IAMS TH
How to Help Your Obese Cat Lose Weight
How to Help Your Obese Cat Lose Weight

adp_description_block161
วิธีสังเกตและดูแลอาการภูมิแพ้ในแมว

  • แบ่งปัน

เราจะเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ กันก่อน - คุณคิดว่าเจ้าเหมียวของคุณต้องลดน้ำหนักหรือไม่?

สำหรับทาสแมวแล้ว เจ้าเหมียวสุดแสนจะเพอร์เฟค ตัวกลมนุ่มฟู มีพุงกะทิน้อย ๆ กำลังพอดี ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณคิดว่าพวกเค้ามีสุขภาพดี แต่ความจริงนั้น พวกเค้าอาจกำลังกลายเป็นแมวน้ำหนักเกินแล้วก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันปัญหาแมวอ้วนเกินพบได้บ่อยมากยิ่งขึ้น 

การให้อาหารมากเกินไปคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด! น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างได้แล้ว เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงแมวที่มีน้ำหนักเกินมักมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวตัว การเลียทำความสะอาดตัวเองทำได้ลำบาก ด้วยเหตุนี้การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเค้าเอง นับว่าโชคดีที่การทำให้น้ำหนักแมวอ้วนลดลงเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่กำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการและออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้นเอง

โรคอ้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?

โรคอ้วนกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มันส่งผลเสียต่อสุขภาพ การใช้ชีวิต และการทำงานของร่างกายในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงอีกมากมาย ปัญหาแมวอ้วนเกินจึงควรได้รับการดูแลในทันที:

  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อน้องแมวมีน้ำหนักเกิน ระบบภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลง ส่งผลให้แมวมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ง่ายขึ้น แมวอ้วนมักติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและเสี่ยงต่อการเกิด 'ก้อนนิ่ว' เนื่องจากเคลื่อนไหวน้อย ดื่มน้ำน้อย และปัสสาวะน้อยลง

  • โรคเบาหวาน

Around 80% to 90% of obese cats require daily insulin shots as they are more likely to develop diabetes. But, when their excess weight is eliminated, diabetes can often be reversed.

  • ตับวาย

เมื่อร่างกายของแมวรู้สึกว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือการลำเลียงอาหารถูกขัดขวาง ไขมันสำรองจะถูกย้ายไปยังตับเพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่ร่างกายของแมวไม่สามารถควบคุมกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีไขมันมาพอกที่ตับและอาจเกิดภาวะตับวายตามมา

  • กรูมมิ่งตัวเองไม่ได้

แมวที่มีน้ำหนักเกินจะดูแลทำความสะอาดตัวเองได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนังได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวน้ำหนักเกิน?

  • วางมือลงไปบริเวณด้านข้างลำตัวของแมว ควรสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครง
  • เห็นเอวคอดอย่างชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สุดท้ายนี้ คุณควรสังเกตเห็นหน้าท้องเว้าเล็กน้อยเมื่อมองจากด้านข้าง หากหน้าท้องมีลักษณะเป็นถุงและห้อยย้อยเกือบติดพื้น แสดงว่ามีไขมันในช่องท้อง เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ตามอวัยวะและกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องยื่นหรือป่องออกมา

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้ –

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้

ตารางเช็กรูปร่างน้องแมว

  • เห็นกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลังชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกิน
  • สามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยง่าย เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยมีรู้สึกถึงไขมันส่วนเกิน เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสถึงกระดูกซี่โครงแต่มีชั้นไขมันปกคลุม ไม่เห็นเอว หน้าท้องกลม ห้อยย้อย
  • ไม่สามารถสัมผัสถึงกระดูกซี่โครง มีชั้นไขมันหนากั้น เห็นหน้าท้องกลม ห้อยย้อยชัดเจน
     

จะหลีกเลี่ยงโรคอ้วนในแมวได้อย่างไร?

