IAMS TH
คู่มือการเลือกอาหารให้ลูกสุนัข
คู่มือการเลือกอาหารให้ลูกสุนัข

adp_description_block138
คู่มือการเลือกอาหารให้ลูกสุนัข

  • แบ่งปัน

โภชนาการถือเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุนัข เพราะอาหารเป็นหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐาน เราจึงต้องใส่ใจและเลือกสรรโภชนาการให้เจ้าตัวน้อยอย่างพิถีพิถัน มันอาจเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องเลือกอาหารสุนัขมากมายหลายแบบในท้องตลาด แต่ไม่ต้องกังวลไป! ด้วยคู่มือการให้อาหารที่เรานำมาฝากกันนี้ คุณสามารถวางแผนการให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสมกับลูกสุนัขตัวน้อยได้อย่างแน่นอน
 

การให้อาหารลูกสุนัขในช่วงปีแรก

ลูกสุนัขโตเร็วกว่าเด็กประมาณ 12 เท่า นั่นเป็นเหตุผลที่ช่วงปีแรกของชีวิตเป็นช่วงที่สำคัญ และเป็นช่วงที่จะกำหนดพัฒนาการต่อ ๆ ไปของพวกเค้าด้วย โภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโต ทั้งนี้เพื่อให้เลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขได้อย่างเหมาะสม คุณสามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้ได้

  • 6 – 12 สัปดาห์ – ช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรกของการเจริญเติบโตเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกสุนัข คุณต้องดูแลพวกเค้าให้ดีที่สุด อาหารควรเลือกเป็นสูตรสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ และควรให้อาหาร 4 มื้อต่อวัน เนื่องจากเจ้าตัวน้อยเหล่านี้มีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างจากสุนัขในวัยอื่น
  • 3 – 6 เดือน – แนะนำให้ค่อย ๆ ลดจำนวนมื้ออาหารลง ให้เหลือเพียง 3 มื้อต่อวัน เมื่อลูกสุนัขมีอายุได้ 12 สัปดาห์ คุณอาจพบว่าพุงน้อย ๆ ของพวกเค้ายุบลง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ยังไม่ต้องปรับจำนวนมื้ออาหารลง ให้จำนวนเท่าเดิมไปจนกว่าคุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
  • 6 – 12 เดือน – เมื่อลูกสุนัขของคุณอายุ 6 ถึง 12 เดือน ให้เริ่มให้อาหารมันเพียงวันละสองครั้ง อาจปรึกษาสัตวแพทย์ว่าควรเปลี่ยนมาให้อาหารสำหรับสุนัขโตเมื่อใดและอย่างไร รวมถึงควรเริ่มวางแผนการทำหมันในช่วงวัยนี้ด้วยเช่นกัน

ความต้องการทางโภชนาการของลูกสุนัข

ลูกสุนัขต้องการปริมาณโปรตีนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสุนัขโตเต็มวัย เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ นอกจากนี้อาหารลูกสุนัขยังควรมีธาตุเหล็กที่ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เมื่อลูกสุนัขเติบโตขึ้น พวกเค้าจะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเพื่อให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีพัฒนาการที่ดี คุณควรเลือกอาหารที่มีดีเอชเอ ซึ่งช่วยเสริมการพัฒนาสมองและการมองเห็น สุดท้ายคือต้องมีพรีไบโอติกส์เพื่อเสริมการทำงานของลำไส้ ลูกสุนัขของคุณจะได้มีระบบย่อยและขับถ่ายที่แข็งแรง!
 

แนะนำให้เลือกสูตรอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยและขนาดพันธุ์ของสุนัข อย่างสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีระบบเผาผลาญไม่ดีเท่าสุนัขพันธุ์เล็กหรือพันธุ์กลาง พวกเค้าจึงต้องการอาหารที่แคลอรีน้อยกว่า ส่วนสุนัขพันธุ์เล็กก็ต้องการเม็ดอาหารที่เหมาะกับขนาดช่องปาก ต้องเคี้ยวง่ายแต่ยังคงอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน
 

