ทอรีน เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารแมวไอแอมส์™ ทุกสูตร กรดอะมิโนจำเป็นชนิดนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจ สายตา และระบบสืบพันธุ์ของลูกแมวทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ เกลือน้ำดียังช่วยในระบบย่อยอาหารอีกด้วย ทอรีนไม่เหมือนกรดอะมิโนตัวอื่น ตรงที่สามารถพบในรูปกรดอะมิโนอิสระได้ในเนื้อเยื้อต่าง ๆ เช่น หัวใจ ตา และไม่ถูกเปลี่ยนเป็นโปรตีน
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ผลิตทอรีนจากกรดอะมิโนชนิดอื่น แต่ร่างกายของลูกแมวไม่สามารถผลิตได้เพียงพอจึงต้องรับทอรีนเพิ่มจากอาหาร โดยในอาหารสัตว์ปกติแล้วจะพบทอรีนในโปรตีนที่มีแหล่งที่มาจากสัตว์ หรือสามารถใส่เพิ่มเอาทีหลังก็ได้
เราเพิ่มทอรีนลงในอาหารแมวไอแอมส์แบบเม็ดและแบบกระป๋องเพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ ส่วนในอาหารเปียก อย่าง ไอแอมส์™ เพอร์เฟ็ค พอร์ชั่น™ สำหรับลูกแมวสุขภาพดีรสปาเต้และไก่ เราเพิ่มทอรีนมากกว่าที่ใส่ในอาหารเม็ดถึงสองเท่า เพื่อรักษาระดับทอรีนในเลือดให้เพียงพอ เนื่องจากขั้นตอนการอัดกระป๋อง อาจส่งผลต่อสมดุลทอรีนในแมว เราจึงเพิ่มทอรีนลงในอาหารเปียกเพื่อให้เพียงพอกับระดับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ อาหารเม็ดไอแอมส์อย่าง ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับลูกแมวสุขภาพดี มีทอรีนเป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มแหล่งของกรดอะมิโน ซึ่งมีที่มาจากโปรตีนสัตว์อย่างเช่น เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อปลา และไข่ แต่แหล่งที่มาต่างกันก็ให้ทอรีนต่างกันตามไปด้วย การเพิ่มทอรีนลงในอาหารถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อให้แมวได้รับทอรีนอย่างพอเพียง
ลูกแมวที่ได้รับทอรีนไม่เพียงพออาจมีปัญหาร้ายแรงด้านสุขภาพได้ เช่น
เพราะทอรีนมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการและหน้าที่ของเซลล์ในเรติน่าซึ่งอยู่ภายในลูกตา หากทอรีนไม่เพียงพอเซลล์เรติน่าจะทำงานไม่ปกติ อาจทำให้เซลล์ตาย การมองเห็นลดลง หรือในกรณีที่ร้ายแรงก็อาจตาบอดได้ อาการประเภทนี้มีชื่อเรียกว่า “เรติน่าส่วนกลางเสื่อมสภาพในแมว” (Feline central retinal degeneration)
ทอรีนจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจให้เป็นปกติ เมื่อทอรีนไม่เพียงพอจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการประเภทนี้เรียกว่า “กล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายใหญ่” ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
เพื่อปกป้องสุขภาพของลูกแมวทั้งตอนนี้และเมื่อเค้าโตขึ้น อย่าลืมให้เค้าได้กินอาหารที่มีทอรีนเพียงพอ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความต้องการด้านสารอาหารของลูกแมว
อ้างอิงจาก Case L, et al. Canine and Feline Nutrition. 3rd ed. Maryland Heights, MO: Mosby Elsevier, 2011.
เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว
วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต
การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น
เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์
โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้
ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?
ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?
เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?
วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้
อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด
ไข้ต่ำ
แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด