IAMS TH
การฝึกลูกสุนัขให้มีวินัยและรู้จักกฎระเบียบของบ้าน
การฝึกลูกสุนัขให้มีวินัยและรู้จักกฎระเบียบของบ้าน

adp_description_block424
การฝึกลูกสุนัขให้มีวินัยและรู้จักกฎระเบียบของบ้าน

  • แบ่งปัน

การมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในบ้านคงทำให้ทุก ๆ วันของพ่อแม่มะหมามีทั้งความสุขและความสนุก สำหรับพ่อแม่บางคน นี่คือความฝันที่กลายเป็นจริงในที่สุด แต่การเลี้ยงน้องหมาไม่ได้ง่ายอย่างที่หลาย ๆ คนคาดคิด โดยเฉพาะเมื่อพวกเค้าไม่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม
 

หากผู้เลี้ยงละเลยการฝึกฝนอาจส่งผลเสียในระยะยาวได้ ลูกสุนัขอาจมีพฤติกรรมไม่น่ารัก ทำลายข้าวของในบ้าน และไม่เชื่อฟังคำสั่ง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณและครอบครัวหัวหมุนได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม มือใหม่หัดเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีจัดการและควบคุมเจ้าตัวน้อยแสนซน หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น นี่คือทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฝึกลูกสุนัขที่บ้าน

  • เริ่มด้วยการเตรียมตัวให้พร้อม

กระบวนการฝึกต้องใช้เวลา ความอดทน และความตั้งใจ ไม่สามารถทำเล่น ๆ หรือทำแบบขอไปทีได้ ผู้เลี้ยงต้องทำเป็นกิจวัตรเพื่อให้น้องหมาคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกใส่สายจูงหรือการขับถ่ายให้เป็นที่
 

ข้อควรรู้ – น้องหมาต้องใช้เวลาปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ คุณอาจต้องวางแผนการฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าเร่งรัดและกดดันพวกเค้าจนเกินไป

  • การกำหนดตารางเวลาและทำให้เป็นกิจวัตร

วิธีนี้จะส่งผลดีในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นสำหรับเราหรือน้องหมา การกำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนจะช่วยให้น้องหมาเรียนรู้ว่าเวลาไหนต้องกินอาหาร เล่น นอน หรือขับถ่าย ซึ่งช่วยลดปัญหาขับถ่ายเรี่ยราดได้ดี
 

การพาน้องหมาออกไปเดินเล่นและขับถ่ายนอกบ้านควรทำเป็นเวลา แนะนำให้พาพวกเค้าออกไปเดินเล่นทันทีหลังจากตื่นนอน เมื่อถึงเวลาเล่นสนุก และหลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ควรเว้นระยะห่างระหว่างมื้ออาหารและเวลานอนให้เหมาะสม ลูกสุนัขจะได้ไม่ต้องกลั้นปัสสาวะนานจนเกินไป
 

เมื่อลูกสุนัขโตขึ้น พวกเค้าจะกลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกสุนัขวัย 2 เดือน จะกลั้นขับถ่ายได้นาน 2 ชั่วโมง แต่ระยะเวลามากสุดที่น้องหมาทำได้คือ 6 ชั่วโมง ไม่ควรปล่อยให้กลั้นนานเกินกว่านี้

  • การใช้คำสั่งร่วมกับการฝึก

การใช้คำสั่งจะช่วยให้เราสื่อสารกับน้องหมาได้ดีขึ้น หากใช้คำสั่งซ้ำ ๆ กับการกระทำบางอย่าง น้องหมาจะเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำพูดและการกระทำของคุณ เช่น พูดว่า “ไปคาบมา” ในขณะที่คุณโยนของเล่นหรือกิ่งไม้ น้องหมาจะเข้าใจว่าต้องไปเอาของกลับมา ในทำนองเดียวกัน เมื่อพาพวกเค้าไปขับถ่าย ให้พูดว่า “อึ” หรือ “เบ่ง” โดยชี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่งด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเค้าเรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

  • การให้รางวัลเมื่อน้องหมาทำได้ดี

การให้รางวัลช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับน้องหมา รางวัลเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบของขนม คำชม หรือช่วงเวลาเล่นกับของเล่นชิ้นโปรด นอกจากนี้การให้รางวัลยังช่วยส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี ทำให้พวกเค้าฝึกคำสั่งใหม่ ๆ ได้ดีขึ้น คุณสามารถให้รางวัลก่อนหรือหลังการฝึกก็ได้ แต่หลีกเลี่ยงการให้กลางคัน เช่น ระหว่างการขับถ่าย ควรรอให้พวกเค้าขับถ่ายเสร็จเรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ข้อควรระวัง – หากการฝึกขับถ่ายได้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้ผลเลย ให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ

  • เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการฝึกขับถ่ายให้ลูกสุนัข

คุณต้องเข้าใจว่าการฝึกเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ลูกสุนัขอาจใช้เวลาในการเรียนรู้มากน้อยแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม หากฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ พวกเค้าจะเชื่อฟังและเรียนรู้ได้ดีขึ้น ต่อไปนี้คือเรื่องที่เจ้าของควรรู้ก่อนเริ่มต้นฝึกลูกสุนัข

  • หลีกเลี่ยงการลงโทษเมื่อลูกสุนัขขับถ่ายไม่เป็นที่ เพราะจะทำให้ลูกสุนัขหวาดกลัวหรืออาจตอบโต้ด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว
  • หากลูกสุนัขขับถ่ายเป็นที่ ให้รางวัลพวกเค้า แต่ควรรอจนกว่าพวกเค้าจะขับถ่ายเสร็จเรียบร้อย
  • ควรอยู่เป็นเพื่อนลูกสุนัขตลอดเวลาขับถ่าย หากพวกเค้าใช้เวลานานกว่าปกติ ไม่ควรเร่งหรือบังคับให้พวกเค้าขับถ่าย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝึกลูกสุนัข

  1. ควรฝึกลูกสุนัขขับถ่ายอย่างไร?
  2. การฝึกขับถ่ายจะได้ผลดีหากทำเป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะเป็นเวลาให้อาหาร เวลาเล่นสนุก หรือเวลาขับถ่าย หากทำตามตารางเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ลูกสุนัขก็จะขับถ่ายตามเวลาที่กำหนดโดยอัตโนมัติ แนะนำให้ใช้วิธีฝึกเชิงบวกเพื่อป้องกันลูกสุนัขเกิดอาการหวาดกลัวและมีพฤติกรรมก้าวร้าว

  3. ควรเริ่มฝึกขับถ่ายให้ลูกสุนัขตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
  4. คุณสามารถเริ่มฝึกได้เมื่อลูกสุนัขมีอายุ 12 – 16 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่พวกเค้าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ได้แล้ว ลูกสุนัขอาจใช้เวลาประมาณ 4 – 6 เดือนในการฝึกขับถ่าย อย่างไรก็ตาม น้องหมาบางตัวอาจใช้เวลาเป็นปี หากการฝึกไม่ได้ผลหรือมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์

  5. ทำไมการฝึกลูกสุนัขขับถ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ?
  6. จุดประสงค์หลักในการฝึกขับถ่ายคือเพื่อป้องกันปัญหาลูกสุนัขขับถ่ายเรี่ยราด

  • How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods
    How Beet Pulp Ingredients Are Used in Our Dog Foods
    adp_description_block315
    เคล็ดลับแปรงฟันให้น้องหมาแฮปปี้

    • แบ่งปัน

    แน่นอนว่าเจ้าของทุกคนต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งการดูแลช่องปากก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเค้ามีสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพียงแค่หมั่นแปรงฟันสุนัขและพาไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี ก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคเหงือกอักเสบ การสะสมของคราบพลัคและหินปูน โรคเหล่านี้อาจส่งผลให้สูญเสียฟันก่อนวัยอันควรหรือเกิดการติดเชื้อในส่วนอื่นของร่างกาย

    การดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและเลือกให้อาหารคุณภาพดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ นอกจากนี้การทําความสะอาดฟันสุนัขยังช่วยให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเค้ามากขึ้น ส่งผลให้สายใยความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตามไปด้วย

     

    ทำไมการแปรงฟันให้สุนัขจึงเป็นเรื่องสำคัญ?

