IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block495
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • How Nutrition Can Help Manage Your Cat’s Hairballs
    How Nutrition Can Help Manage Your Cat’s Hairballs
    adp_description_block248
    สารอาหารช่วยลดปัญหาก้อนขนในแมวได้อย่างไร

    • แบ่งปัน


    ทำไมต้องทำอาหารสูตรควบคุมก้อนขน ?

    แมวส่วนใหญ่มีโอกาสเกิดก้อนขน เนื่องจากในช่วงที่เค้าเลียทำความสะอาดตัวเองจะมีการกลืนเส้นขนลงไปอย่างต่อเนื่อง

    เจ้าของแมวบอกกับเราว่า ปัญหาก้อนขนเป็นความกังวลอันดับหนึ่ง

    จากการศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภคของไอแอมส์เผยให้เห็นว่า เจ้าของแมวและแมวของพวกเขาจำนวนไม่น้อยพบว่า การรักษาก้อนขนเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่ายินดีเท่าไร

     

    อาหารสูตรควบคุมก้อนขนมีการพัฒนาสูตรอย่างไร ?

    นักโภชนาการของไอแอมส์ค้นหาวิธีเพื่อควบคุมการสะสมก้อนขนที่ทำให้แมวมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดีควบคู่กันไป กลุ่มนักวิจัยศึกษาปัจจัยเสี่ยงในการสะสมก้อนขนในแมวโดยให้อาหารที่มีแหล่งที่มาและชนิดของใยอาหารแตกต่างกัน

    ได้มีการนำแมวจำนวน 98 ตัว มาเข้าร่วมการทบสอบ โดยแบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม ที่ได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์และเซลลูโลส และอีก 3 กลุ่มได้รับอาหารที่มีแหล่งใยอาหารเป็นบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียว

    และใช้เวลาในการทดสอบ 6-7 สัปดาห์ ตามด้วยช่วงควบคุมการให้อาหาร 5 สัปดาห์ รวมแล้วใช้เวลาทดสอบทั้งหมด 101 วัน

    นักวิจัยพบว่า การให้อาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์และเซลลูโลสมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายก้อนขนไปตามทางเดินอาหารได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับอาหารที่มีแหล่งใยอาหารเป็นบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียว

    เมื่อแมวขับถ่าย พบว่า มีเส้นขนในอุจจาระของกลุ่มแมวที่กินอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์/เซลลูโลสมากกว่าอุจจาระของกลุ่มแมวที่กินเพียงบีทพัลพ์เพียงชนิดเดียวมากกว่าถึง 80-100%

    การเพิ่มการไหลของเส้นขนที่กลืนเข้าไปในทางเดินอาหารในช่วงที่แมวเลียทำความสะอาดตัวเองได้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสะสมก้อนขนลดลง

    ไม่พบขนเป็นก้อนในกลุ่มแมวที่กินอาหารที่มีส่วนผสมของบีทพัลพ์/เซลลูโลส

     

    ไอแอมส์สูตรก้อนขนทำงานอย่างไร ?

    ระบบใยอาหาร (ส่วนผสมระหว่างบีทพัลพ์/เซลลูโลส) จะค่อย ๆ ขยับเส้นขนไปตามกระเพาะและลำไส้ควบคู่ไปกับบำรุงการย่อยให้มีสุขภาพดี

    บีทพัลพ์ซึ่งเป็นใบอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลางจะช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ให้ดียิ่งขึ้น

    เซลลูโลสช่วยขยับเส้นขนที่แมวกลืนเข้าไป

    สัดส่วนกรดไขมันที่เหมาะสมช่วยบำรุงสุขภาพผิวและขนให้แข็งแรง ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดขนร่วง หนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสะสมก้อนขน

     

    ไอแอมส์สูตรก้อนขนแตกต่างกับไอแอมส์สูตรอื่นอย่างไร ?

    ไอแอมส์สูตรก้อนขนให้สารอาหารคุณภาพสูงและรสชาติที่ไม่ต่างจากสูตรอื่น ๆ แถมด้วยคุณประโยชน์ที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดก้อนขน 

    • สารอาหารคุณภาพสูงสำหรับแมวโต
    • ระดับโปรตีนและไขมันสูง
    • ใยอาหารสูงกว่า เนื่องจากเพิ่มเซลลูโลส
    • สุขภาพอุจจาระที่ดี ผิวหนังและขนแข็งแรง และมีทอรีนคุณภาพ
    • รสชาติอร่อย
    • ผลการทดสอบพบว่า มีความน่ากินและมีความดึงดูดใกล้เคียงกับไอแอมส์สูตรอื่น ๆ สำหรับแมวโต

Close modal