หลังจากทำให้แมวอ้วนกลับมามีรูปร่างสมส่วนแล้ว เป้าหมายต่อไปคือต้องดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว พฤติกรรมต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงและควรทำเพื่อไม่ให้น้องแมวน้ำหนักเกิน:

  • ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

เพื่อป้องกันไม่ให้แมวอ้วน ควรกำหนดเวลาให้อาหารที่แน่นอนและให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม

ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

  • ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

น้องแมวมีแนวโน้มจะอ้วนมากขึ้น หากไม่ได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเลย เพื่อลดความเบื่อหน่ายและป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม ควรเตรียมของเล่นหลากหลายชนิดเอาไว้พวกเค้า รวมถึงแบ่งเวลามาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือลองฝึกใส่สายจูงออกไปเดินเล่นด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว

ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

  • ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับแมวเหมียว โดยปริมาณจะพิจารณาจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อายุ และน้ำหนักตัวที่ต้องการ เมื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันแล้ว อาจแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อต่อวัน

ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

การลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเหมียว จึงควรควบคุมน้ำหนักให้ดี ไม่ปล่อยให้เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวอ้วนตุ้ยนุ้ย

  • เล่นเก็บบอล

การเล่นหรือทำกิจกรรมสนุก ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี แมวส่วนใหญ่ชอบเล่นไล่จับแสงเลเซอร์หรือแสงจากไฟฉาย บางตัวก็ชอบออกไปเดินเล่น บางตัวก็ชอบเล่นล่าเหยื่อเพื่อให้ได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณนักล่าออกมา อาจลองหาคอนโดแมวมาไว้ในบ้านให้พวกเค้าปีนป่าย หรือจะสอนเล่นคาบบอลก็สนุกไปอีกแบบ สำหรับการจัดหาของเล่นนั้น คุณจะซื้อหรือประดิษฐ์ของเล่นขึ้นมาเองก็ได้ รู้มั้ยว่า อาหารก็เป็นของเล่นได้เหมือนกัน เพียงแค่เอาอาหารไปซ่อนไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ให้พวกเคาตามหา เท่านี้ก็จะได้เกมสนุก ๆ อีกหนึ่งเกมแล้ว ทั้งนี้การเล่นสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่อย่าปล่อยให้เจ้าแมวอ้วนหมดแรง รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป หรือหายใจลำบาก และควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเล่นกับแมวสูงวัย

  • ใช้ความอดทน

โรคอ้วนป้องกันง่ายกว่ารักษาก็จริง แต่การลดน้ำหนักก็ไม่ใช่เรื่องยากและเริ่มต้นทำได้ทุกเมื่อ อาจต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่น และความอดทนมากหน่อย การลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่เห็นผลช้า เพียงแค่ลดปริมาณอาหารอย่างเดียวไม่อาจสำเร็จได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นได้อีก

การออกกำลังกายเป็นประจำ ปรับพฤติกรรมในแต่ละวัน และกำหนดปริมาณอาหารเป็นวิธีป้องกันโรคอ้วนในแมวได้อย่างยอดเยี่ยม

  • เคล็ดลับในการควบคุมน้ำหนักเจ้าเหมียว

  • ปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อนเสมอ
  • งดขนมทุกประเภท
  • แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อ
  • เลือกสูตรอาหารสำหรับควบคุมน้ำหนักโดยเฉพาะ
  • ชั่งน้ำหนักน้องแมวทุก 2 สัปดาห์
  • ในช่วงสัปดาห์แรก น้ำหนักแมวไม่ควรลดมากกว่า 1% - 1.5% จากน้ำหนักปกติ
  • อดทนและออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักแมว

  1. อาการบอกโรคอ้วนในแมวมีอะไรบ้าง?
  2. สามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้:

    • นั่งหรือนอนทั้งวัน โดยไม่เต็มใจจะลุกขึ้นเดินไปมา
    • มองไม่เห็นเอวคอดหรือท้องเว้า
    • สัมผัสกระดูกซี่โครงและสะโพกยาก

     

  3. ควรดูแลแมวอ้วนอย่างไร?
  4. เริ่มจากปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม ทั้งเลือกสูตรอาหาร และกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

