IAMS TH
ประโยชน์สำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสุนัข
ประโยชน์สำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสุนัข

adp_description_block238
ประโยชน์สำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสุนัข

  • แบ่งปัน

สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารเคมีที่ร่างกายใช้ยับยั้งหรือชะลอการเกิดของอนุมูลอิสระ ซึ่งหากมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดความผิดปกติ และความเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้ โดยที่สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างอนุมูลอิสระและหยุดการทำลายเซลล์ที่ดีในร่างกาย 
 

นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระยังมีประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยง โดยมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่อาหารสุนัขไอแอมส์™ ทุกสูตรมีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ
 

สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารอาหารสำคัญที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยให้ร่างกายของน้องหมาแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ ทั้งนี้ไอแอมส์™ ได้ทำการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับน้องหมาสูงวัยโดยเฉพาะ
 

ตามมาดูกันเลยว่าสารต้านอนุมูลอิสระในผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขของไอแอมส์™ มีประโยชน์ต่อร่างกายของน้องหมาอย่างไรบ้าง

 

คุณประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ

โดยทั่วไปร่างกายสามารถผลิตสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาเองได้ รวมถึงสามารถพบได้ในพืชผักผลไม้บางชนิด สารต้านอนุมูลอิสระที่พบบ่อย ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารประกอบที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ (เช่นลูทีนและเบต้าแคโรทีน) สำหรับอาหารสุนัขที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจะมีคุณประโยชน์ดังนี้:

  • ชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่เกิดในร่างกาย
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับสุนัขสูงวัย
     

การทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ

สารอนุมูลอิสระจะถูกสร้างขึ้นในร่างกายโดยธรรมชาติและมีหน้าที่สำคัญในหลาย ๆ กระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ แต่สารอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีความไม่เสถียรสูง และมักจับคู่กับโมเลกุลของเซลล์อื่น ๆ เช่น ไขมัน โปรตีน หรือดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งการจับคู่นี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายตามมา
 

เนื่องจากการทำปฏิกิริยากับโมเลกุลต่าง ๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายขาดความสมดุล สุดท้ายก็ทำให้เซลล์ร่างกายเสียหายและตายไป โดยกระบวนการที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่าเปอร์ออกซิเดชัน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์ เพราะช่วยทำลายเซลล์ร่างกายที่หมดอายุออกไป อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อโรคและปรสิต อย่างไรก็ตามหากเกิดกระบวนการนี้มากจนเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและส่งผลให้เซลล์ที่ดีถูกทำลายไปด้วย
 

สารต้านอนุมูลอิสระจะทำปฏิกิริยากับสารอนุมูลอิสระ เพื่อยับยั้งความเสียหายของเซลล์ในร่างกาย และช่วยเสริมให้เซลล์มีความเสถียรมากยิ่งขึ้นด้วย
 

หากมีสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอที่จะยับยั้งกระบวนการเปอร์ออกซิเดชัน สารอนุมูลอิสระจะเริ่มทำลายเซลล์ร่างกายที่ดี ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ระบบภูมิคุ้มกันเสียหายจนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

 

สารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสุนัขไอแอมส์™ สูตรสำหรับสุนัขโตและลูกสุนัข

ทำไมสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีความสำคัญสำหรับน้องหมา?

น้องหมามีโอกาสได้รับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากกว่าเรา สารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับน้องหมา เนื่องจากมีส่วนช่วยป้องกันความเสียหาย รวมถึงช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยและโรคร้ายต่าง ๆ 


นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยส่งเสริมการทำงานของตับที่มีหน้าที่ทำให้สารพิษสามารถละลายในน้ำได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้สามารถขับออกจากร่างกายผ่านทางเดินอาหารและไตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

ทั้งนี้จากผลงานวิจัยล่าสุดพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดมีผลต่อการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของน้องหมา โดยชี้ให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง


อาหารสุนัขไอแอมส์™ สูตรสำหรับสุนัขโตและลูกสุนัขมีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ ดังต่อไปนี้:

 

สารต้านอนุมูลอิสระ

แหล่งที่มา

การทำงาน

วิตามิน อี

สารสกัดน้ำมันพืชและโทโคฟีรอล

การกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

เบต้าแคโรทีน

วิตามินรวม ข้าวโพดบดละเอียด ผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่และไขมันไก่

เพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์เม็ดเลือด และเพิ่มระดับแอนติบอดีในเลือด


เมื่อทราบถึงประโยชน์และความจำเป็นของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีต่อน้องหมาแล้ว ต่อไปนี้คือรายชื่อสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดสำหรับน้องหมา

 

สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีสำหรับน้องหมา
 

วิตามิน ซี

  • หนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่สุดสำหรับสุขภาพร่างกายของน้องหมา
  • มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมบาดแผลและลดการอักเสบ
  • เพิ่มพลังงานให้น้องหมาสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่


วิตามิน อี

  • หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดสำหรับน้องหมาที่ป่วยเป็นมะเร็ง
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • บำรุงหลอดเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจ


เบต้าแคโรทีน

  • ถือเป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับน้องหมา
  • ช่วยเพิ่มจำนวนแอนติบอดีในเลือด และช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคในน้องหมาสูงวัย


โพลีฟีนอล

  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม เนื่องจากช่วยให้สุขภาพร่างกายของน้องหมาแข็งแรง
  • ป้องกันจากโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งและเบาหวาน
     

สารต้านอนุมูลอิสระหาได้จากที่ไหนบ้าง?

สารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติพบได้ในสิ่งเหล่านี้:
 

ผักและผลไม้

สารต้านอนุมูลอิสระพบได้มากในผักและผลไม้ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย โดยสามารถพบสารต้านอนุมูลอิสระได้ในบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี ลูกแพร์ กะหล่ำปลีแดง และคะน้า ทั้งนี้ควรตรวจสอบก่อนว่ามีผักและผลไม้ชนิดใดบ้างที่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายกับน้องหมา
 

อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

เพื่อให้เจ้าตัวน้อยร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี เจ้าของควรเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินที่ดี เหมาะกับความต้องการในแต่ละช่วงวัย 
 

โดยเริ่มจากการมองหาอาหารสุนัขที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ พรีไบโอติก วิตามิน แร่ธาตุ และมีสารที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เพื่อให้สารอาหารสำคัญดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของน้องหมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารอาหารเหล่านี้มีอัตราส่วนที่เหมาะสมต่อความต้องการของพวกเค้าด้วย
 

เพื่อสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้เลือกอาหารสุนัขไอแอมส์™ สูตรโปรแอคทีฟ เฮลท์™ โดยคุณสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับน้องหมาที่สุดจากการเลือกตามช่วงอายุของพวกเค้า

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารสุนัข

  1. อาหารชนิดใดบ้างที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ?
  2. ผลไม้ ถั่ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และผัก คือแหล่งที่มาของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี การให้อาหารที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยลดความเครียดในสุนัขได้ดี และลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้อีกด้วย

  3. อาหารชนิดใดบ้างที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมร่างกาย?
  4. อาหารจำพวกเครื่องในสัตว์ เห็ด น้ำซุปจากการเคี่ยวกระดูกสัตว์ และนมแพะ มีส่วนช่วยให้ร่างกายรักษาบาดแผลได้เร็วยิ่งขึ้น

  5. หากน้องหมาได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากเกินไปจะเป็นอันตรายหรือไม่?
  6. ถึงแม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อคำนวณปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาของคุณ

  7. สารต้านอนุมูลอิสระหลักทั้ง 3 ชนิด มีอะไรบ้าง?
  8. สารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่สุด 3 ชนิด ได้แก่ วิตามินอี วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน

  9. สารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์กับน้องหมาจริงหรือไม่?
  10. อาหารสุนัขที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันความเสียหายในร่างกายอันเกิดจากสารอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย

  • วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    adp_description_block490
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข

    • แบ่งปัน

    เราเชื่อว่าผู้เลี้ยงทุกคนอยากให้น้องหมามีชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงามืดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเค้าได้  อย่างการแพร่กระจายของเห็บและหมัด ปรสิตตัวร้ายเหล่านี้มีขนาดเล็ก สังเกตได้ยาก จึงต้องอาศัยความระมัดระวังและจัดการในทันทีที่พบเจอ
     

