ผลิตภัณฑ์อาหารแมวของเรา มีส่วนประกอบของโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อแมว นอกจากนี้ กระบวนการกลั่นพิเศษและการทดสอบควบคุมคุณภาพของเรา ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า เราใช้เฉพาะโปรตีนชั้นดีที่ย่อยง่ายเพื่อการย่อยที่มากขึ้น
แมวควรได้รับอาหารจากเนื้อสัตว์จริง ๆ เนื่องจากโปรตีนจากพืชอย่างถั่วเหลืองไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อเค้า ตัวอย่างเช่น ทอรีน ซึ่งพบเฉพาะในโปรตีนจากสัตว์เท่านั้น
กรดไขมันที่จำเป็นต่อแมวมีสองชนิดด้วยกัน ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 โดยโอเมก้า-6 มีหน้าที่บำรุงผิวหนังและขน รวมถึงโครงสร้างที่ถูกต้องของเยื่อบุเซลล์ พบได้ในไขมันไก่และข้าวโพด ส่วนโอเมก้า-3 มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ควบคุมการอักเสบ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยพบในวัตถุดิบอย่างคาโนล่า เนื้อปลา น้ำมันปลา และต้นแฟลกซ์ ผลิตภัณฑ์ของเราทุกสูตรมีส่วนผสมของโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3
งานวิจัยจากไอแอมส์™ พบว่า ส่วนผสมระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 กับโอเมก้า-3 ในสัดส่วน 5:1 ถึง 10:1 ช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนได้ดีที่สุดในสุนัข ผลิตภัณฑ์ของเราทุกสูตรมีส่วนประกอบของโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ในสัดส่วนระหว่าง 5:1 ถึง 10:1
งานวิจัยจากไอแอมส์™ พบว่า ใยอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลาง เช่น บีทพัลพ์ ช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้ดีที่สุด ส่วนที่เกิดการหมักได้ของใยอาหารจะถูกย่อยโดยแบคทีเรียในลำไส้เป็นกรดไขมันสายสั้นเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ลำไส้ ในขณะที่ส่วนที่เกิดการหมักไม่ได้จะเป็นกากอาหารในอุจจาระ
การใช้เพียงใยอาหารที่เกิดการหมักได้สูงเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดปัญหา เช่น แก๊สเยอะเกินไป ส่วนการใช้ใยอาหารที่เกิดการหมักไม่ได้ เช่น เปลือกถั่ว เพียงอย่างเดียวทำให้มีปริมาณอุจจาระมากเกินไปเนื่องจากใยอาหารชนิดนี้ไม่มีประโยชน์ด้านโภชนาการ
ผลิตภัณฑ์ของเราทั้งหมด รวมถึง ไอแอมส์ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ แมวโต รสดั้งเดิมและไก่ มาพร้อมใยอาหารที่จดทะเบียนขึ้นแล้ว โดยประกอบไปด้วยใยอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลางเพื่อบำรุงสุขภาพลำไส้ของสุนัขและแมวให้แข็งแรง
สารอาหารที่ดีมีความสำคัญต่อแมวไม่ต่างจากที่ร่างกายของคุณต้องการ แต่ความต้องการของแมวต่างจากมนุษย์ ! แมวต้องการอาหารที่มีไขมันสูงและใยอาหารต่ำ และถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมังสวิรัติ คุณควรจะเข้าใจว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ เค้าต้องการสารอาหารจากโปรตีนและไขมันที่มาจากสัตว์ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ ต้องการใยอาหารเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี และต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อพลังงาน
ในท้องตลาดมีอาหารแมวกว่าพันสูตร คุณจะทราบได้อย่างไรว่าสูตรไหนเหมาะกับแมวของคุณ
ปัจจัยแรกคือ ต้องพิจารณจากช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ก่อนว่าเป็นแบบไหนแมว แมวให้นมลูก แมวโตเต็มวัย หรือแมวสูงวัย ซึ่งแต่ละช่วงต้องการสารอาหารแตกต่างกัน อาหารแมวทุกชนิดควรระบุว่าเหมาะกับช่วงวัยไหน
นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์ยังส่งผลต่อความต้องการด้านสารอาหารอีกด้วย แมวที่นอนติดโซฟาย่อมต้องการพลังงานน้อยกว่าแมวที่ชอบเที่ยวเล่นนอกบ้าน
อันดับสุดท้าย พิจารณาถึงอาการป่วยใด ๆ ที่แมวคุณเป็นอยู่ รวมถึงภูมิแพ้อาหารที่อาจต้องให้สัตวแพทย์แนะนำอาหารเป็นพิเศษ
เมื่อรู้ช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของแมวแล้ว ต่อไปต้องเลือกว่าจะให้เค้ากินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก แมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยบำรุงสุขภาพและความสะอาดช่องปากผ่านการเคี้ยว แต่แมวบางตัวโดยเฉพาะแมวช่างเลือก ชื่นชอบผิวสัมผัสที่นุ่มและเปียกของอาหารซองหรืออาหารกระป๋อง
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้คือ คุณสามารถให้อาหารเม็ดทิ้งไว้ในชามได้ตลอดวัน แต่อาหารเปียกต้องทิ้งทันทีหลังจาก 30 นาที ดังนั้นอาหารเม็ดจึงเหมาะกับเจ้าของที่ยุ่งและไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวัน
เมื่อคุณทราบความต้องการด้านโภชนาการและความชอบของเจ้าเหมียวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกซื้อ
เนื่องจากแมวต้องการสารอาหารจากแหล่งที่มาจากสัตว์ คุณจึงควรเลือกอาหารที่วัตถุดิบหลัก (วัตถุดิบอันดับแรก ๆ ) เป็นโปรตีนที่ทำมาเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อปลา หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ โดยวัตถุดิบเหล่านี้มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด เช่น ทอรีน ซึ่งไม่พบในโปรตีนจากพืช
การผสมคาร์โบไฮเดรตลงในอาหาร อาทิ เนื้อข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และข้าวฟ่างเมล็ด จะช่วยด้านการดูดซึมสารอาหารและรักษาระดับพลังงาน ส่วนบีทพัลพ์เป็นแหล่งใยอาหารชั้นดีที่ช่วยระบบย่อยอาหาร
เพื่อให้ผิวหนังสุขภาพดีและขนหนานุ่ม เจ้าเหมียวต้องการกรดไขมันจากน้ำมันปลาที่มีวิตามินสูงและไขมันจากเนื้อไก่
ฉลากอาหารแมวให้รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณค่าสารอาหารเท่านั้น เนื่องจากข้อบังคับไม่อนุญาตให้ผู้ผลิตอธิบายคุณภาพของวัตถุดิบภายในบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียงจะสามารถอธิบายวิธีทดสอบและรับประกันคุณภาพของตัวเองได้
เมื่อเลือกซื้ออาหาร คุณไม่ควรพิจารณาจากราคาเป็นปัจจัยหลัก เพราะอาหารที่ราคาถูกอาจมีที่มาจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบเนื่องจากต้นทุนผู้ผลิตมีความผันผวน
ผลิตภัณฑ์ราคาถูกหลายแบรนด์มีคุณค่าทางสารอาหารต่อวันน้อยกว่าผลิตภัณฑ์คุณภาพเมื่อกินในปริมาณเท่ากัน นอกจากนี้คุณควรพิจารณาราคาต่อวันด้วย ไม่ใช่แค่พิจารณาจากราคาเท่านั้น