  5. สาเหตุที่ทำให้แมวมีน้ำหนักเกินคืออะไร?
  6. โรคอ้วนในแมวมักเกิดจากการไม่ออกกำลังกาย การให้อาหารมากไป น้องแมวนั่ง ๆ นอนๆ ทั้งวัน และเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

  7. ควรให้อาหารแมวอ้วนอย่างไร?
  8. เลือกให้อาหารเปียกกับน้องแมวที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะแมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารเม็ด อาหารเปียกจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  9. จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าแมวมีน้ำหนักเกิน?
  10. แมวอ้วนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ไขมันส่วนเกินส่งผลเสียต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และอายุขัยของพวกเค้า นอกจากนี้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบได้ด้วย

  • kitten constipation image
    kitten constipation image
    adp_description_block326
    เมื่อลูกแมวท้องผูก วิธีแก้และการดูแลอย่างถูกต้อง

    • แบ่งปัน

    ลูกแมวมักจะเต็มไปด้วยพลังและความสดใส ทำให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยความสุขและความสนุก อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเล็กเหล่านี้ก็อาจมีวันที่ไม่ดีได้เช่นกัน คุณอาจพบว่าพวกเค้าดูไม่สบายตัว กินอะไรแทบไม่ได้เลย และขับถ่ายไม่ออก เป็นไปได้ว่าพวกเค้าอาจมีอาการท้องผูก
     

    อาการท้องผูกในลูกแมว คืออะไร?

     

    อาการท้องผูกเป็นภาวะที่ทำให้ขับถ่ายลำบาก ขับถ่ายน้อยกว่าปกติ ในบางกรณี อาการไม่สบายนี้อาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ยิ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานานกว่า 48 ชั่วโมง
     

    ลูกแมวท้องผูก มีอาการอย่างไรบ้าง?

     

    ลูกแมวแต่ละตัวจะแสดงอาการแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปมักจะมีอาการดังนี้
     

    1. ขับถ่ายน้อยหรือไม่ขับถ่ายเลย – หากลูกแมวของคุณไม่ขับถ่ายเป็นเวลา 24 – 48 ชั่วโมง นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการท้องผูก

    2. ขับถ่ายลำบาก – ลูกแมวอาจใช้กระบะทรายนานผิดปกติ อาจเดินวนไปวนมาไม่ยอมขับถ่ายสักที หรือถ่ายออกมาเป็นอุจจาระก้อนเล็กและแข็ง

    3. เบื่ออาหาร – ลูกแมวที่มีอาการท้องผูกมักจะกินอาหารน้อยลง

    4. เซื่องซึม – จากที่ชอบเล่นและสำรวจ ลูกแมวกลับนอนมากขึ้นและดูไม่ค่อยสนใจทำกิจกรรมต่าง ๆ

    5. ท้องอืดหรืออาเจียน – หากลูกแมวอาเจียนหรือท้องดูป่อง อาจเป็นเพราะท้องผูก
       

    สาเหตุของอาการท้องผูกในแมว

     

    อาการท้องผูกเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
     

    1. ภาวะขาดน้ำ – หากได้รับน้ำไม่เพียงพอ ลูกแมวก็อาจมีอาการท้องผูกได้

    2. กลืนสิ่งของที่ไม่สามารถย่อยได้ – ลูกแมวสำรวจสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวด้วยการดมกลิ่นและการกัดแทะ พวกเค้าอาจเผลอกลืนสิ่งของต่าง ๆ ลงไป เช่น ริบบิ้นหรือยางรัดผม สิ่งเหล่านี้อาจไปอุดตันในทางเดินอาหารได้

    3. ขาดการกระตุ้น – ลูกแมวที่ยังไม่หย่านมจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นขับถ่าย ไม่เช่นนั้น พวกเค้าอาจมีอาการท้องผูก

    4. พยาธิในลำไส้ – การติดเชื้อพยาธิหรือปรสิตอย่างหนักในลำไส้อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้

