IAMS TH
Kitten Food, Flaxseed Meal and Omega-3 Fatty Acids
Kitten Food, Flaxseed Meal and Omega-3 Fatty Acids-mob

adp_description_block196
อาหารลูกแมว เมล็ดแฟลกซ์ และกรดไขมันโอเมก้า-3

  • แบ่งปัน

ในท้องตลาดมีอาหารลูกแมวที่ใช้วัตถุดิบแตกต่างกันให้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก คุณจึงควรทราบว่า วัตถุดิบใดที่จำเป็นกับลูกแมวบ้าง คุณอาจเคยเห็นเมล็ดแฟลกซ์ในรายชื่อวัตถุดิบอาหารแมวชนิดเปียกมาบ้าง แล้วเมล็ดแฟลกซ์ในฐานะแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 จำเป็นต่อลูกแมวหรือไม่

มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเมล็ดแฟลกซ์และผลกระทบต่อสุขภาพลูกแมวกันดีกว่า

 

เมล็ดแฟลกซ์คืออะไร?
 

เมล็ดแฟลกซ์คือ เมล็ดของต้นแฟลกซ์ที่นำมาบด น้ำมันในต้นแฟลกซ์เป็นแหล่งของกรดโอเมก้า-3 อย่างกรดอัลฟาไลโนเลนิก ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิดอื่น

ในอาหารแมว เมล็ดแฟลกซ์มีหน้าที่ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอเมก้า-3 กับโอเมก้า-6 ในอาหาร ผลวิจัยจากไอแอมส์เผยให้เห็นว่าปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ที่สมดุลกันจะช่วยสร้างสุขภาพขนและผิวหนังที่ดี

 

กรดไขมันโอเมก้า-3 มีความสำคัญอย่างไร ?
 

การใส่กรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างกรดอัลฟาไลโนเลนิกลงในอาหารลูกแมวมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • บำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้แข็งแรง
  • บำรุงเซลล์สมองและทักษะการเรียนรู้
  • บำรุงเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายให้แข็งแกร่ง

 

ทำไมต้องเลือกอาหารลูกแมวที่มีเมล็ดแฟลกซ์ ?
 

กรดอัลฟาไลโนเลนิกอาจเป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีความสำคัญ แต่ต้องใช้เวลาหลายรุ่นกว่าอาการขาดสารอาหารในแมวจะปรากฏ เมื่อเลือกอาหารให้แมว อย่าลืมว่า เมล็ดแฟลกซ์ช่วยบำรุงสุขภาพลูกแมวในช่วงการเติบโตและพัฒนาการรวดเร็วได้  

 

  • รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหมัดในลูกแมว
    รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหมัดในลูกแมว
    adp_description_block220
    รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหมัดในลูกแมว

    • แบ่งปัน

    หากพบว่าเจ้าเหมียวเกาหรือกัดตัวเองบ่อยผิดปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของการมีหมัด นอกจากจะทำให้เกิดอาการคันและไม่สบายตัวแล้ว หมัดยังสามารถแพร่โรคได้อีกด้วย ในกรณีที่ร้ายแรง ลูกแมวอาจมีภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับลูกแมวตัวน้อย แต่ไม่ต้องกังวล! เรามีคำแนะนำและวิธีจัดการกับหมัดตัวร้ายเหล่านี้มาฝากกัน

     

    วิธีกำจัดหมัดแมว

    • ประเมินอาการเบื้องต้น

    ก่อนจะเริ่มใช้วิธีรักษาหมัดแมวในรูปแบบต่าง ๆ คุณต้องประเมินสถานการณ์เสียก่อน โดยวิธีการอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของลูกแมว

    ข้อควรระวัง

    1. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บหมัดกับลูกแมวที่มีอายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์

    2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ป้องกันเหมาะกับอายุและน้ำหนักของลูกแมว

    3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับแมวเท่านั้น
    • ขั้นตอนการกำจัดหมัดแมว

    1. แปรงขน – แปรงหรือหวีซี่เล็กสามารถกำจัดหมัดที่มองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    2. อาบน้ำ – เมื่อลูกแมวมีอายุที่เหมาะสม อาจเลือกใช้แชมพูกำจัดเห็บหมัดสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนและไม่มีฟองแทนก็ได้ 

    3. ทำความสะอาดบ้าน – ซักผ้าปูที่นอนทั้งหมดด้วยน้ำสบู่และดูดฝุ่นบริเวณพรมเป็นประจำ อาจใช้สเปรย์กำจัดหมัดฉีดรอบ ๆ ตัวบ้านด้วยก็ได้

    4. ทำความสะอาดสวนหรือสนามหญ้า – แม้จะเลี้ยงลูกแมวในบ้าน แต่หมัดก็อาจแอบเข้ามาจากข้างนอกได้ คุณสามารถใช้สเปรย์กำจัดหมัดฉีดให้ทั่วทุกบริเวณเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของหมัด

    • การรักษาหมัดในลูกแมวอายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์

    ทางเลือกในการรักษาค่อนข้างมีจำกัด เพราะลูกแมวในวัยนี้ยังไม่แข็งแรงมากพอที่จะใช้วิธีการรักษาสำหรับแมวโต โดยแนะนำให้วิธีเหล่านี้แทน

    1. สำหรับลูกแมวที่มีอายุต่ำกว่า 8 สัปดาห์ ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้หวีกำจัดหมัด โดยให้จุ่มหวีลงในน้ำสบู่ร้อนระหว่างการแปรงขน 

    2. อีกหนึ่งวิธีที่แนะนำคือการอาบน้ำ การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและแชมพูสูตรอ่อนโยนช่วยลดจำนวนหมัดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดเวลาในการอาบน้ำให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันลูกแมวของคุณหนาวหรือรู้สึกกังวลมากจนเกินไป

    • การใช้น้ำมันหอมระเหย

    หลายคนอาจคิดว่าน้ำมันหอมระเหยเป็นสิ่งที่ดีและปลอดภัย แต่ความจริงนั้น น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดเป็นพิษต่อแมว แม้จะใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยก็ตาม ยากำจัดหมัดบางชนิดก็มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย แนะนำให้อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง และหากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม

    • การป้องกันเห็บหมัดในลูกแมว

    สำหรับลูกแมวที่มีอายุมากกว่า 8 – 10 สัปดาห์และมีน้ำหนักมากกว่า 1 กก. คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเฉพาะจุดได้ แต่ต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกนั้นเหมาะกับอายุและน้ำหนักของลูกแมว

    • วิธีรักษาหมัดแมวที่ดีที่สุด

    สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของลูกแมวและประสิทธิภาพในการกำจัดหมัด วิธีที่ดีที่สุดคือการรักษาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บหมัดที่มีจำหน่ายทั่วไปได้เช่นกัน แต่แนะนำให้อ่านฉลากอย่างละเอียดและหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตราย เช่น เพอร์เมทรินและน้ำมันหอมระเหยบางชนิด

    การรักษาหมัดอาจใช้เวลานาน แต่หากคุณมีความอดทนและรักษาอย่างถูกวิธี แมวของคุณก็จะปราศจากหมัดและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ก่อนการรักษาด้วยตนเองหรือก่อนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อความปลอดภัยของลูกแมว

Close modal