IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block267
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • ทำไมไฟเบอร์จึงมีบทบาทสำคัญในอาหารแมว?
    ทำไมไฟเบอร์จึงมีบทบาทสำคัญในอาหารแมว?
    adp_description_block396
    ประโยชน์ของอาหารแมวไฟเบอร์สูง

    • แบ่งปัน

    ไฟเบอร์นับเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของอาหารแมว มีทั้งหมด 2 ชนิด หนึ่งคือไฟเบอร์ละลายน้ำได้ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด สองคือไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ จะเพิ่มกากใยในลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายง่าย รวมถึงก่อให้เกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFA) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์และช่วยเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในลำไส้ ไฟเบอร์ในอาหารแมวยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ทำให้อิ่มท้องนาน ป้องกันการกินอาหารมากเกินไป
     

    แม้ไฟเบอร์จะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าได้รับมากเกินความต้องการ อาจขัดขวางการดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้ ดังนั้นควรตรวจสอบและกำหนดปริมาณของไฟเบอร์ให้เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยให้แมวอายุยืนยาว มีชีวิตชีวา และมีความเป็นอยู่ที่ดี
     

    สิ่งที่ดีสำหรับคุณอาจไม่ดีสำหรับแมวของคุณ

    ทุกวันนี้ ผู้คนต่างตระหนักถึงประโยชน์และบทบาทของไฟเบอร์มากขึ้น หลายคนปรับเปลี่ยนวิธีการเลือกอาหารของตัวเองและสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ผลิตบางรายกลับคิดค้นอาหารแมวที่มีไฟเบอร์สูงตามหลักโภชนาการของคน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับสุขภาพของแมว เนื่องจากแมวมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างจากเรา พวกเค้าเป็นสัตว์กินเนื้อ จึงต้องการสารอาหารจากเนื้อสัตว์มากกว่าพืช อีกทั้งยังมีระบบทางเดินอาหารสั้นกว่าเรามาก นี่เป็นเหตุผลที่นักโภชนาการสัตว์เลี้ยงของไอแอมส์ทุ่มเทศึกษานานกว่า 60 ปี เพื่อคิดค้นอาหารที่ตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวโดยเฉพาะ
     

    ไมโครไบโอมในแมวคืออะไร?

    ไมโครไบโอมคือชุมชนของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ไมโครไบโอมส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของแมว มีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังส่งผลต่อรูปแบบพฤติกรรมด้วย การรักษาความสมดุลภายในไมโครไบโอมจึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่โดยรวมของแมว
     

    การตอบสนองของไมโครไบโอมในลำไส้ต่ออาหารที่มีไฟเบอร์

    เมื่อพูดถึงโภชนาการและสุขภาพลำไส้ของแมว ไฟเบอร์ส่งผลอย่างมากต่อการรักษาและเปลี่ยนแปลงความสมดุลของไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร โดยก่อให้เกิดการตอบสนองและผลลัพธ์ดังนี้
     

    การตอบสนองแบบไดนามิก –

    เมื่อแมวกินอาหารที่มีไฟเบอร์เข้าไป ไมโครไบโอมในลำไส้จะปรับตัวให้เข้ากับการทะลักเข้ามาของไฟเบอร์ที่ย่อยไม่ได้
     

    แบคทีเรียพรีไบโอติก –

    ไฟเบอร์บางชนิดก็ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ เช่น บิฟิโดแบคทีเรียมและแลคโตบาซิลลัส ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของลำไส้
     

    ผลิตกรดไขมันสายสั้น –

    การหมักไฟเบอร์ด้วยแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้เกิดการผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFA) รวมถึงอะซิเตท โพรพิโอเนต และบิวทิเรต
     

    บำรุงเซลล์ในลำไส้ –

    กรดไขมันสายสั้นมีบทบาทสำคัญในการบำรุงเซลล์เยื่อบุลำไส้ มีส่วนช่วยให้เยื่อเมือกสมบูรณ์ เสริมการดูดซึมสารอาหารและการทำงานของลำไส้โดยรวม
     

    ควบคุมความเป็นกรด-ด่าง (pH) –

    การหมักย่อยของไฟเบอร์ก่อให้เกิดแก๊สและผลพลอยได้อื่น ๆ ซึ่งส่งผลต่อระดับ pH ในลำไส้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่สนับสนุนการเติบโตของเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
     

    ปริมาณไฟเบอร์และการหมักย่อย

    จากการวิจัยของไอแอมส์ เราพบว่าปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแมวจะอยู่ในช่วง 1.4 – 3.5% เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อการสลายตัวของสารอาหาร แต่ในบางกรณี เช่น แมวมีปัญหาก้อนขนอุดตัน อาหารที่มีไฟเบอร์สูงกว่านี้อาจเป็นประโยชน์
     

    ลักษณะเด่นของไฟเบอร์คือความสามารถในการหมักย่อยหรือความสามารถในการย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ได้เป็นอย่างดี การย่อยสลายนี้ทำให้เกิดกรดไขมันสายสั้นซึ่งเป็นแหล่งพลังงานแก่ลำไส้ ไฟเบอร์แตกต่างกันไปตามความสามารถในการหมักย่อย แหล่งไฟเบอร์ที่ใช้ในอาหารสัตว์เลี้ยงได้แก่ เซลลูโลส ซึ่งหมักย่อยได้ไม่ค่อยดี บีทพัลพ์หมักย่อยได้ในระดับปานกลาง ส่วนยางไม้และเพกทินหมักย่อยได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าไฟเบอร์ที่หมักย่อยได้ในระดับปานกลางนั้น มีประโยชน์และให้พลังงานได้มากโดยไม่มีผลกระทบ เช่น อุจจาระมากไปหรือมีแก๊สในทางเดินอาหารมากเกินไป มันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
     

    ข้อดีของอาหารแมวไฟเบอร์สูง

    การเพิ่มไฟเบอร์เข้าไปในอาหารแมวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวมของแมว โดยข้อดีของอาหารแมวที่มีไฟเบอร์สูงมีดังนี้
     

    เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร –

    ไฟเบอร์มีส่วนช่วยเสริมการย่อยอาหารและเพิ่มกากใย ทำให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่าย และลดอาการท้องผูก
     

    ช่วยควบคุมน้ำหนัก –

    ไฟเบอร์ในอาหารจะทำให้แมวรู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น ป้องกันการกินอาหารมากเกินพอดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนัก
     

    ลดปัญหาก้อนขนอุดตัน –

    ปริมาณไฟเบอร์ที่เพิ่มขึ้นช่วยควบคุมและลดก้อนขนที่อุดตันอยู่ในระบบทางเดินอาหาร โดยกากใยจะช่วยจับเส้นขนรวมกันเป็นก้อน ทำให้เคลื่อนผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น 
     

    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด –

    อาหารแมวไฟเบอร์สูงมีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคเบาหวานในแมว กากใยที่เพิ่มขึ้นช่วยให้การย่อยและการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตช้าลง ส่งผลให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
     

    ลดไขมันในเลือด –

    ไฟเบอร์ละลายน้ำได้มีคุณสมบัติในการลดไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอล ด้วยการจับกับโมเลกุลของคอเลสเตอรอลและส่งเสริมการขับถ่าย
     

    ตัวเลือกของแมวที่มีอาการป่วยเฉพาะ –

    อาหารแมวไฟเบอร์สูงเหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคอ้วน เบาหวาน หรือมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากช่วยน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
     

    ข้อเสียของอาหารแมวไฟเบอร์ต่ำ

    ในบางกรณี อาจมีการแนะนำให้เลือกอาหารแมวที่มีไฟเบอร์ต่ำ แต่คุณก็ต้องพิจารณาข้อเสียที่อาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวด้วย
     

    ความเสี่ยงต่ออาการท้องผูก –

    อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาท้องผูกในแมวได้ เนื่องจากขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้อาการท้องผูกอาจส่งผลให้แมวรู้สึกไม่สบายและเกิดอาการแทรกซ้อนได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
     

    ประสิทธิภาพการย่อยอาหารลดลง –

    อาหารแมวไฟเบอร์ต่ำอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ดูดซึมสารอาหารที่ไม่เพียงพอ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ของแมว
     

