เราใส่น้ำมันปลาลงในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ดเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เจ้าเหมียว อ่านข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์จากน้ำมันปลา เนื้อปลา หน้าที่ และคุณประโยชน์ที่มีต่อลูกแมวของคุณ รวมถึงสาเหตุที่น้ำมันปลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารลูกแมวไอแอมส์™ ชนิดเม็ด
น้ำมันปลาคือสารสกัดที่ได้จากปลา โดยมีส่วนประกอบเป็นไขมันพิเศษบางชนิด เนื้อปลาเป็นแหล่งน้ำมันปลาธรรมชาติที่ไอแอมส์™ ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสำหรับลูกแมวชนิดเม็ด
น้ำมันปลาที่ได้จากปลาน้ำลึกและเย็นจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่ กรดไขมันเป็นองค์ประกอบย่อยของไขมัน และกรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง น้ำมันปลามีกรดไขมันชนิดพิเศษซึ่งมีโอเมก้า-3 แบบสายยาวอย่าง กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก (DHA) อยู่เข้มข้น
กรดไขมันในอาหารลูกแมวจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างเนื้อเยื่อและมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น เยื่อบุเซลล์สัตว์ที่พบในผิวหนังก็มีกรดไขมัน กรดไขมันโอเมก้า-3 มีหน้าที่สร้างสารประกอบที่เสริมสร้างสุขภาพผิวหนังให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อผสมกับกรดไขมันโอเมก้า-6 (พบในวัตถุดิบทั่วไป เช่น ไขมันไก่ หรือน้ำมันข้าวโพด) ในอัตราส่วน 5:1 หรือ 10:1
อาหารลูกแมวชนิดเม็ดทุกสูตร อย่างเช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับลูกแมว มีน้ำมันปลาซึ่งเป็นแหล่งที่มาของกรดไขมันโอเมก้า-3
งานวิจัยโดยนักโภชนาการที่ไอแอมส์™ พบพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญต่อผิวหนังและขนของแมวที่ได้รับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในปริมาณที่สมดุลเมื่อเทียบกับอาหารที่มีอัตราส่วนไม่สมดุล
การให้อาหารที่ครบถ้วนและสมดุล รวมถึงสมดุลระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมสร้างผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี เมื่อให้แมวกินน้ำมันปลาแล้วพบว่าแมว
โซเดียม คือ แร่ธาตุที่สำคัญต่อชีวิต พบได้ในเลือดและของเหลวที่ครอบคลุมเซลล์อยู่ และมีหน้าที่รักษาสภาพแวดล้อมในระดับเซลล์และป้องกันไม่ให้เซลล์ขยายตัว หรือขาดน้ำ นอกจากนี้ โซเดียมยังช่วยให้เซลล์ประสาทและเซลล์กล้ามเนื้อทำงานเป็นปกติ
เนื้อวัว เนื้อสัตว์ปีก และไข่เป็นแหล่งโซเดียมชั้นดี บางครั้งผู้ผลิตอาหารแมวบางแบรนด์ใส่โซเดียมในรูปเกลือบริโภค (มักระบุในรายชื่อวัตถุดิบว่า เกลือ) เกลือช่วยเพิ่มความน่าทานให้กับอาหารสัตว์ไม่ต่างจากอาหารคน
สมาคมควบคุมอาหารสัตว์แห่งอเมริกา (AAFCO) แนะนำว่า อาหารเม็ดควรมีโซเดียมอย่างน้อย 0.2% เพื่อบำรุงและช่วยให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการเป็นปกติ ซึ่งเป็นระบบขั้นต่ำที่แนะนำ
แม้ว่า การบริโภคโซเดียมในปริมาณมากจะเพิ่มความกระหายและดื่มน้ำมากขึ้น แต่โซเดียมที่ไม่จำเป็นจะถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะของแมว ดังนั้น ระดับของโซเดียมในอาหารสัตว์เลี้ยงที่วางจำหน่ายอยู่จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับสัตว์ที่มีสุขภาพดี
สัตวแพทย์อาจแนะนำให้แมวของคุณบริโภคโซเดียมลดลงหากเค้าเป็นโรคเกี่ยวกับตับ ไต หรือโรคหัวใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความดันเลือด หรือการสะสมของเหลวที่มากเกินไป แม้แมวสูงวัยมักจะเป็นโรคทำนองนี้ แต่แมวแก่ที่มีสุขภาพดีก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารสูตรลดโซเดียม หรือสูตรโซเดียมต่ำ
ระดับโซเดียมในอาหารแมวที่เราผลิตนั้นเหมาะกับแมวสุขภาพดี โดยสัดส่วนโซเดียมในอาหารของเรามีความสมดุลกับพลังงาน แร่ธาตุ วิตามิน ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ อยู่แล้ว