หากคุณกำลังมองหาโภชนาการสำหรับเจ้าตัวน้อย อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรสำหรับแม่และลูกสุนัขคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ! เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นอย่างโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ผ่านการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการฝึกและพัฒนาการทางสมองของลูกสุนัข มั่นใจได้เลยว่าลูกสุนัขของคุณจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล นอกจากนี้อาหารของเรายังเหมาะสำหรับแม่สุนัขมือใหม่ด้วย โดยจะช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพต่อการเติบโตอย่างแข็งแรงของลูกสุนัข
 

อาหารต้องห้ามสำหรับลูกสุนัข

ได้เรียนรู้โภชนาการที่เหมาะสมไปแล้ว ถึงเวลาของอาหารต้องห้ามกันบ้าง โดยรายการอาหารที่เป็นอันตรายต่อลูกสุนัข มีดังนี้

  • ไซลิทอล (สารให้ความหวาน)
  • องุ่น
  • ลูกเกด
  • หัวหอม
  • กระเทียม
  • ช็อกโกแลต
  • ถั่วแมคาเดเมีย

การดูแลและควบคุมน้ำหนักของลูกสุนัข

การมีรูปร่างอ้วนจ้ำม่ำอาจทำให้ลูกสุนัขดูน่ารักน่ากอด แต่ในความเป็นจริง มันส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเค้ามากกว่าที่เราคิด โรคอ้วนมักนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนและปัญหาสุขภาพมากมาย ผู้เลี้ยงจึงควรกำหนดปริมาณอาหารและขนมในแต่ละวันอย่างเหมาะสม เราไม่จำเป็นต้องให้รางวัลเป็นขนมเสมอไป สามารถเปลี่ยนเป็นการพูดชมหรือสัมผัสตัวเบา ๆ แทนได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการให้อาหารลูกสุนัข

  1. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารชนิดใดดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข?
  2. การเลือกอาหารอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของส่วนใหญ่ เนื่องจากในปัจจุบันมีอาหารสุนัขให้เลือกหลากหลายแบบ แต่วิธีการเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข คือเลือกให้เหมาะกับช่วงวัย สายพันธุ์ และความต้องการทางโภชนาการ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้อาหารเจ้าตัวน้อย

  3. ควรให้อาหารลูกสุนัขอย่างไร?
  4. คุณควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลแก่ลูกสุนัข โดยสามารถให้ได้ทั้งอาหารเม็ดและอาหารเปียก หรือจะผสมอาหารทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันก็ได้

  5. ควรให้อาหารลูกสุนัขมากน้อยแค่ไหน?
  6. คุณสามารถกำหนดจำนวนมื้ออาหารให้ลูกสุนัขตามตารางด้านล่างนี้

    อายุ

    จำนวนมื้ออาหาร

    6 – 12 สัปดาห์

    4

    3 – 6 เดือน

    3

    6 – 12 เดือน

    2

  7. อาหารที่ดีต่อสุขภาพลูกสุนัขมีอะไรบ้าง?
  8. ไก่ เนื้อวัว ปลา ผลไม้และผักเป็นส่วนผสมในอาหารสุนัขที่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขมักจะอุดมไปด้วยโปรตีน ดังนั้นควรเลือกอาหารสุนัขที่มีเนื้อไก่ เนื้อวัว หรือปลาเป็นส่วนประกอบหลัก

  • วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    adp_description_block338
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข

    • แบ่งปัน

    เราเชื่อว่าผู้เลี้ยงทุกคนอยากให้น้องหมามีชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงามืดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเค้าได้  อย่างการแพร่กระจายของเห็บและหมัด ปรสิตตัวร้ายเหล่านี้มีขนาดเล็ก สังเกตได้ยาก จึงต้องอาศัยความระมัดระวังและจัดการในทันทีที่พบเจอ
     