    เจ้าของทุกคนล้วนแล้วแต่อยากให้น้องหมามีช่องปากสุขภาพดี สะอาด และไม่ส่งกลิ่นเหม็น ตามมาดู 5 เหตุผลที่ทำไมการดูแลช่องปากและฟันจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพวกเค้า

     

    ป้องกันความเจ็บปวดในช่องปาก

    การที่แปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้พวกเค้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดฟันหรือการเจ็บปวดภายในช่องปาก 

     

    ป้องกันการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควร

    เมื่อรากฟันติดเชื้อหรือได้รับความเสียหาย ฟันก็จะหลุดร่วงออกมา ซึ่งการดูแลทําความสะอาดฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

     

    ป้องกันอวัยวะภายในล้มเหลว

    แบคทีเรียจากคราบพลัคสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด อีกทั้งยังแพร่กระจายไปยังตับ ไต และหัวใจได้อีกด้วย การแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้อาจทำให้น้องหมาป่วยและอวัยวะต่าง ๆ ได้รับอันตราย จึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเหล่านี้

     

    ป้องกันกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

    กลิ่นปากคือสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าควรได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างเหมาะสม เมื่อช่องปากสะอาด กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหายไป

     

    ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

    สุนัขที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเหงือกและฟัน ถึงแม้การป้องกันอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ควรแปรงฟันสุนัขเป็นประจำเพื่อลดโอกาสเสี่ยงไม่ให้ปัญหาในช่องปากลุกลามจนเป็นอันตรายต่อส่วนอื่นในร่างกาย

    น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเหมือนกับเรา แต่แตกต่างตรงที่พวกเค้ามีโอกาสเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบและการสูญเสียฟันมากกว่ามีปัญหาฟันผุ เนื่องจากมีฟันรูปทรงกรวย น้ำลายไม่เป็นกรด และส่วนใหญ่กินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ (หมายเหตุ: หากให้ขนมหรือของหวานบ่อย พวกเค้าก็อาจฟันผุได้เช่นกัน)

    การแปรงฟันสุนัขเป็นประจำจะช่วยให้ช่องปากและฟันของพวกเค้ามีสุขภาพดี ทั้งนี้ควรเลือกของเล่นที่เหมาะสำหรับการกัดแทะเพื่อป้องกันปัญหาฟันแตกหักระหว่างการเล่นด้วย

     

     

    วิธีแปรงฟันให้สุนัขมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

     

    เลือกมุมที่สงบเพื่อแปรงฟันสุนัข

    ในขณะที่แปรงฟันสุนัข ควรมีแค่คุณกับพวกเค้าเท่านั้น แนะนำให้แยกเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นออกไปก่อน

     

    ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ

    ควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะเท่านั้น 

     

    แปรงฟันสุนัขในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนขณะแปรงฟันให้สุนัข

     

    เริ่มแปรงฟันทีละส่วน

    แปรงฟันให้ครบทั้งฟันบนและล่าง เช็กให้แน่ใจว่าแปรงครบทุกด้าน จากนั้นอย่าลืมให้คำชมและรางวัลหลังแปรงเสร็จด้วย

     

    ทำความคุ้นเคยกับยาสีฟัน

    บีบยาสีฟันใส่นิ้วให้น้องหมาลองชิมดูก่อน เพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัส

     

    เริ่มจากแปรงฟันบนก่อน

    ยกริมฝีปากบนขึ้นและเริ่มจากแปรงฟันด้านหน้าก่อน

     

    จากนั้นเริ่มแปรงฟันล่างต่อ

    จับริมฝีปากล่างลง เริ่มต้นด้วยฟันหน้าก่อนขยับไปที่ฟันด้านข้างและด้านใน

     

    แปรงฟันให้ครบทั้งด้านข้างและด้านในช่องปาก

    หากน้องหมายอมนั่งนิ่ง ๆ ในขณะแปรงฟัน คุณสามารถแปรงทั้งด้านในและด้านนอกของฟันพร้อมกันได้เลย ทั้งนี้การแปรงฟันด้านในจะค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นควรให้น้องหมานั่งนิ่งเสียก่อน จึงค่อยเริ่มแปรงฟันทั้งด้านข้างและด้านใน

     

    ให้รางวัลตบท้ายหลังการแปรงฟัน

    การแปรงฟันอาจเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเค้า ทางที่ดีควรให้คำชมหรือรางวัลเพื่อให้กิจกรรมนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดี ถึงแม้ว่ามันอาจดูขัดแย้งที่ต้องให้ขนมหลังการแปรงฟัน แต่เป้าหมายหลักของการทำเช่นนี้ คือเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟัน 

     

    เริ่มแปรงฟันให้พวกเค้าตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข

    เมื่อลูกสุนัขมีอายุ 3 - 7 เดือน ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดไปพร้อมกับการงอกใหม่ของฟันแท้ ในช่วงนี้เจ้าของควรเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีฟันแท้ขึ้นซ้อนกับฟันน้ำนม เนื่องจากการเกิดฟันซ้อนเป็นสาเหตุของปัญหาฟันหัก ซึ่งพบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ทอย

    แม้ว่าอาหารเม็ดหรือของเล่นสำหรับกัดแทะจะมีส่วนช่วยในการขัดฟัน แต่เพื่อความสะอาดที่มากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขควบคู่ไปด้วย และเมื่อพาน้องหมาตัวใหม่กลับบ้าน ควรฝึกให้พวกเค้าคุ้นเคยกับการแปรงฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ  การทำเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้ตรวจเช็กสุขภาพฟัน รวมถึงฝึกควบคุมพฤติกรรมการกัดและงับของพวกเค้าได้อีกด้วย

     

    เลือกให้อาหารที่ดีมีคุณภาพ

    อาหารมีผลต่อ 'รอยยิ้ม' ของน้องหมา โดยอาหารเม็ดและขนมขัดฟันมีส่วนช่วยในการทําความสะอาดคราบพลัคบนฟันได้ การเคี้ยวหนังสัตว์หรือของเล่นบางชนิดก็ช่วยได้เช่นกัน แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายกับฟันของพวกเค้า แต่เจ้าของก็ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่กลืนของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ลงไปในท้อง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้กระดูกสัตว์เพื่อขัดฟันโดยเด็ดขาด

    อาหารสุนัขไอแอมส์™แบบเม็ด สำหรับสุนัขโต เช่น สูตรโปรแอคทีฟ เฮลท์™ มีเม็ดอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษซึ่งช่วยลดการสะสมของคราบหินปูน และเสริมให้น้องหมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น

     

    วิธีแปรงฟันสุนัขให้สะอาดและราบรื่น

    การฝึกแปรงฟันให้สุนัขต้องใช้เวลาและความอดทน เริ่มจากใช้นิ้วมือถูเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟันด้านนอกพวกเค้า หลังจากที่พวกเค้าปรับตัวได้แล้ว จึงค่อยเริ่มถูบริเวณด้านในช่องปาก

    เมื่อน้องหมาคุ้นเคยกับการถูฟันแล้ว จึงค่อยแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับรสชาติและเนื้อสัมผัสของยาสีฟัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันของคน หลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ให้เปลี่ยนจากการใช้นิ้วพันผ้าก๊อซมาเป็นแปรงสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะแทน

    ควรจับแปรงสีฟันในมุม 45 องศา ก่อนแปรงไปที่บริเวณฟันและเหงือกของพวกเค้า โดยให้หมุนเป็นวงกลมไปมาจนทั่ว จากนั้นให้แปรงขึ้นลงเพื่อขจัดคราบพลัคระหว่างฟัน ทําซ้ำจนกว่าฟันทั้งหมดจะสะอาด สำหรับการแปรงฟันด้านในอาจยุ่งยากเล็กน้อย เนื่องจากน้องหมาไม่ยอมเปิดปากหรือนิ่งนิ่ง ๆ ทั้งนี้เพื่อให้การทําความสะอาดมีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้แปรงฟันสุนัขสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง

     

    จะเลือกยาสีฟันที่เหมาะสําหรับสุนัขได้อย่างไร?

    หากคุณต้องการดูแลฟันสุนัขให้สะอาด สุขภาพดี คุณควรเลือกยาสีฟันที่สัตวแพทย์แนะนํา เพื่อให้แน่ใจว่าผ่านการรับรองหรือทดสอบแล้วว่าปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงป้องกันการสะสมของคราบพลัคและต่อสู้กับแบคทีเรียในช่องปากได้จริง ทั้งนี้แนะนำให้งดใช้ยาสีฟันของคน เพราะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งเป็นพิษต่อสุนัข

     

    วิธีการดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันของสุนัข

    ใช้กระดาษเปียกสำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะ

    กระดาษเปียกประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเช็ดและขจัดคราบพลัคบนฟันของสุนัขโดยเฉพาะ มันทำความสะอาดได้เช่นเดียวกับการใช้แปรงสีฟัน แต่มีความสะดวกมากกว่า

     

    ใช้วิธีแปรงฟันสุนัขเป็นประจำ

    การแปรงฟันให้สุนัขอาจดูยุ่งยากไปบ้าง แต่มันเป็นวิธีขจัดคราบพลัคและหินปูนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้เราไม่จำเป็นต้องแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน อาจจะแปรงสัปดาห์ 2 – 3 ครั้ง โดยเริ่มแรกพวกเค้าอาจไม่พอใจ ให้ฝึกบ่อย ๆ จะได้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น การแปรงฟันควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ หรือคุณอาจใช้นิ้วมือแทนก็ได้เช่นกัน คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคําแนะนําเพิ่มเติมได้

