แมวส่วนใหญ่มีโอกาสเกิดก้อนขน เนื่องจากในช่วงที่เค้าเลียทำความสะอาดตัวเองจะมีการกลืนเส้นขนลงไปอย่างต่อเนื่อง
เจ้าของแมวบอกกับเราว่า ปัญหาก้อนขนเป็นความกังวลอันดับหนึ่ง
จากการศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภคของไอแอมส์เผยให้เห็นว่า เจ้าของแมวและแมวของพวกเขาจำนวนไม่น้อยพบว่า การรักษาก้อนขนเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่ายินดีเท่าไร
นักโภชนาการของไอแอมส์ค้นหาวิธีเพื่อควบคุมการสะสมก้อนขนที่ทำให้แมวมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดีควบคู่กันไป กลุ่มนักวิจัยศึกษาปัจจัยเสี่ยงในการสะสมก้อนขนในแมวโดยให้อาหารที่มีแหล่งที่มาและชนิดของใยอาหารแตกต่างกัน
ได้มีการนำแมวจำนวน 98 ตัว มาเข้าร่วมการทบสอบ โดยแบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม ที่ได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์และเซลลูโลส และอีก 3 กลุ่มได้รับอาหารที่มีแหล่งใยอาหารเป็นบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียว
และใช้เวลาในการทดสอบ 6-7 สัปดาห์ ตามด้วยช่วงควบคุมการให้อาหาร 5 สัปดาห์ รวมแล้วใช้เวลาทดสอบทั้งหมด 101 วัน
นักวิจัยพบว่า การให้อาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์และเซลลูโลสมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายก้อนขนไปตามทางเดินอาหารได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับอาหารที่มีแหล่งใยอาหารเป็นบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียว
เมื่อแมวขับถ่าย พบว่า มีเส้นขนในอุจจาระของกลุ่มแมวที่กินอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์/เซลลูโลสมากกว่าอุจจาระของกลุ่มแมวที่กินเพียงบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียวมากกว่าถึง 80-100%
การเพิ่มการไหลของเส้นขนที่กลืนเข้าไปในทางเดินอาหารในช่วงที่แมวเลียทำความสะอาดตัวเองได้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสะสมก้อนขนลดลง
ไม่พบขนเป็นก้อนในกลุ่มแมวที่กินอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์/เซลลูโลส
ระบบใยอาหาร (ส่วนผสมระหว่างบีทพัลพ์/เซลลูโลส) จะค่อย ๆ ขยับเส้นขนไปตามกระเพาะและลำไส้ควบคู่ไปกับบำรุงการย่อยให้มีสุขภาพดี
บีทพัลพ์ซึ่งเป็นใบอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลางจะช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ให้ดียิ่งขึ้น
เซลลูโลสช่วยขยับเส้นขนที่แมวกลืนเข้าไป
สัดส่วนกรดไขมันที่เหมาะสมช่วยบำรุงสุขภาพผิวและขนให้แข็งแรง ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดขนร่วง หนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสะสมก้อนขน
ไอแอมส์สูตรก้อนขนให้สารอาหารคุณภาพสูงและรสชาติที่ไม่ต่างจากสูตรอื่น ๆ แถมด้วยคุณประโยชน์ที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดก้อนขน
เจ้าเหมียวของคุณฉีดวัคซีนกันแล้วหรือยัง? สำหรับวัคซีน FVRCP หรือชื่อเต็มว่า Feline Viral Rhinotracheitis, Calicivirus และ Panleukopenia เป็นหนึ่งในวัคซีนกลุ่มหลักที่จำเป็นต่อน้องแมวทุกตัว
วัคซีน FVRCP จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ Feline Rhinotracheitis หรือไวรัสอันตรายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแมว แม้ส่วนใหญ่จะพบในแมวเลี้ยงนอกบ้าน แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อ Feline Calicivirus ที่ทำให้เกิดแผลในปากและการอักเสบ สุดท้ายคือเชื้อ Feline Panleukopenia ซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จัดเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต
การติดเชื้อเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของแมวเป็นอย่างมาก การฉีดวัคซีนป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าแล้วก็มาติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีน FVRCP สำหรับแมวไปด้วยกัน
ถึงตอนนี้เรารู้แล้วว่าวัคซีน FVRCP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว แต่เราควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนนี้ช่วงใด? ฉีดตอนไหนจึงจะเหมาะสม? มาหาคำตอบและทำความเข้าใจวัคซีนชนิดนี้กันให้มากขึ้น
เกิดจากไวรัส Feline Virus Rhinotracheitis (FVR) หรือไวรัส Feline Herpesvirus (FHV-1) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายแรงที่สุดในแมว มักจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม เยื่อบุตาอักเสบ มีไข้ และมีอาการอ่อนเพลีย เชื้อเหล่านี้แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ทั้งน้ำลายและน้ำมูก หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที แมวอาจเสียชีวิตได้
Feline Calicivirus (FCV) จัดเป็นไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไวรัสนี้จะโจมตีระบบทางเดินหายใจและอวัยวะในช่องปาก หากคุณพบเห็นสัญญาณของการติดเชื้อ แนะนำให้พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลนี้ด้วยการฉีดวัคซีน FVRCP ตามคำแนะนำของคุณหมอ
โรคไข้หัดแมวเกิดจากไวรัส Feline Panleukopenia (FPV) เป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายและรุนแรง โดยจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของแมว ลักษณะอาการที่สำคัญคืออาเจียน เบื่ออาหาร และมีไข้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อไขกระดูกและต่อมน้ำเหลือง ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง มีอัตราการตายสูง ถึงแม้จะเป็นโรคที่อันตราย แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะการฉีดวัคซีน FVRCP ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีน FVRCP ถือเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นสำหรับแมวทุกตัวเช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก FVR, FCV และ FPV เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย การฉีดวัคซีนจะช่วยให้ร่างกายลูกแมวเตรียมแอนติเจนเพื่อต่อต้านไวรัสร้ายแรงเหล่านี้ได้
ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน FVRCP ทุก 3 – 4 สัปดาห์ในช่วงอายุระหว่าง 16 – 20 สัปดาห์ โดย จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันพร้อมสำหรับการต่อสู้กับไวรัสอันตราย และลูกแมวควรได้รับ FVRCP เข็มสุดท้ายเมื่ออายุครบ 1 ปี หลังจากนั้นควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ทุก ๆ สามปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์
โดยก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน FVRCP แนะนำให้สอบถามสัตวแพทย์ดังนี้
ผลข้างเคียงของ FVRCP มีอะไรบ้าง และผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?
ควรดูแลลูกแมวหลังฉีดวัคซีนอย่างไร?
เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ อายุ และสายพันธุ์ ลูกแมวต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นกี่เข็ม?
วัคซีน FVRCP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย ลูกแมวอาจรู้สึกไม่สบายตัวหลังการฉีด โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้
อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีด
ไข้ต่ำ
แมวบางตัวอาจมีอาการแพ้วัคซีน หากพบว่าลูกแมวของคุณอาเจียน มีอาการคัน หรือท้องเสีย ควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด