IAMS TH
stomach-issues-in-cats-why-cats-vomit-and-what-to-do-banner
stomach-issues-in-cats-why-cats-vomit-and-what-to-do-banner

adp_description_block478
ปัญหาปวดท้องในแมว: สาเหตุและวิธีรับมือเมื่อแมวอาเจียน

  • แบ่งปัน

เจ้าของแมวล้วนคุ้นเคยกับอาการที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวกำลังปวดท้องเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงครางเจ็บปวด การขย้อนอาหาร หรืออาการคลื่นไส้ แต่เมื่อเค้าแสดงอาการเหล่านี้แล้ว เจ้าเหมียวก็กลับไปร่าเริงเหมือนปกติ ปล่อยให้เจ้าของทำความสะอาดคราบบนพื้นที่กองอยู่

ซินเธีย โบเวนแห่งคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอก็คุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้เป็นอย่างดี ในฐานะเจ้าของแมวเมนคูน 4 ตัว ซินเธียผ่านการเช็ดคราบอาเจียนของเจ้าเหมียวมาไม่น้อย “ฉันเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ประมาณ 2-3 เดือนครั้ง” เธอกล่าว “แต่นอกจากนี้แล้วเค้าก็ดูแข็งแรงดี”

แม้ว่าจะไม่ใช่หัวข้อที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร แต่การอาเจียนดูจะเป็นอาการที่เจ้าเหมียวทำเป็นปกติ เจ้าของแมวส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเป็นเจ้าของแมว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป การทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเหมียวปวดท้องและวิธีรับมือจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณและเค้าให้สนิทกันมากขึ้น
 

ทำไมแมวจึงอาเจียน ?

เจ้าของแมวส่วนใหญ่เชื่อว่ามาจากปัญหาเรื่องก้อนขน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว “การเดาว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากก้อนขนดูจะเป็นการรีบด่วนสรุปไปหน่อย” ดร.วิลเลียม ฟอล์เจอร์ สัตวแพทย์แห่งเมืองฮิวสตันกล่าว อีกสองสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การกินอาหารเร็วเกินไป และนิสัยขี้สงสัยของแมว
 

การกินอาหารเร็วเกินไป

บางครั้งเจ้าเหมียวก็รีบกินอาหารครั้งละมาก ๆ ทำให้กระเพาะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการสำรอกอาหารได้ ในเหตุการณ์ทำนองนี้ คราบอาเจียนบนพื้นจะเป็นอาหารที่ถูกสำรอกออกมา ไม่ใช่การอาเจียนจริง ๆ ในลักษณะนี้จะเรียกว่าการสำรอก เมื่อแมวสำรอกของเหลวและอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหารและออกทางปาก ซึ่งต่างกับการอาเจียนที่มักมีการขย้อนและคลื่นไส้ร่วมด้วย

อาหารที่สำรอกออกมาจะยังเหลือรูปร่างและมีกลิ่นคล้ายอาหารหมัก “แมวที่รีบกินอาหารเพราะตะกละหรือเครียดเนื่องจากต้องแย่งกันกินจะสำรอกอาหารทันทีหลังจากกินเสร็จ” ดร.ซาร่า สตีเฟนส์ สัตวแพทย์จากมอนทาน่ากล่าว แต่อย่ารีบด่วนสรุปว่าการสำรอกอาหารมีสาเหตุมาจากการรีบกินอาหารเท่านั้น เพราะยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น ปัญหาภายในหลอดอาหาร ทางเดินอาหารอุดตัน ก้อนขน หรือการขาดน้ำ หากคุณสอนให้เจ้าเหมียวกินอาหารช้าลงแล้วยังพบปัญหาอยู่ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์
 

Stomach Issues

 

ความขี้สงสัย

หญ้า ผ้าปูพื้น และกระดาษชำระ ล้วนแต่เป็นของที่แมวอาจกินเข้าไปและอาเจียนออกมาทีหลังได้ การอาเจียนในลักษณะนี้มาจากกลไกการป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติเพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกาย บางครั้งความขี้สงสัยของเจ้าเหมียวก็นำไปสู่ปัญหาร้ายแรงได้ นอกจากนี้ ของโปรดของเจ้าเหมียวอย่าง เชือก ชิ้นส่วนของเล่น หรือขนนกอาจติดอยู่ในลำไส้หรือกระเพาะได้ ซึ่งทำให้เกิดการอาเจียนบ่อย ๆ ร่วมด้วยภาวะเครียดรุนแรง หากพบว่าแมวของคุณมีอาการเหล่านี้ รีบพาเค้าไปหาสัตวแพทย์ทันที ส่วนใหญ่การนำสิ่งของออกจำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัด
 

เหตุกังวลใจเมื่อแมวอาเจียน ?

