เราใส่น้ำมันปลาลงในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ดเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เจ้าเหมียว อ่านข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์จากน้ำมันปลา เนื้อปลา หน้าที่ และคุณประโยชน์ที่มีต่อลูกแมวของคุณ รวมถึงสาเหตุที่น้ำมันปลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ด
น้ำมันปลาคือสารสกัดที่ได้จากปลา โดยมีส่วนประกอบเป็นไขมันพิเศษบางชนิด เนื้อปลาเป็นแหล่งน้ำมันปลาธรรมชาติที่ไอแอมส์™ ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสำหรับลูกแมวชนิดเม็ด
น้ำมันปลาที่ได้จากปลาน้ำลึกและเย็นจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่ กรดไขมันเป็นองค์ประกอบย่อยของไขมัน และกรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง น้ำมันปลามีกรดไขมันชนิดพิเศษซึ่งมีโอเมก้า-3 แบบสายยาวอย่าง กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก (DHA) อยู่เข้มข้น
กรดไขมันในอาหารลูกแมวจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างเนื้อเยื่อและมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น เยื่อบุเซลล์สัตว์ที่พบในผิวหนังก็มีกรดไขมัน กรดไขมันโอเมก้า-3 มีหน้าที่สร้างสารประกอบที่เสริมสร้างสุขภาพผิวหนังให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อผสมกับกรดไขมันโอเมก้า-6 (พบในวัตถุดิบทั่วไป เช่น ไขมันไก่ หรือน้ำมันข้าวโพด) ในอัตราส่วน 5:1 หรือ 10:1
อาหารลูกแมวชนิดเม็ดทุกสูตร อย่างเช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับลูกแมว มีน้ำมันปลาซึ่งเป็นแหล่งที่มาของกรดไขมันโอเมก้า-3
งานวิจัยโดยนักโภชนาการที่ไอแอมส์™ พบพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญต่อผิวหนังและขนของแมวที่ได้รับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในปริมาณที่สมดุลเมื่อเทียบกับอาหารที่มีอัตราส่วนไม่สมดุล
การให้อาหารที่ครบถ้วนและสมดุล รวมถึงสมดุลระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมสร้างผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี เมื่อให้แมวกินน้ำมันปลาแล้วพบว่าแมว
การดูแลสุขภาพในช่องปากให้น้องแมวเป็นสิ่งสำคัญที่แนะนำให้ทำเป็นประจำ โดยเจ้าของควรเริ่มดูแลและฝึกแปรงฟันให้น้องแมวตั้งแต่ช่วงที่ฟันกำลังขึ้น เพื่อลดการสะสมของคราบพลัค หินปูน และป้องกันฟันผุ หากไม่แน่ใจว่าควรเริ่มดูแลกันอย่างไร มาติดตามข้อควรรู้ที่จำเป็นต่อการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของน้องแมวได้จากคู่มือนี้
เพื่อให้แน่ใจว่าจะดูแลฟันของน้องแมวได้อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจระยะการเจริญเติบโตของฟันเจ้าเหมียวกันก่อน โดยลูกแมวจะเริ่มมีฟันขึ้นเมื่ออายุ 2 หรือ 3 สัปดาห์ และภายใน 8 – 12 สัปดาห์ พวกเค้าก็จะมีฟันน้ำนมครบทุกซี่ ต่อมาฟันน้ำนมเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้ ซึ่งในระหว่างการงอกของฟันอาจทำให้พวกเค้ารู้สึกไม่สบาย ปวด มีอาการบวม หรือมีเลือดออกตามไรฟัน เจ้าของสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับวิธีการดูแลและบรรเทาอาการเจ็บปวดเพิ่มเติมได้
หากต้องการให้น้องแมวมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ทำตามขั้นตอนการแปรงฟันเหล่านี้กันได้เลย
เมื่อลูกแมวคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟันแล้ว ค่อย ๆ ยกริมฝีปากพวกเค้าขึ้น จากนั้นขยับแปรงไปมาเป็นวงกลมตามแนวฟันจนครบทุกซี่ ควรเลือกแปรงสีฟันขนนุ่ม ทั้งแปรงและยาสีฟันควรออกแบบมาเพื่อน้องแมวโดยเฉพาะด้ว
การแปรงฟันให้ลูกแมวจะใช้ยาสีฟันปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น และต้องคอยระวังไม่ให้พวกเค้ากลืนยาสีฟันลงไป
หลังแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ควรให้รางวัลลูกแมวเป็นขนมสุดโปรดหรืออ้อมกอดอุ่น ๆ เพื่อสร้างความทรงจำที่ดี
ค่อย ๆ เพิ่มความถี่และระยะเวลาในการแปรงฟันเมื่อลูกแมวคุ้นเคยกับกระบวนการนี้มากขึ้น ทั้งนี้ควรฝึกแปรงฟันอย่างค่อยเป็นค่อยไป เจ้าของควรมีความอดทนและปฏิบัติกับพวกเค้าอย่างอ่อนโยน
การรักษาสุขภาพช่องปากของลูกแมวเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังส่งผลดีกับสุขภาพโดยรวมของพวกเค้าด้วย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับป้องกันการสะสมของคราบพลัคและหินปูน เพื่อให้เหงือกและฟันของลูกแมวแข็งแรง
ผ้าหรือกระดาษทำความสะอาดฟัน และน้ำยาบ้วนปาก – ผ้าหรือกระดาษสำหรับทำความสะอาดฟันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการดูแลช่องปาก สามารถใช้แทนการแปรงฟันได้ สำหรับน้ำยาบ้วนปากจะช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย
ขนมขัดฟัน – เป็นตัวช่วยที่มีทั้งประโยชน์และรสชาติอร่อย ขนมขัดฟันจะช่วยทำความสะอาดและเสริมให้ฟันแข็งแรง โดยแนะนำให้เลือกขนมสูตรสำหรับลดคราบพลัคและหินปูน แต่ให้หลีกเลี่ยงขนมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมาก
ตรวจสุขภาพในช่องปากเป็นประจำ – การตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าเหงือกและฟันของลูกแมวแข็งแรง นอกจากนี้คุณหมอยังสามารถช่วยระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลอย่างเหมาะสมได้อีกด้วย
การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมของแมว เจ้าของทุกคนจึงควรดูแลและเอาใจใส่สุขอนามัยในช่องปากของแมวเหมียวตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยการแปรงฟัน การให้ขนมขัดฟัน และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรงเป็นเวลาหลายปี! ทั้งนี้สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้เสมอหากคุณมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของลูกแมว