IAMS TH
cat article detail banner
cat article detail banner

adp_description_block276
เคล็ดลับการให้อาหารฉบับแมวเหมียว

  • แบ่งปัน

น้องแมวต้องการกรดไขมันและโปรตีนมากกว่าคน รวมไปถึงสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเค้ามีนิสัยกินทีละนิดทีละหน่อยแต่กินหลายมื้อต่อวัน ดังนั้นการเลือกอาหารจึงสำคัญมาก และอาหารแมวไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแมวโต รสไก่ คือตัวเลือกที่ดีเลย นอกจากรสชาติอร่อยถูกใจเจ้าเหมียวแล้ว ยังคงความสดใหม่ได้ยาวนานอีกด้วย

เคล็ดลับการให้อาหารฉบับแมวเหมียว

คุณค่าทางโภชนาการที่เจ้าเหมียวต้องการ

แมวเหมียวต้องการโปรตีนจากสัตว์ พร้อมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ในอัตราส่วนที่ครบถ้วนและสมดุล เพื่อเสริมให้พวกเค้ามีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารเสริมที่ไม่จำเป็น เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอีกมากมาย ในการเลือกอาหารให้เจ้าเหมียวตัวน้อย ควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้:

  • โปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อสัตว์ เนื้อไก่ เนื้อปลา หรือไข่ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รวมไปถึงระบบภูมิต้านทาน และอวัยวะต่าง ๆ
  • กรดอะมิโนทอรีน ซึ่งพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น ทั้งเนื้อไก่และปลา ช่วยให้มีสุขภาพดวงตาที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยเสริมการทำงานของระบบสืบพันธุ์ การเจริญเติบโตของลูกแมวในท้อง และพัฒนาการด้านต่าง ๆ
  • วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามิน A ซึ่งพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น และวิตามิน E ที่ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  • อัตราส่วนที่สมดุลของกรดไขมัน ช่วยให้สุขภาพผิวหนังดี และมีขนนุ่มเงางาม
  • ไฟเบอร์คุณภาพดี เช่น บีทพัลพ์ ที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยและขับถ่าย

เคล็ดลับการให้อาหารฉบับแมวเหมียว

โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับแมวเหมียว

  • แม่แมวตั้งท้อง หรือ แม่แมวที่กำลังให้นมลูก

     แม่แมวที่กำลังตั้งท้องต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 50% จากปริมาณปกติ โดยเราสามารถให้อาหารสูตรลูกแมวในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งท้องกับพวกเค้าได้ เพราะมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วนตรงกับความต้องการ หลังคลอด แม่แมวต้องการพลังเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 75% โดยจะมากกว่าปกติถึงสองเท่าในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด และเพิ่มเป็นสามเท่าเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม ระหว่างสัปดาห์สามถึงสี่จะเป็นช่วงที่แม่แมวต้องการพลังงานมากที่สุด เพราะต้องให้นมลูกแมวตัวน้อยที่ยังไม่สามารถกินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียกได้ เมื่อลูกแมวถึงวัยหย่านม แม่แมวจึงจะสามารถกลับมากินอาหารสูตรทั่วไปได้

เคล็ดลับการให้อาหารฉบับแมวเหมียว

  • ควบคุมน้ำหนัก

    สำหรับปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น แมวโตเต็มวัยต้องการสารอาหารแตกต่างจากลูกแมว และแมวสูงวัย ดังนั้นการเพิ่มปริมาณอาหารที่ไม่เหมาะกับช่วงวัยเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการทางโภชนาการ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เจ้าเหมียวอ้วนได้ ซึ่งนี่เป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม
    โดยทั่วไปแมวที่เลี้ยงในบ้านมีความเสี่ยงจะมีภาวะน้ำหนักเกินได้ง่าย เพราะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย แต่ในฐานะเจ้าของ คุณต้องใส่ใจกับปริมาณอาหารที่เจ้าเหมียวได้รับในแต่ละวัน หรืออาจเลือกให้อาหารสูตรใหม่ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักก็ได้ ตามมาดูเคล็ดลับการให้อาหารที่จะช่วยให้เจ้าเหมียวของคุณมีน้ำหนักตัวตามมาตรฐาน และมีสุขภาพแข็งแรงกัน

what shape

 

แม้จะเลือกสูตรอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก แต่ก็ควรกำหนดปริมาณอาหารตามคำแนะนำอย่างเหมาะสมนะ

  • ป้องกันปัญหาก้อนขนอุดตัน

    โดยทั่วไปเจ้าเหมียวมักเลียขนเป็นประจำ และนั่นอาจทำให้พวกเค้ากลืนขนตัวเองลงไป ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันในช่องท้องได้ หากก้อนขนเหล่านั้นไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้มาได้ เจ้าเหมียวอาจพยายามสำรอกมันออกมา การเลือกอาหารสูตรพิเศษจะช่วยป้องกันการเกิดก้อนขนอุดตันได้ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงหากผสมกับอาหารสูตรอื่น

ความแตกต่างทางพฤติกรรมการกินของแมวน้ำหนักน้อยกับแมวอ้วน

  • แมวน้ำหนักน้อย:

    น้องแมวที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ต้องการสารอาหารมากขึ้น เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในที่สุด นอกจากนี้การเพิ่มปริมาณแคลอรี่ก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อให้พวกเค้ามีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับเจ้าตัวน้อยของคุณ
  • แมวอ้วน:

    แมวที่มีภาวะอ้วนควรควบคุมปริมาณอาหารอย่างเคร่งครัด และควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ

ปริมาณอาหารที่น้องแมวควรได้รับในแต่ละวันคือเท่าใด?