เจ้าของไม่ควรมองข้ามเมื่อแมวที่เลี้ยงอาเจียนซ้ำ ๆ เนื่องจากจะนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ แต่ถ้าแมวอาเจียนเป็นเรื่องปกติ คุณจะแยกออกได้อย่างไร … “คำแนะนำเบื้องต้นคือหากแมวของคุณอาเจียนเดือนละ 1-3 ครั้ง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ” ดร.ฟอล์เจอร์กล่าว

คุณหมอถือว่าเป็นเหตุการณ์รุนแรงต่อเมื่อแมวอาเจียนสองครั้งภายในสามวัน ยิ่งหากแมวของคุณไม่ยอมกินอาหาร แสดงอาการปวดท้อง หรืออาเจียนปนกับเลือด ควรรีบพาเค้าไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน และอย่าลืมว่าหากคุณสงสัยว่ามีปัญหากวนใจใด ๆ ที่อาจกลายเป็นปัญหารุนแรงกับแมว ให้รีบติดต่อสัตวแพทย์ หรือพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทีนทีก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดของแมว รวมถึงคลายความกังวลของคุณได้
 

วิธีป้องกันไม่ให้แมวอาเจียน

เจ้าของแมวอาจจะคิดว่าการอาเจียนเป็นพฤติกรรมปกติของแมว ที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะแมวมีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารมากกว่าในคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีวิธีป้องกันแมวอาเจียน
 

Stomach Issues

 

สอนให้แมวกินอาหารช้าลง

วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการสอนให้แมวของคุณกินอาหารช้าลงหรือน้อยลง ดร.สตีเฟนส์แนะนำให้ ให้อาหารในปริมาณที่น้อยลง ยกภาชนะให้สูงขึ้นเล็กน้อย หรือใส่สิ่งของ เช่นลูกบอลเล็ก ๆ ลงในชามอาหาร ทำให้เจ้าเหมียวกินช้าลงเนื่องจากต้องคอยหลบลูกบอล แต่หากเลือกใช้วิธีนี้ต้องมั่นใจว่าลูกบอลมีขนาดใหญ่เกินกว่าเจ้าเหมียวจะกลืนได้ หรืออีกวิธีสำหรับบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัว คือให้อาหารแต่ละตัวคนละเวลา คนละที่กันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งกันกิน
 

ปรับเปลี่ยนอาหารแมวของคุณ
 

หากวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล ให้สังเกตพฤติกรรมการกินของเค้าแล้วปรับอาหาร อย่างเช่น โบเวนที่เปลี่ยนแบรนด์อาหารแมว “ตั้งแต่เปลี่ยนมาให้ไอแอมส์™ เค้าก็ไม่ค่อยอาเจียนอีกเลย” โบเวนกล่าว

“ปกติแล้วพอคุณเปลี่ยนมาใช้อาหารที่คุณภาพสูงขึ้น ก็มักจะไม่ค่อยเกิดปัญหา” สตีเฟนส์กล่าว เคล็ดลับในการเปลี่ยนอาหารที่ได้ผลและไม่ลำบากใจเจ้าเหมียว ได้แก่

ค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ปรับอาหารเพื่อให้แมวมีเวลาปรับตัว “ตรวจดูว่าแมวได้กินอาหารทุกวัน” ดร.สตีเฟนส์แนะนำ “แมวที่หยุดกินอาหารทันทีอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับได้”

เพิ่มความน่าทาน การเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด หรือจากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียกก็ควรค่อย ๆ เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบอาหารเปียกมากกว่า หากคุณเปลี่ยนมาให้อาหารเม็ด ให้เติมน้ำและอุ่นให้พอร้อนเพื่อเพิ่มความน่าทาน นำอาหารที่ไม่ได้กินเกิน 20 นาทีทิ้งเพื่อป้องกันอาหารเสีย 

ตวงอาหาร ควรให้อาหารแมวเท่าไรดี? … อย่าลืมพิจารณาอายุ เพศ สายพันธุ์ การทำกิจกรรมในแต่ละวัน รวมถึงสุขภาพโดยรวมของแมว ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณและอ่านคำแนะนำของผู้ผลิตอาหาร อาหารระดับพรีเมียมอย่างไอแอมส์™ มีสารอาหารอัดแน่นกว่าอาหารทั่วไป จึงไม่ต้องแปลกใจหากพบว่าต้องให้อาหารปริมาณน้อยลง

อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ นอกจากการตวงอาหารแล้ว อย่าลืมชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำและปรับสัดส่วนอาหารตามความเหมาะสมหลังจากเปลี่ยนมาให้อาหารระดับพรีเมียม เจ้าเหมียวอาจรู้สึกชอบใจเมื่อได้กินอาหารเยอะกว่าปกติ แต่ในระยะยาวจะทำให้เค้าน้ำหนักเกินได้