    วงจรชีวิตของเห็บและหมัด

    เพื่อปกป้องน้องหมาจากการติดเชื้อปรสิต คุณควรทำความเข้าใจวงจรชีวิตของพวกมัน
     

    หมัด

    หมัดมีวงจรชีวิตสี่ระยะ ได้แก่

    • ระยะไข่ – ไข่หมัดมีขนาดเล็กและมีสีขาว โดยหมัดตัวเมียจะวางไข่บนตัวสุนัข ซึ่งมักจะตกหล่นอยู่ตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น พรม ผ้าปูที่นอน และรอยแตกบนพื้น 
    • ระยะตัวอ่อน – หลังระยะวางไข่ประมาณ 2 วัน – 2 สัปดาห์ ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนอน พวกมันจะกินอินทรียวัตถุในสิ่งแวดล้อมเป็นอาหาร
    • ระยะดักแด้ – จากนั้นตัวอ่อนจะหมุนรังไหมป้องกันตัวเองและเข้าสู่ระยะดักแด้ ระยะนี้อาจใช้เวลาหลายเดือน ทำให้ยากต่อการกำจัด
    • ระยะตัวเต็มวัย – หมัดตัวเต็มวัยจะโผล่ออกมาจากดักแด้ พร้อมที่จะกระโดดขึ้นไปบนตัวสุนัข กินเลือดและวางไข่เพื่อเริ่มวงจรใหม่
       

    เห็บ

    แม้จะมีวงจรชีวิตแตกต่างกัน แต่ก็ก่อให้เกิดอันตรายที่คล้ายกัน โดยพวกมันมีวงจรชีวิตดังนี้

    • ระยะไข่ – เห็บตัวเมียจะวางไข่หลายพันฟองในสิ่งแวดล้อม โดยมักอยู่ตามหญ้าสูงหรือพื้นที่ป่า
    • ระยะตัวอ่อน – หลังฟักตัวออกจากไข่ ตัวอ่อนของเห็บจะมีหกขาและกระตือรือร้นที่จะหาที่อยู่ พวกมันจะปีนขึ้นไปบนตัวสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะลอกคราบ
    • ระยะตัวกลางวัย – ตัวอ่อนจะพัฒนาเป็นตัวแปดขา โดยยังต้องอาศัยการกินเลือดเพื่อเติบโต
    • ระยะตัวเต็มวัย – เห็บตัวเต็มวัยจะหาอาหารเป็นครั้งสุดท้าย โดยเกาะติดกับสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะแยกตัวออกไปผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดวงจร
       

    สัญญาณเตือนของการติดเชื้อเห็บหมัด

    การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการปรสิตเหล่านี้
     

    หมัดกับสุนัข

    หมัดเป็นแมลงตัวเล็กไม่มีปีก พวกมันกินเลือดสุนัขเป็นอาหาร ซึ่งการกัดและการกินเลือดของพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหากับสุนัขดังนี้

    • มีอาการคัน เกาตัวบ่อยผิดปกติ – เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาการคันเกิดจากการถูกหมัดกัด และการแพ้น้ำลายของหมัด
    • ขนร่วง – หมัดอาจทำให้ขนร่วงได้ โดยเฉพาะบริเวณโคนหางและท้อง
    • อาการระคายเคือง – หมัดกัดอาจทำให้ผิวหนังแดงและระคายเคืองได้
    • เหงือกซีด – ในกรณีที่หมัดระบาดอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งทำให้เหงือกซีดได้
    • มีสิ่งสกปรกจากหมัด – สิ่งสกปรกจากหมัดหมายถึงของเสีย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ สามารถพบได้ในขนสุนัขหรือบนเตียง
       

    เห็บกับสุนัข

    เห็บมีแปดขาและมีขนาดตัวใหญ่กว่าหมัด พวกมันเกาะติดกับผิวหนังสุนัขเพื่อกินเลือด เห็บสามารถแพร่โรคต่าง ๆ ไปยังสุนัขได้ เช่น โรคลายม์ โรคอะนาพลาสโมซิส และโรคไข้พุพองเทือกเขาร็อคกี้ หากน้องหมาติดเชื้อ คุณอาจพบอาการเหล่านี้

    • เห็นตัวเห็บ – เห็บมักมองเห็นได้ง่าย พบได้บริเวณหัว คอ หู อุ้งเท้า และขาหนีบ
    • ตุ่มแดงและบวม – การติดเชื้อเห็บมักจะทำให้เกิดตุ่มแดงและอาการบวมบนผิวหนังของสุนัข
    • อาการเซื่องซึม – สุนัขอาจมีอาการเซื่องซึมหรือเหนื่อยง่าย
    • ไข้ – เป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกว่าสุนัขติดเชื้อเห็บ
       

