธีการทำงานของร่างกายและวงจรการนอนหลับของน้องหมา
     

    หากคุณกังวลที่น้องหมานอนเยอะเกินไป อย่าลังเลที่จะปรึกษาสัตวแพทย์ เป็นการดีกว่าเสมอที่จะคลายข้อสงสัยของคุณและพาเจ้าตัวน้อยไปตรวจสุขภาพเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากปัญหาสุขภาพเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้องหมานอนเยอะกว่าปกติ เช่น โรคเบาหวาน อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล
     

    สาเหตุที่สุนัขนอนหลับมาก

    มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้น้องหมานอนหลับมากหรือนอนนานเกินไป โดยปัญหาสุขภาพเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย จึงแนะนำให้หมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว น้องหมาอาจนอนหลับนานขึ้นเพราะสาเหตุเหล่านี้ได้เช่นกัน

    • ความเครียด ความวิตกกังวล และความเบื่อหน่าย

    หากbbที่ง่ายที่สุดคือความเบื่อหน่าย บางครั้งน้องหมาก็เลือกที่จะนอนเพียงเพราะไม่มีอะไรทำ แต่บางครั้งก็อาจเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวล โดยคุณจะพบว่าน้องหมามีอาการเซื่องซึมและเผลอหลับบ่อย ๆ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการสร้างกิจวัตรประจำวัน พยายามแบ่งเวลาเล่นและออกกำลังกายให้เพียงพอต่อความต้องการของพวกเค้า

    • โรคเบาหวาน

    น้องหมาอาจเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ในปริมาณที่ต้องการ สุนัขบางพันธุ์มีความเสี่ยงต่อโรคนี้สูงกว่าพันธุ์อื่น ๆ ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ

    • การติดเชื้อไวรัส

    การติดเชื้อไวรัสในสุนัขติดต่อได้ง่ายและอาจส่งผลต่อร่างกายอย่างรุนแรง น้องหมาจะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ และอาจมีภาวะขาดโปรตีนด้วย การฟื้นตัวจากโรคนี้มักจะใช้เวลานานพอสมควร แนะนำให้ฉีดวัคซีนลูกสุนัขตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

    • การติดเชื้อแบคทีเรีย

    การติดเชื้อแบคทีเรียเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในสุนัข อีกทั้งยังติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสปัสสาวะของสุนัขตัวอื่น และสามารถแพร่กระจายมาสู่คนได้เช่นกัน การติดเชื้อนี้อาจทำให้ร่างกายหมดพลังงาน ส่งผลให้น้องหมานอนหลับบ่อยผิดปกติ

    • การได้รับสารพิษ

    หากน้องหมาไม่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมและชอบกินของแปลกปลอม ความเสี่ยงต่อการได้รับพิษก็จะมากขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารของคนหลายชนิด เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุนัข เช่น อะโวคาโด เครื่องเทศ กาแฟ และชีสบางชนิด
     

    ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าในหนึ่งวันสุนัขนอนกี่ชั่วโมง หากพบว่าน้องหมามีอาการผิดปกติหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ควรพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ทันที

Close modal