หากแมวของคุณอาเจียนมากกว่าเดือนละ 3 ครั้งหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารเรื้อรัง คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการของเค้าได้ เพียงแค่การได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์และความพยายามของคุณในการดูแลเจ้าเหมียวอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถจัดการปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องได้

 

  • cat article detail banner
    cat article detail banner
    adp_description_block500
    วิธีอ่านฉลากอาหารแมวอย่างถูกต้อง

    • แบ่งปัน

    เชื่อว่าทาสแมวทั้งหลาย ต้องเช็กข้อมูลส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการอย่างละเอียด ก่อนเลือกซื้ออาหารให้น้องเหมียวสุดเลิฟ แต่บางครั้งข้อมูลเหล่านี้ก็อาจสร้างความสับสน ต้องเลือกแบบไหน? เลือกอย่างไร? ให้มีสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสำหรับเจ้าตัวน้อยมากที่สุด ในบทความนี้ เราจึงรวบรวมจุดสังเกตสำคัญบนฉลากโภชนาการ เพื่อช่วยให้คุณอ่านและทำความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ตามมาดูกันเลย

    ฉลากอาหารมีข้อมูลเกี่ยวกับอะไรบ้าง?

    ฉลาก จะต้องบ่งบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้

    • คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี
    • ข้อมูลบริษัทและการบริการลูกค้า
    • ส่วนผสมในการผลิตอาหาร
    • รหัสระบุผลิตภัณฑ์ และวันหมดอายุ
    • ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน
    • มาตรฐาน AAFCO

    คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี

    ข้อมูลในส่วนนี้จะบอกอัตราส่วนสูงสุดหรือต่ำสุดของปริมาณสารอาหารแต่ละชนิด โดยเปอร์เซ็นสูงสุด (ไม่น้อยกว่า %) หมายถึงสารอาหารที่มีปริมาณมากที่สุด ส่วนเปอร์เซ็นต่ำสุด (ไม่มากกว่า %) หมายความว่ามีปริมาณสารอาหารอย่างน้อยกี่เปอร์เซ็น ทั้งนี้ฉลากอาหารแมวควรระบุปริมาณส่วนประกอบและสารอาหารสำคัญจำนวน 4 ชนิด ซึ่งได้แก่

    • โปรตีน (ไม่น้อยกว่า %)
    • ไฟเบอร์ (ไม่มากกว่า %)
    • ไขมัน (ไม่มากกว่า %)
    • ความชื้น (ไม่มากกว่า %)

    ตัวอย่างเช่น หากฉลากบนผลิตภัณฑ์ระบุว่ามี โปรตีน ไม่น้อยกว่า 25% แปลว่าคุณค่าของโปรตีนที่ได้รับต้องมีปริมาณอย่างน้อย 25% หรือมากกว่า การคำนวณคุณค่าสารอาหารเหล่านี้ต้องวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น

    ฉลากอาหารอาจระบุส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น แมกนีเซียม (ไม่น้อยกว่า %) ,ทอรีน (ไม่มากกว่า %) ,เถ้า หรือส่วนของสารอนินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารหลังการเผาผลาญ (ไม่น้อยกว่า %) และกรดลิโนเลอิก (ไม่มากกว่า %)

    • แม้ว่าคุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมีจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบความแตกต่างของอาหารแมวแต่ละชนิด อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถใช้วัดคุณภาพของอาหารหรือบ่งบอกคุณค่าของสารอาหารที่ได้รับโดยตรง วิธีเดียวที่จะเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสม คือการคำนวณปริมาณพลังงานที่ใช้ได้จากสารอาหาร โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ทางผู้ผลิตให้มานั่นเอง

    การควบคุมคุณภาพของอาหารแมว

    1. มาตรฐาน AAFCO

    อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการตรวจสอบจาก AAFCO (Association of American Feed Control Officials) ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐในอเมริกาเหนือ ทำหน้าที่กำหนดมาตราฐานโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง หากตรวจสอบแล้วว่าการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม บนบรรจุภัณฑ์ก็จะมีสัญลักษณ์ของ AAFCO รับรองอยู่ ทั้งนี้มั่นใจได้เลยว่าการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของ มาร์ส เพ็ทแคร์ เป็นไปตามมาตรฐานของ AAFCO รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก

    ส่วนผสมในการผลิตอาหาร

    รายการของส่วนผสมจะเรียงลำดับตามปริมาณมากไปน้อย

    แม้จะระบุรายการและอัตราส่วนของส่วนผสมต่าง ๆ มาให้ แต่เราก็ไม่สามารถพิจารณาคุณภาพของส่วนผสมได้อย่างชัดเจน การตรวจสอบคุณภาพของอาหารต้องผ่านการวิเคราะห์และทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น