    วงจรชีวิตของเห็บและหมัด

    เพื่อปกป้องน้องหมาจากการติดเชื้อปรสิต คุณควรทำความเข้าใจวงจรชีวิตของพวกมัน
     

    หมัด

    หมัดมีวงจรชีวิตสี่ระยะ ได้แก่

    • ระยะไข่ – ไข่หมัดมีขนาดเล็กและมีสีขาว โดยหมัดตัวเมียจะวางไข่บนตัวสุนัข ซึ่งมักจะตกหล่นอยู่ตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น พรม ผ้าปูที่นอน และรอยแตกบนพื้น 
    • ระยะตัวอ่อน – หลังระยะวางไข่ประมาณ 2 วัน – 2 สัปดาห์ ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนอน พวกมันจะกินอินทรียวัตถุในสิ่งแวดล้อมเป็นอาหาร
    • ระยะดักแด้ – จากนั้นตัวอ่อนจะหมุนรังไหมป้องกันตัวเองและเข้าสู่ระยะดักแด้ ระยะนี้อาจใช้เวลาหลายเดือน ทำให้ยากต่อการกำจัด
    • ระยะตัวเต็มวัย – หมัดตัวเต็มวัยจะโผล่ออกมาจากดักแด้ พร้อมที่จะกระโดดขึ้นไปบนตัวสุนัข กินเลือดและวางไข่เพื่อเริ่มวงจรใหม่
       

    เห็บ

    แม้จะมีวงจรชีวิตแตกต่างกัน แต่ก็ก่อให้เกิดอันตรายที่คล้ายกัน โดยพวกมันมีวงจรชีวิตดังนี้

    • ระยะไข่ – เห็บตัวเมียจะวางไข่หลายพันฟองในสิ่งแวดล้อม โดยมักอยู่ตามหญ้าสูงหรือพื้นที่ป่า
    • ระยะตัวอ่อน – หลังฟักตัวออกจากไข่ ตัวอ่อนของเห็บจะมีหกขาและกระตือรือร้นที่จะหาที่อยู่ พวกมันจะปีนขึ้นไปบนตัวสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะลอกคราบ
    • ระยะตัวกลางวัย – ตัวอ่อนจะพัฒนาเป็นตัวแปดขา โดยยังต้องอาศัยการกินเลือดเพื่อเติบโต
    • ระยะตัวเต็มวัย – เห็บตัวเต็มวัยจะหาอาหารเป็นครั้งสุดท้าย โดยเกาะติดกับสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะแยกตัวออกไปผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดวงจร
       

    สัญญาณเตือนของการติดเชื้อเห็บหมัด

    การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการปรสิตเหล่านี้
     

    หมัดกับสุนัข

    หมัดเป็นแมลงตัวเล็กไม่มีปีก พวกมันกินเลือดสุนัขเป็นอาหาร ซึ่งการกัดและการกินเลือดของพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหากับสุนัขดังนี้

    • มีอาการคัน เกาตัวบ่อยผิดปกติ – เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาการคันเกิดจากการถูกหมัดกัด และการแพ้น้ำลายของหมัด
    • ขนร่วง – หมัดอาจทำให้ขนร่วงได้ โดยเฉพาะบริเวณโคนหางและท้อง
    • อาการระคายเคือง – หมัดกัดอาจทำให้ผิวหนังแดงและระคายเคืองได้
    • เหงือกซีด – ในกรณีที่หมัดระบาดอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งทำให้เหงือกซีดได้
    • มีสิ่งสกปรกจากหมัด – สิ่งสกปรกจากหมัดหมายถึงของเสีย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ สามารถพบได้ในขนสุนัขหรือบนเตียง
       

    เห็บกับสุนัข

    เห็บมีแปดขาและมีขนาดตัวใหญ่กว่าหมัด พวกมันเกาะติดกับผิวหนังสุนัขเพื่อกินเลือด เห็บสามารถแพร่โรคต่าง ๆ ไปยังสุนัขได้ เช่น โรคลายม์ โรคอะนาพลาสโมซิส และโรคไข้พุพองเทือกเขาร็อคกี้ หากน้องหมาติดเชื้อ คุณอาจพบอาการเหล่านี้

    • เห็นตัวเห็บ – เห็บมักมองเห็นได้ง่าย พบได้บริเวณหัว คอ หู อุ้งเท้า และขาหนีบ
    • ตุ่มแดงและบวม – การติดเชื้อเห็บมักจะทำให้เกิดตุ่มแดงและอาการบวมบนผิวหนังของสุนัข
    • อาการเซื่องซึม – สุนัขอาจมีอาการเซื่องซึมหรือเหนื่อยง่าย
    • ไข้ – เป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกว่าสุนัขติดเชื้อเห็บ
       