ปริมาณอาหารที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับช่วงวัย ขนาดตัว และกิจวัตรประจำวันของพวกเค้า หรือจะเลือกให้อาหารตามตารางแนะนำที่ระบุไว้บนซองอาหารแมว ทุกซองของไอแอมส์™ ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารตามความต้องการของน้องแมวได้ และอย่าลืมแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมหากคุณให้อาหารพวกเค้ามากกว่า 1 ครั้งต่อวัน ทีนี้ตามมาดูไปพร้อมกันเลยว่าควรให้อาหารเจ้าหมียวปริมารเท่าใดบ้าง:

น้ำหนักของแมว (กก.)กรัม/วัน
345
455
560
670
780
890

 

อาหารแมวไอแอมส์™ ช่วยแก้ปัญหาการกินมากเกินไปหรือน้อยเกินไปได้อย่างไรบ้าง?

อาหารแมวไอแอมส์™ อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดีเหมาะกับแมวที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว ซึ่งอาหารแมวไอแอมส์™ สูตรควบคุมน้ำหนักและก้อนขน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับน้องแมวที่ต้องการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก เพราะอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ดังต่อไปนี้:

  • ผลิตจากเนื้อไก่คุณภาพดี
  • มีส่วนผสมของแอล – คาร์นิทีน ซึ่งมีส่วนช่วยให้น้องแมวกลับมามีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม
  • เป็นสูตรอาหารที่สัตวแพทย์แนะนำ
  • ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารของเจ้าเหมียว

  1. ควรปล่อยให้เจ้าเหมียวกินอาหารตามลำพังหรือไม่?
  2. การกินอาหารตามลำพังไม่ใช่ปัญหา หากพวกเค้ากินอาหารที่เตรียมไว้ให้จนหมดชาม

  3. ทำไมเจ้าเหมียวถึงหิวตลอดเวลา?
  4. หนึ่งในสาเหตุของปัญหานี้คือการเลือกอาหารที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะสม หรืออาจเกิดจากการเป็นโรคเบาหวาน และโรคไทรอยด์เป็นพิษ หากสังเกตพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  5. ควรให้อาหารแบบไหนกับเจ้าเหมียวช่างเลือก?
  6. การที่เจ้าเหมียวปฏิเสธที่จะกินอาหาร อาจไม่ได้เกิดจากนิสัยเลือกกินเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากปัญหาทางสุขภาพ เช่นภาวะไตล้มเหลว หรือการติดเชื้อในลำไส้ และอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้คือก้อนขนอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้การกินอาหารเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเจ้าเหมียว หากพบว่าเจ้าเหมียวมีอาการเบื่ออาหาร ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ในทันที

    ในกรณีที่เจ้าเหมียวไม่มีปัญหาสุขภาพให้กังวลใจ คุณสามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้:

    • เสิร์ฟความอร่อยให้เจ้าเหมียว ด้วยการผสมเนื้อปลาทูน่าหรือตับในปริมาณที่เหมาะสมลงในอาหารของพวกเค้า
    • เปลี่ยนมุมให้อาหาร เพื่อค้นหาว่ามุมไหนคือมุมโปรดในการกินอาหารของเจ้าเหมียว
    • เพิ่มระยะเวลาระหว่างมื้ออาหารให้นานขึ้น เพื่อให้เจ้าเหมียวรู้สึกหิวและอยากอาหารมากขึ้น
    • อย่าเทอาหารทิ้งไว้ ควรเสิร์ฟอาหารที่สดใหม่ให้เจ้าเหมียวทุกครั้ง

  7. จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเหมียวกำลังหิว หรืออ้อนขอกินอาหาร?
  8. หากเจ้าเหมียวของคุณรู้สึกหิว พวกเค้ามักจะแสดงอาการเหล่านี้:

    • หากเจ้าเหมียวรู้สึกหิวจริง ๆ พวกเค้าอาจส่งเสียงร้องเพื่อเรียกความสนใจ และอาจส่งเสียงขณะกินอาหารอยู่ด้วย
    • เจ้าเหมียวจะกินอาหารอย่างรวดเร็ว
    • เจ้าเหมียวอาจขโมยอาหารแม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ให้อาหารตามปกติ

    หากเจ้าเหมียวยังคงออดอ้อนขออาหารเพิ่มแม้จะได้รับอาหารตามปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวันแล้ว นั่นแปลว่าเจ้าเหมียวของคุณอาจเป็นกลายร่างเป็นจอมตะกละไปแล้วก็ได้

    นี่คือเคล็ดลับในการจับสังเกตเจ้าเหมียวผู้หิวโหย:

    • เช็กจำนวนมื้ออาหารในแต่ละวันของเจ้าเหมียว 
    • จับตาดูพฤติกรรมการขโมยอาหารของเจ้าเหมียวให้ดี หากมันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวของคุณไม่สามารถหักห้ามใจในการกินได้
    • สังเกตความถี่ของการให้ขนมเจ้าเหมียวในแต่ละวัน
  • Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร
    adp_description_block464
    Feline Rhinotracheitis คืออะไร

    • แบ่งปัน

    เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว

     

    วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต 
     

    การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
     

    แมวควรได้รับวัคซีน FVRCP เมื่อใด?

    ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น

     

    โรคหวัดแมว

    เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
     

    ไวรัสคาลิไซในแมว

    Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
     

    โรคไข้หัดแมว

    โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     

    เพราะเหตุใดวัคซีน FVRCP จึงเป็นวัคซีนหลักสำหรับแมว?

    วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
     

    แมวควรฉีดวัคซีน FVRCP เมื่อมีอายุเท่าไหร่?

    ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์

     

    โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้

    1. ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?

    2. ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?

    3. เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?

    4. การฉีดวัคซีน FVRCP มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

    ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน FVRCP

    วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

    1. อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด

    2. ไข้ต่ำ

    3. ความอยากอาหารลดลง

    แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

Close modal