IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block181
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • vet approved tips image
    vet approved tips image
    adp_description_block69
    วิธีอาบน้ำลูกแมวตัวน้อย

    • แบ่งปัน

    การอาบน้ำเป็นหนึ่งในงานที่ยากมากสำหรับพ่อแม่แมว เพราะเจ้าเหมียวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำและมักจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ แต่มันเป็นการดูแลที่สำคัญและไม่สามารถละเลยได้ โดยเฉพาะเมื่อลูกแมวมีปัญหาสุขภาพผิวหนัง สำหรับทาสแมวมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอาบน้ำลูกแมวอย่างไร เรามีเคล็ดลับและเทคนิคดี ๆ มาฝากกัน ห้ามพลาดบทความนี้เลย!

     

    เคล็ดลับการอาบน้ำให้ลูกแมว
     

    ก่อนเริ่มอาบน้ำให้ลูกแมว คุณควรตัดเล็บพวกเค้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้าเหมียวจะข่วนคุณอย่างไม่ลังเลหากรู้สึกไม่พอใจหรือไม่สบายตัว และคุณอาจทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อให้การอาบน้ำเจ้าตัวน้อยง่ายขึ้น!

    1. แปรงขนก่อนอาบน้ำเสมอ

      ลูกแมวผลัดขนตลอดทั้งปี ขนของพวกเค้าอาจร่วงมากขณะอาบน้ำ และอาจอุดตันระบบระบายน้ำของคุณได้ ทางที่ดีจึงควรแปรงขนลูกแมวเพื่อกำจัดเส้นขนที่หลุดร่วงออกไปก่อน

    2. เลือกเวลาที่เหมาะสม

      แนะนำให้เลือกอาบน้ำหลังจากที่ลูกแมวทำกิจกรรมอย่างเต็มที่แล้ว เช่น หลังเวลาเล่นหรือออกกำลังกาย เมื่อลูกแมวเหนื่อยและหมดแรง พวกเค้าอาจจะปล่อยให้คุณอาบน้ำโดยไม่ขัดขืน

    3. ใช้แชมพูสูตรสำหรับแมวโดยเฉพาะ

      ควรเลือกแชมพูที่ถูกออกแบบมาเพื่อแมวโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูหรือสบู่ของคนในทุกกรณี เนื่องจากมันอาจตกค้างอยู่บนเส้นขน ทำให้แมวได้รับเข้าไปขณะเลียตัวทำความสะอาด

    4. ล้างน้ำให้สะอาด

      สิ่งสำคัญคือต้องล้างแชมพูออกจากขนลูกแมวให้หมด และควรระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าหู จมูก หรือตา ทั้งนี้เพื่อให้ลูกแมวรู้สึกสบายตัวมากที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็นจัด แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องแทน

    5. ให้ขนมแสนอร่อยเป็นรางวัล

      เมื่ออาบน้ำให้ลูกแมวเรียบร้อยแล้ว ควรให้ขนมเป็นรางวัลทันที การเล่นและขนมแสนอร่อยจะทำให้ช่วงเวลาอาบน้ำเป็นประสบการณ์ที่ดีของแมว นอกจากนี้ขนมยังมีประโยชน์ในการหันเหความสนใจได้ดีเมื่อลูกแมวเริ่มวิตกกังวล

     

    การเป่าขนแมวอย่างถูกวิธี

     

    หลังอาบน้ำเสร็จ ควรเช็ดตัวและเป่าขนแมวให้แห้งทันที หากปล่อยให้ขนเปียกชื้นนาน ๆ อาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ แต่การใช้ผ้าขนหนูถูตัวแรง ๆ ก็อาจทำให้แมวรู้สึกไม่สบายและเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้เช่นกัน คุณจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยแนะนำให้ทำตามวิธีต่อไปนี้แทน
     

    1. ขั้นตอนที่ 1 – วางลูกแมวลงบนผ้าขนหนูที่แห้งและสะอาด

    2. ขั้นตอนที่ 2 – ห่อตัวลูกแมวด้วยผ้าขนหนู

    3. ขั้นตอนที่ 3 – จับแมวนั่งบนตัก ปล่อยให้แมวสงบอารมณ์ลงสักพัก

    4. ขั้นตอนที่ 4 – ใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ ทั่วทั้งตัวแมว

    5. ขั้นตอนที่ 5 – ค่อย ๆ ซับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งขนชื้นและไม่เปียกโชก

     

    ป้องกันปัญหาขณะอาบน้ำให้ลูกแมว
     

    แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบน้ำโดยธรรมชาติ เนื่องจากบรรพบุรุษอาศัยอยู่ในทะเลทราย ซึ่งหมายความว่าพวกเค้าแทบจะไม่เคยเจอฝน ทะเลสาบ หรือแม่น้ำเลย ดังนั้นน้ำทุกประเภท ยกเว้นน้ำดื่ม จึงกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติกับลูกแมวอย่างอ่อนโยนจะช่วยลดปัญหาขณะอาบน้ำและสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการจ่อฝักบัวที่ตัวลูกแมวตลอดเวลา และพยายามจำกัดเวลาอาบน้ำให้สั้นที่สุด
     

    ข้อควรระวัง – หากลูกแมวยังคงแสดงอาการกังวลหรือเครียดมาก ๆ ขณะอาบน้ำ แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์
     

    การอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่ดีในการสานสัมพันธ์กับลูกแมวตัวน้อยของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการสัมผัส เสริมสร้างความไว้วางใจและกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย

Close modal