     

    ใช้ขนมขบเคี้ยวเป็นตัวช่วย

    การเคี้ยวเป็นวิธีทำความสะอาดฟันโดยธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันฟันผุ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของพวกเค้าด้วย การให้ขนมขบเคี้ยวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยขนมขบเคี้ยวมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดฟันได้ค่อนข้างดี เช่น หูวัวอบแห้ง ชิคเก้นสตริ๊ป และเนื้อวัวแบบแท่ง

     

    ให้ขนมขัดฟัน

    น้องหมาส่วนใหญ่ชื่นชอบขนมเป็นที่สุด ซึ่งขนมขัดฟันก็เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของพวกเค้า ขนมเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสะสมของคราบพลัค ลดกลิ่นปาก และทำความสะอาดฟัน บวกกับมีให้เลือกหลายรูปแบบ หลายขนาด และหลายรสชาติ จึงเป็นวิธีที่ถูกใจน้องหมามากกว่าการแปรงฟัน

     

    พบสัตวแพทย์เป็นประจำ

    การพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด คุณหมอสามารถกำหนดวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมา และสามารถระบุปัญหาสุขภาพที่เจ้าของอย่างคุณอาจมองข้ามไปได้

     

    เมื่อสุนัขต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

    หากน้องหมาไม่ให้ความร่วมมือในการแปรงฟัน หรือคุณเริ่มสังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลและพบเลือดออกตามไรฟันของพวกเค้า แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที โดยคุณหมอจะให้ยาชาก่อนเริ่มทำความสะอาดช่องปากและฟันของเจ้าตัวน้อย หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็จะขัดฟันเพื่อขจัดคราบพลัคและทำให้ฟันเรียบป้องกันไม่ให้คราบพลัคเกาะติดได้ง่าย

    การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมามาก ดังนั้นอย่าลืมแปรงฟันให้พวกเค้าเป็นประจำด้วยนะ

     

     

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของสุนัข

     

    จะดูแลฟันสุนัขให้สะอาดและสุขภาพดีได้อย่างไร?

    • คุณสามารถดูแลฟันสุนัขด้วยวิธีต่อไปนี้:
    • แปรงฟันให้สุนัขอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ
    • เตรียมของเล่นสำหรับกัดแทะไว้ให้พวกเค้า
    • หมั่นฉีดสเปรย์ทำความสะอาดช่องปาก
    • ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี

     

    น้องหมาจำเป็นต้องแปรงฟันจริงหรือไม่?

    น้องหมาก็ต้องแปรงฟันเช่นกัน! เพราะมีคราบพลัคและหินปูนซึ่งเกิดจากเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียตกค้างอยู่  เชื้อโรคเหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเหงือกจนทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรง หรือที่แย่กว่านั้นน้องหมาอาจสูญเสียฟันได้

     

    เราจะลดการสะสมของคราบพลัคได้อย่างไรบ้าง?

    การแปรงฟันคือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดคราบพลัคและหินปูน โดยแนะนำให้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ หรือจะใช้นิ้วมือถูฟันพวกเค้าเบา ๆ แทนการใช้แปรงก็ได้ แต่อาจต้องฝึกบ่อยครั้งเพื่อให้พวกเค้าคุ้นเคยกับวิธีดังกล่าว

     

    เราจะลดการสะสมของคราบหินปูนได้อย่างไรบ้าง?

    เลือกให้อาหารที่ผ่านการรับรองโดย Veterinary Oral Health Council (VOHC) เนื่องจากกระบวนการหรือกลไกทางเคมีที่ช่วยสะสมของคราบพลัคและหินปูนบนฟันสุนัขได้ โดยการก่อตัวของหินปูนจะเกิดช้าลงหากลดการสะสมของคราบพลัคลงได้ ทั้งนี้แนะนำให้แปรงฟันให้สุนัขเป็นประจำทุกวันด้วย

     

    เราสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากกับน้องหมาได้หรือไม่?

    สามารถใช้ได้ แต่แนะนำให้เลือกน้ำยาสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะเท่านั้น น้ำยาทำความสะอาดประเภทนี้จะช่วยลดแบคทีเรียและคราบพลัคในช่องปากได้ ส่วนวิธีใช้คือผสมให้เจือจางลงในชามน้ำของน้องหมา

Close modal