    การรักษาหมัดและเห็บ

    เมื่อตรวจพบการระบาดของปรสิตในสุนัข ผู้เลี้ยงควรทำการดูแลรักษาโดยทันที
     

    การรักษาหมัดในสุนัข

    วิธีรับมือกับหมัดมีหลายขั้นตอน โดยมีทางเลือกในการจัดการดังนี้

    • ยากิน – ยาเม็ดแบบเคี้ยวช่วยป้องกันหมัดได้ยาวนานและใช้งานง่าย
    • ยารักษาเฉพาะที่ – ยาประเภทนี้แนะนำให้ใช้กับผิวหนังของสุนัขโดยตรง สามารถหยอดบริเวณสะบัก เป็นวิธีควบคุมหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและอาจกำจัดเห็บได้ด้วย
    • แชมพูและสเปรย์กำจัดหมัด – แม้จะออกฤทธิ์ได้ไม่นานเท่ายากินและยารักษาเฉพาะที่ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ช่วยกำจัดหมัดได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น

    ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยคุณหมอจะพิจารณาจากอายุ สายพันธุ์ และความต้องการเฉพาะของน้องหมา
     

    การรักษาเห็บในสุนัข

    หากพบเห็บบนตัวสุนัข ให้กำจัดออกทันทีตามขั้นตอนต่อไปนี้

    • ใช้แหนบปลายแหลมดึงออก โดยจับเห็บให้ใกล้กับผิวมากที่สุด
    • ค่อย ๆ ดึงเห็บออกอย่างช้า ๆ หลีกเลี่ยงการบิดหรือขยี้เห็บ เพราะจะทำให้น้ำลายไหลเข้าไปในรอยกัดได้มากขึ้น
    • หลังจากดึงเห็บออกแล้ว ให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทและกำจัดเห็บอย่างเหมาะสม อย่าบดหรือทิ้งมันลงในชักโครก
    • ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือแผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

    หมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมของน้องหมาอย่างใกล้ชิด หากพบอาการบวมแดงหรือมีไข้ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

    เคล็ดลับ – หลีกเลี่ยงการใช้วิธีรักษาบางวิธี เช่น ใช้ปิโตรเลียมเจลลีหรือไม้ขีดเพื่อกำจัดเห็บ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เห็บปล่อยน้ำลายออกมามากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคได้
     

    การป้องกันเห็บหมัดในสุนัข

    แนวทางป้องกันเห็บและหมัดตัวร้ายที่ดีที่สุดมีขั้นตอนดังนี้
     

    การตรวจหาและกำจัดตั้งแต่เนิ่น ๆ

    • ตรวจสอบสม่ำเสมอ – หมั่นตรวจสอบขนและผิวหนังของน้องหมา โดยเฉพาะบริเวณหัว หู คอ และรักแร้ เพื่อหาสัญญาณของเห็บหมัด
    • ดูแลขนเป็นประจำ – การแปรงขนจะช่วยกำจัดหมัดและสิ่งสกปรกได้ นอกจากนี้ยังทำให้พบเจอสิ่งผิดปกติได้ง่ายและเร็วขึ้น
    • ทำความสะอาด – ซักเบาะนอนของน้องหมา ดูดฝุ่นและทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อกำจัดหมัดที่มีอยู่และป้องกันการแพร่กระจายในอนาคต
       

    การป้องกัน

    • ดูแลป้องกันทุกเวลา – แนะนำให้ดูแลเอาใจใส่น้องหมาอย่างสม่ำเสมอ เห็บหมัดสามารถมีชีวิตอยู่ในบ้านได้เป็นเวลานานและพบเจอตลอดทั้งปี
    • รักษาสภาพแวดล้อม – หากสงสัยว่ามีเห็บหมัดในบ้านหรือในสวน ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดสัตว์รบกวนเหล่านี้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
    • ระมัดระวังเมื่อต้องเดินทาง – ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเดินทาง เนื่องจากสภาพแวดล้อมใหม่อาจเป็นที่อยู่ของประชากรปรสิตที่แตกต่างกัน

    การปกป้องน้องหมาจากเห็บหมัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี หากมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการใช้ยาและรักษาความสะอาด น้องหมาของคุณก็จะปลอดภัยจากปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมาของคุณ

Close modal