    ความเสี่ยงต่อโรคอ้วน –

    แม้ว่าอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่หากไม่ดูแลอย่างระมัดระวัง เจ้าเหมียวอาจกินอาหารมากขึ้นเพื่อชดเชยปริมาณแคลอรีที่ลดลง
     

    ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ –

    การกินอาหารไฟเบอร์ต่ำอย่างต่อเนื่องอาจทำให้แมวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลทางโภชนาการและปัญหาด้านสุขภาพ
     

    การตระหนักถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจและเลือกอาหารแมวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของแมว
     

    ไฟเบอร์ในอาหารแมวไอแอมส์™

    ในการเลือกอาหารสัตว์เลี้ยง ไฟเบอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่พ่อแม่แมวทุกคนต้องพิจารณา แนะนำให้เลือกอาหารที่มีปริมาณไฟเบอร์เหมาะสม มีแหล่งที่มาจากบีทพัลพ์ เพราะมีประโยชน์และให้พลังงานได้ดีโดยไม่ส่งผลกระทบด้านลบ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารแมวที่มีไฟเบอร์ต่ำ เพราะอาจทำให้แมวได้รับแคลอรีน้อยลงและขาดสารอาหารที่ต้องการ
     

    ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของไอแอมส์™ เช่น ไอแอมส์ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแมวโตเต็มวัย มีส่วนผสมของบีทพัลพ์ซึ่งหมักย่อยได้ในระดับปานกลาง ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของลำไส้ เป็นสูตรเฉพาะของไอแอมส์™ และได้รับการคุ้มครองโดยสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกาหมายเลข 5,616,569 สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีไฟเบอร์ที่หมักย่อยได้และใช้ในกระบวนการรักษาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
     

    การควบคุมปริมาณไฟเบอร์ในอาหารแมวไอแอมส์™

    การดูแลและกำหนดปริมาณไฟเบอร์ให้เพียงพอต่อความต้องการของแมวถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยคุณสามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้
     

    อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ –

    บนบรรจุภัณฑ์ของอาหารแมวไอแอมส์™ มีการระบุข้อมูลทางโภชนาการโดยละเอียด คุณสามารถตรวจสอบปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในแต่ละวันได้
     

    เลือกสูตรอาหารที่เหมาะสม –

    อาหารแมวไอแอมส์™ มีให้เลือกหลากหลายประเภท รวมถึงสูตรที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการเฉพาะ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การจัดการปัญหาก้อนขน และการดูแลสุขภาพทางเดินอาหาร 
     

    เปลี่ยนอาหารแบบค่อยเป็นค่อยไป –

    หากคุณอยากเปลี่ยนมาให้อาหารแมวไอแอมส์™ สูตรใหม่ แนะนำให้เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ระบบย่อยอาหารของแมวปรับตัว
     

    ปรึกษาสัตวแพทย์ –

    แมวแต่ละตัวมีความต้องการและพฤติกรรมการกินแตกต่างกัน ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสม โดยคุณหมอจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ น้ำหนัก และสุขภาพโดยรวม
     

    กำหนดปริมาณอาหารให้เหมาะสม –

    ไอแอมส์ระบุแนวทางการให้อาหารบนบรรจุภัณฑ์ คุณสามารถตรวจสอบและปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารได้ตามความเหมาะสม โดยพิจารณาได้จากระดับกิจกรรมหรือเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนัก
     

    เพิ่มความหลากหลาย –

    อาหารแมวไอแอมส์™ มีให้เลือกทั้งแบบเปียกและแบบเม็ด การให้อาหารทั้งสองชนิดจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าแมวจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
     

    ตรวจสุขภาพเป็นประจำ –

    การตรวจสุขภาพจะทำให้คุณรู้ว่าแมวแข็งแรงหรือไม่ มีปัญหาแอบแฝงอยู่หรือเปล่า รวมถึงสามารถตรวจสอบการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ด้วย หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคไฟเบอร์ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้ในระหว่างการนัดตรวจเหล่านี้
     

    การเปลี่ยนมาให้อาหารแมวไอแอมส์™ จะช่วยให้แมวของคุณได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล นอกจากอาหารของเรายังมีไฟเบอร์สูง ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ของแมวด้วย

Close modal