    การรักษาหมัดและเห็บ

    เมื่อตรวจพบการระบาดของปรสิตในสุนัข ผู้เลี้ยงควรทำการดูแลรักษาโดยทันที
     

    การรักษาหมัดในสุนัข

    วิธีรับมือกับหมัดมีหลายขั้นตอน โดยมีทางเลือกในการจัดการดังนี้

    • ยากิน – ยาเม็ดแบบเคี้ยวช่วยป้องกันหมัดได้ยาวนานและใช้งานง่าย
    • ยารักษาเฉพาะที่ – ยาประเภทนี้แนะนำให้ใช้กับผิวหนังของสุนัขโดยตรง สามารถหยอดบริเวณสะบัก เป็นวิธีควบคุมหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและอาจกำจัดเห็บได้ด้วย
    • แชมพูและสเปรย์กำจัดหมัด – แม้จะออกฤทธิ์ได้ไม่นานเท่ายากินและยารักษาเฉพาะที่ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ช่วยกำจัดหมัดได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น

    ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยคุณหมอจะพิจารณาจากอายุ สายพันธุ์ และความต้องการเฉพาะของน้องหมา
     

    การรักษาเห็บในสุนัข

    หากพบเห็บบนตัวสุนัข ให้กำจัดออกทันทีตามขั้นตอนต่อไปนี้

    • ใช้แหนบปลายแหลมดึงออก โดยจับเห็บให้ใกล้กับผิวมากที่สุด
    • ค่อย ๆ ดึงเห็บออกอย่างช้า ๆ หลีกเลี่ยงการบิดหรือขยี้เห็บ เพราะจะทำให้น้ำลายไหลเข้าไปในรอยกัดได้มากขึ้น
    • หลังจากดึงเห็บออกแล้ว ให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทและกำจัดเห็บอย่างเหมาะสม อย่าบดหรือทิ้งมันลงในชักโครก
    • ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือแผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

    หมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมของน้องหมาอย่างใกล้ชิด หากพบอาการบวมแดงหรือมีไข้ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

    เคล็ดลับ – หลีกเลี่ยงการใช้วิธีรักษาบางวิธี เช่น ใช้ปิโตรเลียมเจลลีหรือไม้ขีดเพื่อกำจัดเห็บ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เห็บปล่อยน้ำลายออกมามากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคได้
     

    การป้องกันเห็บหมัดในสุนัข

    แนวทางป้องกันเห็บและหมัดตัวร้ายที่ดีที่สุดมีขั้นตอนดังนี้
     

    การตรวจหาและกำจัดตั้งแต่เนิ่น ๆ

    • ตรวจสอบสม่ำเสมอ – หมั่นตรวจสอบขนและผิวหนังของน้องหมา โดยเฉพาะบริเวณหัว หู คอ และรักแร้ เพื่อหาสัญญาณของเห็บหมัด
    • ดูแลขนเป็นประจำ – การแปรงขนจะช่วยกำจัดหมัดและสิ่งสกปรกได้ นอกจากนี้ยังทำให้พบเจอสิ่งผิดปกติได้ง่ายและเร็วขึ้น
    • ทำความสะอาด – ซักเบาะนอนของน้องหมา ดูดฝุ่นและทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อกำจัดหมัดที่มีอยู่และป้องกันการแพร่กระจายในอนาคต
       

    การป้องกัน

    • ดูแลป้องกันทุกเวลา – แนะนำให้ดูแลเอาใจใส่น้องหมาอย่างสม่ำเสมอ เห็บหมัดสามารถมีชีวิตอยู่ในบ้านได้เป็นเวลานานและพบเจอตลอดทั้งปี
    • รักษาสภาพแวดล้อม – หากสงสัยว่ามีเห็บหมัดในบ้านหรือในสวน ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดสัตว์รบกวนเหล่านี้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
    • ระมัดระวังเมื่อต้องเดินทาง – ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเดินทาง เนื่องจากสภาพแวดล้อมใหม่อาจเป็นที่อยู่ของประชากรปรสิตที่แตกต่างกัน

    การปกป้องน้องหมาจากเห็บหมัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี หากมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการใช้ยาและรักษาความสะอาด น้องหมาของคุณก็จะปลอดภัยจากปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมาของคุณ

Close modal