การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้
ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน
หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที
ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้
ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้
การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ในช่วงปีแรก คุณอาจต้องพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันที่จำเป็น และเมื่อฉีดวัคซีนครบถ้วนดีแล้ว คุณหมอจะเป็นผู้กำหนดนัดหมายเพิ่มเติม ทั้งนี้คุณจำเป็นต้องพาพวกเค้าไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพแอบแฝงด้วย
หากเป็นการพบสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกสุนัข คุณควรพูดคุยกับผู้เพาะพันธุ์หรือศูนย์พักพิงเพื่อขอข้อมูลการฉีดวัคซีน การถ่ายพยาธิ หรือการรักษาต่าง ๆ ในกรณีที่ลูกสุนัขกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ ให้พกติดตัวไปด้วย รวมถึงควรแจ้งสัตวแพทย์เกี่ยวกับอาหารหรือประเด็นปัญหาที่คุณพบเจอ
หากลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 4 เดือน คุณควรพาลูกสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 หรือ 4 สัปดาห์ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะจัดตารางเวลานัดหมายให้ คุณควรพาลูกสุนัขไปพบตามกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน
อาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัขมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกอาหารที่มีคุณภาพ รวมถึงมีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลเหมาะกับช่วงวัยของพวกเค้า แต่สารอาหารบางชนิด อย่าง แอล - คาร์เนทีน อาจะเป็นสิ่งที่คุณไม่คุ้นเคยกัน เรามาดูกันว่า สารอาหารชนิดนี้คืออะไร และมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัดสุนัขได้อย่างไรกัน
คาร์เนทีน หรือ แอล - คาร์เนทีน เป็นสารประกอบคล้ายวิตามินที่ผลิตจากกรดอะมิโนในร่างกาย พบในแห ล่งโปรตีนจากสัตว์เท่านั้น มันถูกใช้เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมันในสัตว์สายพันธุ์อื่น และจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักในสุนัขที่มีน้ำหนักเกินได้ด้วยเช่นกัน
แอล - คาร์เนทีน เป็นสารที่ละลายในน้ำติดอยู่กับกรดไขมัน และจะเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์ไมโตคอนเดรียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ที่แปลงไขมันให้เป็นพลังงานรูปแบบที่ใช้งานได้ ซึ่งมันจะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานสำหรับเนื้อเยื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ตับ และกล้ามเนื้อ โดยกระบวนการนี้เหล่านี้ คารเนทีนมีส่วนช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายและปริมาณไขมันในกระแสเลือดลดลง
จากการศึกษาของ ไอแอมส์™ โดยแบ่งกลุ่มทดลองเป็นสองกลุ่ม คือสุนัขที่มีน้ำหนักเกินและได้รับอาหารทั่วไปไม่มีแอล – คาร์เนทีน และอีกกลุ่มหนึ่งได้รับอาหารที่เสริมด้วยแอล – คาร์เนทีน
หลังจากนั้นเจ็ดสัปดาห์ ผลที่ได้พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารที่ไม่มีแอล – คาร์เนทีน น้ำหนักตัวลดลงไป 1.8% แตกต่างจากอีกกลุ่มที่ได้อาหารที่มีแอล – คาร์เนทีน น้ำหนักลดลงถึง 6.4% และปริมาณไขมันในร่างกายที่ลดลงก็แตกต่างกัน คือกลุ่มแรก 2.4% และกลุ่มที่สอง 4.6% เท่ากับว่าแอล – คาร์เนทีนมีผลต่อการลดน้ำหนักของสุนัข
ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ Healthy Weight สูตรที่ใช้ แอล – คาร์เนทีนจะช่วยเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานโดยมีเส้นทางที่จะช่วยให้เขามีสุขภาพที่ดี
1 Sunvold GD, Tetrick MA, Davenport GM, Bouchard GF การเสริม แอล – คาร์เนทีน จะช่วยลดน้ำหนักและลดความอ้วนในสุนัข การดำเนินการของสมาคม XXIII World Small Animal Veterinary Association. p. 746 ตุลาคม, 1998
