IAMS TH
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

adp_description_block397
ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

  • แบ่งปัน

การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

 

ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  • บาดแผลบริเวณดวงตา
  • อาการลมพิษ
  • แผลเปิด
  • อาการชัก
  • เป็นลม หมดสติ
  • มีรอยกัด
  • หายใจลำบาก
  • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
 

การตรวจสุขภาพประจำปี

ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
 

หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

  • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
  • รายงานสุขภาพ
  • โภชนาการที่เหมาะสม
  • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
 

การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

  • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
  • โรคไข้หัด
  • โรคตับอักเสบ
  • โรคพิษสุนัขบ้า
  • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
  • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
  • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
  • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์

  1. ควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
  2. ในช่วงปีแรก คุณอาจต้องพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันที่จำเป็น และเมื่อฉีดวัคซีนครบถ้วนดีแล้ว คุณหมอจะเป็นผู้กำหนดนัดหมายเพิ่มเติม ทั้งนี้คุณจำเป็นต้องพาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝงด้วย

  3. เช็กลิสต์การตรวจสุขภาพครั้งแรกของลูกสุนัข มีอะไรบ้าง?
  4. หากเป็นการพบสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกสุนัข คุณควรพูดคุยกับผู้เพาะพันธุ์หรือศูนย์พักพิงเพื่อขอข้อมูลการฉีดวัคซีน การถ่ายพยาธิ หรือการรักษาต่าง ๆ ในกรณีที่ลูกสุนัขกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ ให้พกติดตัวไปด้วย รวมถึงควรแจ้งสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารหรือประเด็นปัญหาที่คุณพบเจอ

  5. ลูกสุนัขต้องเข้าพบสัตวแพทย์กี่ครั้ง?
  6. หากลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน คุณควรพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 หรือ 4 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะจัดตารางเวลานัดหมายให้ คุณควรพาลูกสุนัขไปพบตามกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

  • คู่มือการลดน้ำหนักสุนัข
    คู่มือการลดน้ำหนักสุนัข
    adp_description_block99
    3 วิธีช่วยลดน้ำหนักให้สุนัขของคุณ

    • แบ่งปัน

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมน้องหมาบางตัวถึงมีหุ่นอวบอ้วนกว่าที่ควรจะเป็น? น้องหมาก็เหมือนกับเราที่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำหนักตัว ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องดูแลให้น้องหมามีน้ำหนักและรูปร่างที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าจะมีขนมหลากหลายชนิดยั่วยวนใจและข้อจำกัดในการออกกำลังกายมากขึ้นก็ตาม การรับมือกับปัญหาน้ำหนักเกินในสุนัขอาจเป็นเรื่องยากหากคุณไม่รู้วิธีลดอย่างถูกต้อง อ่านบทความของเราเพื่อเรียนรู้วิธีการดูแลและการเลือกอาหารลดน้ำหนักสุนัขอย่างเหมาะสม

     

    ในปัจจุบันพบว่าสุนัขมีน้ำหนักตัวเกินมากขึ้น ผู้เลี้ยงจึงควรสังเกตรูปร่างและร่างกายของน้องหมาให้ละเอียดยิ่งขึ้น สัมผัสลำตัวแล้วพบกระดูกซี่โครงไหม? มองเห็นช่วงเอวหรือไม่? การสังเกตเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการประเมินว่าสุนัขอ้วนหรือผอมเกินไปหรือไม่ หากพบว่าน้องหมามีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว คุณควรจัดการในทันที 
     

    เพราะอะไรการลดน้ำหนักสุนัขจึงเป็นสิ่งสำคัญ?

    การรักษาน้ำหนักให้เหมาะสมส่งผลดีต่อสุขภาพ รูปลักษณ์ภายนอก และความเป็นอยู่ สุนัขที่มีน้ำหนักเกินมักจะเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานและโรคหัวใจ ผู้เลี้ยงควรทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้สุนัขน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะมันเป็นก้าวแรกในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น
     

    การลดน้ำหนักสุนัข มีวิธีใดบ้าง?

    เรารู้ดีว่าการลดน้ำหนักหมามักจะทำให้ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่กังวลและเครียด แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้น หากคุณเริ่มต้นลดน้ำหนักให้น้องหมาด้วยวิธีเหล่านี้

    • เลือกโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุล

    โภชนาการที่ดีจะประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสุนัข ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อวางแผนมื้ออาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก โดยอาหารลดน้ำหนักสุนัขควรผลิตจากส่วนผสมคุณภาพสูงและมีแคลอรีต่ำ สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดปริมาณอาหารให้เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

    • ออกกำลังกายเป็นประจำ 

    การออกกำลังกายคือวิธีลดน้ำหนักสุนัขที่ได้ผลดีที่สุด แต่ควรปรับให้เหมาะกับสายพันธุ์และอายุของสุนัขด้วย คุณอาจชวนพวกเค้าเล่นหรือทำกิจกรรมสนุก ๆ เช่น เล่นคาบของ วิ่งล่าเหยื่อ หรือว่ายน้ำ เพื่อกระตุ้นให้น้องหมาเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นและระยะเวลาของการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักทีละน้อย ควบคู่ไปกับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    • จัดการกับปัญหาสุขภาพ 

    น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจเช็กร่างกายและค้นหาสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์อาจทำให้สุนัขมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยสัตวแพทย์สามารถแนะนำแนวทางการรักษา การใช้ยา และการเลือกอาหารลดน้ำหนักสุนัขที่เหมาะสมได้

    • ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด 

    หมั่นสังเกตพฤติกรรมและความเปลี่ยนแปลงของน้องหมาอย่างสม่ำเสมอ อาจจะต้องปรับแผนตามความจำเป็น การลดน้ำหนักหมาแบบค่อยเป็นค่อยไปช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ดี ควรทำตามแผนการอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ แม้น้องหมาจะมีน้ำหนักตัวตามที่คาดหวังแล้วก็ควรควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบว่าน้องหมามีน้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียด

    • ประเมินผลการลดน้ำหนัก 

    แม้ว่าการทำตามแผนลดน้ำหนักอย่างเคร่งครัดจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่ควรลดน้ำหนักเร็วเกินไปหรือเลือกใช้วิธีลดน้ำหนักสุนัขที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
     

    สุนัขน้ำหนักลดลงผิดปกติ

    สิ่งสำคัญในการลดน้ำหนักสุนัขคือการเลือกวิธีที่ดีต่อสุขภาพ ต้องไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว และน้ำหนักต้องไม่ลดลงเร็วจนเกินไป โดยปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรระมัดระวังมากเป็นพิเศษในช่วงลดน้ำหนัก

    • ออกกำลังกายมากเกินไป – หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายมากเกินไป เพราะอาจนำไปสู่ความเครียดหรือการบาดเจ็บ ควรสังเกตสัญญาณของความเหนื่อยล้าหรือความไม่สบายตัวระหว่างออกกำลังกายด้วย
    • ความเครียด – การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ความอยากอาหาร หรือระดับพลังงานอาจบ่งบอกถึงความเครียด คุณควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบและเป็นมิตรเพื่อให้น้องหมารู้สึกปลอดภัย
    • ปัญหาสุขภาพ – น้ำหนักลดอย่างกะทันหันอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ หากพบการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

    การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่โดยรวมของสุนัข การเลือกใช้วิธีลดน้ำหนักหมาที่ดีต่อสุขภาพ ควบคู่ไปกับการปรึกษาสัตวแพทย์และสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้น้องหมาของคุณมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น

Close modal