    โดยฉลากอาหารแมวจำเป็นต้องระบุข้อมูลสำคัญเหล่านี้

    • ข้อมูลโดยรวม – ชื่อแบรนด์อาหารและส่วนผสมหลักในการผลิตอาหาร เช่น ข้าวและเนื้อไก่
    • ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย – เป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิตอาหาร เพื่อใช้สำหรับการติดต่อในกรณีที่พบปัญหาเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์
    • ปริมาณสุทธิของอาหาร – บอกถึงปริมาณอาหารทั้งหมดที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์
    • รายการส่วนผสม –ส่วนผสมที่สำคัญจะแสดงเป็นร้อยละของน้ำหนักโดยประมาณ โดยจะเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย
    • การตามสอบ – เป็นข้อมูลที่ใช้ตรวจสอบแหล่งผลิตอาหาร หรือตลอดทุกขั้นตอนในการผลิต
    • แถลงการณ์เรื่องความเพียงพอทางโภชนาการ – เพื่อชี้แจงว่าอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ รวมถึงอธิบายว่าเหมาะสำหรับน้องแมวช่วงวัยใดบ้าง
    • คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี – จะบ่งบอกปริมาณสารอาหารในรูปแบบอัตราส่วนร้อยละ โดยต้องระบุปริมาณของโปรตีน ไขมัน ไฟเปอร์ และความชื้นอย่างครบถ้วน หรืออาจระบุส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วยได้
    • ปริมาณพลังงาน – อาจระบุเป็นกิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม หรือระบุด้วยหน่วยวัดอื่น ๆ ที่ใช้กันทั่วไป เช่น กิโลแคลอรีต่อถ้วย
    • ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน – เป็นแนวทางในการกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวัน หรือปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว

    แถลงการณ์เรื่องความเพียงพอทางโภชนาการของ AAFCO

    อาหารสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ต้องมีข้อความเกี่ยวกับความเพียงพอทางโภชนาการของ AAFCO โดยจะมีการกำหนดหรือทดสอบตามขั้นตอนและคำแนะนำของ AAFCO

    • 'ตามสูตร' หมายความว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการผลิตตามหลักเกณฑ์ด้านโภชนาการของ AAFCO แต่ไม่มีการทดสอบอาหารกับสัตว์เลี้ยงก่อนจำหน่าย
    • 'ทดสอบ' คือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบด้านโภชนาการ และมีการทดสอบอาหารกับสัตว์เลี้ยงเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามเกณฑ์ด้านการเจริญเติบโต การบำรุงรักษา และ/หรือการสืบพันธุ์

    ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์อาจระบุข้อความ เช่น 'ผลิตภัณฑ์นี้มีไว้สำหรับการให้อาหารชั่วระยะเวลาเท่านั้น' และ 'ใช้ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้น'

    รหัสระบุผลิตภัณฑ์ และวันหมดอายุ

    รหัสการผลิตจะถูกใช้ในการติดตามผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา ใช้ตรวจสอบสินค้าคงคลัง และจัดการกับปัญหาที่ลูกค้าพบเจอได้ดีขึ้น

    วันหมดอายุหรือวันที่ “ควรบริโภคก่อน” ใช้ในการพิจารณาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์และอายุการเก็บรักษา

    วิธีอ่านฉลากโภชนาการ

    เคล็ดลับง่าย ๆ ในการอ่านฉลากโภชนาการ มีดังนี้

    • สังเกตชื่อผลิตภัณฑ์ – เพื่อเช็กชนิดและรสชาติของอาหาร โดยชื่อผลิตภัณฑ์มักจะเน้นส่วนผสมหลักหรือรสชาติของอาหาร
    • สังเกตประเภทของอาหาร – ต้องระบุว่าเป็นอาหารสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ เพราะพวกเค้ามีความต้องการทางโภชนาการที่เฉพาะเจาะจง และแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ
    • เลือกอาหารที่ใช่ – ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ช่วยให้เราเลือกอาหารได้ดีขึ้น โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าอาหารมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลหรือไม่ เหมาะกับช่วงวัยของน้องแมวหรือเปล่า อาหารบางชนิดก็อาจระบุว่าเหมาะสำหรับแมวทุกช่วงอายุ สำหรับแมววัยผสมพันธุ์ หรือแมวที่เลี้ยงแบบระบบปิด

    ข้อมูลบริษัทและการรับประกันความพึงพอใจ

    ข้อมูลของผู้ผลิตควรประกอบด้วยชื่อบริษัท ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว

    ควรมีหมายเลขโทรศัพท์โทรฟรีเพื่อความสะดวกของลูกค้า และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินเมื่อมีการโทรขอข้อมูลเพิ่มเติม

    นอกจากจะระบุการรับประกันสินค้าแล้ว ผู้ผลิตต้องระบุด้วยว่ามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามความพึงพอใจของลูกค้า (เช่น การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ การคืนเงิน ฯลฯ)

Close modal