    5. โรคทางระบบประสาทหรือปัญหาอื่น ๆ – ภาวะทางระบบประสาทหรือโรคบางอย่างที่ส่งผลต่อส่วนหลังของลำตัวอาจทำให้ลูกแมวมีอาการท้องผูกได้

     

    หลังทราบสาเหตุและอาการเบื้องต้นกันไปแล้ว เรามาเจาะลึกถึงวิธีดูแลรักษาอาการท้องผูกในแมวกันบ้าง
     

    การรักษาอาการท้องผูกในแมว

     

    ในกรณีที่ลูกแมวกินอาหารได้ตามปกติและยังคงกระฉับกระเฉง เราสามารถบรรเทาอาการไม่สบายได้ด้วยตนเองที่บ้าน แต่หากลูกแมวมีอาการท้องผูกอย่างต่อเนื่อง หรือกระตือรือร้นน้อยลงและไม่ยอมกินอาหาร ควรพาไปพบสัตวแพทย์
     

    โดยคุณหมออาจรักษาด้วยการให้สารน้ำบำบัด การสวนทวาร หรืออาจต้องเอกซเรย์เพื่อตรวจหาการอุดตัน และในกรณีที่ร้ายแรง คุณหมออาจต้องผ่าตัดนำอุจจาระที่อุดตันออก

     

    การดูแลเยียวยาอาการท้องผูกในลูกแมวที่บ้าน

     

    สุขภาพและความเป็นอยู่ของลูกแมวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เลี้ยงทุกคน หากสังเกตเห็นสัญญาณเริ่มแรกของอาการท้องผูก คุณสามารถดูแลพวกเค้าด้วยวิธีเหล่านี้ก่อนไปพบสัตวแพทย์ได้

     

    1. ให้ลูกแมวกินน้ำมากขึ้น – การให้น้ำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการท้องผูก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเตรียมน้ำสะอาดเพียงพอ วางชามน้ำในจุดที่เข้าถึงง่าย หากลูกแมวชอบอาหารเม็ดให้ลองผสมน้ำอุ่นเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำที่ลูกแมวควรจะได้รับ

    2. เพิ่มไฟเบอร์ในอาหาร – ไฟเบอร์แค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างมหัศจรรย์ คุณอาจเติมฟักทองหนึ่งช้อนลงในอาหารของเจ้าตัวน้อย หรือเลือกให้อาหารแมวไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแม่และลูกแมว ที่มีพรีไบโอติกจากธรรมชาติ (FOS) ช่วยเสริมการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร

    3. กระตุ้นให้แมวเคลื่อนไหวร่างกาย – การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ชวนลูกแมวของคุณทำกิจกรรมที่สนุกสนานและได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ

    4. หมั่นสังเกตพฤติกรรมลูกแมว – สังเกตพฤติกรรมของลูกแมวอย่างใกล้ชิด หากอาการแย่ลงหรือคงอยู่นานกว่าหนึ่งวัน ถึงเวลาต้องพบสัตวแพทย์แล้ว

     

    การฟื้นฟูและการจัดการกับอาการท้องผูกในแมว

     

    เมื่อกำจัดสิ่งที่อุดตันออกไปแล้ว ลูกแมวมักจะฟื้นตัวจากอาการท้องผูกได้อย่างรวดเร็ว แต่เราก็ยังคงต้องค้นหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ รวมถึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ทั้งการให้ยาตามที่กำหนด การถ่ายพยาธิและตรวจอุจจาระเป็นประจำ การทำความเข้าใจอาการท้องผูกช่วยให้ลูกแมวของคุณมีความสุข มีสุขภาพดี และพร้อมที่จะสำรวจโลกที่น่าตื่นเต้นได้อย่างเต็มที่
     

    ด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และการเยียวยาอาการท้องผูกอย่างเหมาะสม ลูกแมวของคุณจะกลับมากระตือรือร้นและมีพลังได้ในเวลาไม่นาน หากคุณไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ อย่าลังเลที่จะปรึกษาสัตวแพทย์

Close modal