IAMS TH
Is Your Kitten Ready for Adult Cat Food?
Is Your Kitten Ready for Adult Cat Food?

adp_description_block441
ลูกแมวของคุณพร้อมกินอาหารแมวโตหรือยัง

  • แบ่งปัน


เจ้าของแมวล้วนคุ้นเคยกับอาการที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวกำลังปวดท้องเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงครางเจ็บปวด การขย้อนอาหาร หรืออาการคลื่นไส้ แต่เมื่อเค้าแสดงอาการเหล่านี้แล้ว เจ้าเหมียวก็กลับไปร่าเริงเหมือนปกติ ปล่อยให้เจ้าของทำความสะอาดคราบบนพื้นที่กองอยู่

ซินเธีย โบเวนแห่งคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอก็คุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้เป็นอย่างดี ในฐานะเจ้าของแมวเมนคูน 4 ตัว ซินเธียผ่านการเช็ดคราบอาเจียนของเจ้าเหมียวมาไม่น้อย “ฉันเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ประมาณ 2-3 เดือนครั้ง” เธอกล่าว “แต่นอกจากนี้แล้วเค้าก็ดูแข็งแรงดี”

แม้ว่าจะไม่ใช่หัวข้อที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร แต่การอาเจียนดูจะเป็นอาการที่เจ้าเหมียวทำเป็นปกติ เจ้าของแมวส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเป็นเจ้าของแมว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป การทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเหมียวปวดท้องและวิธีรับมือจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณและเค้าให้สนิทกันมากขึ้น
 

ความพรีเมียมสำคัญหรือไม่ ?

ทำไมถึงควรเปลี่ยนอาหารของลูกแมวที่กำลังเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยมาเป็นอาหารแมวโตระดับพรีเมียม … เพราะคุณภาพของอาหารคือคำตอบ

การรักษาระดับคุณค่าทางสารอาหารที่ลูกแมวได้รับมาตั้งแต่วัยเด็กจนโตเต็มวัยนั้นสำคัญมาก เจ้าเหมียวอาจมีปัญหาในการย่อยได้หากลดเกรดอาหารเป็นแบรนด์ตลาดทั่วไป เนื่องจากเค้าจะขาดสารอาหารชนิดเดียวกับที่ร่างกายเคยได้รับ

ลองนึกถึงเด็กทารก เมื่อถึงวัยที่เปลี่ยนมากินอาหารแข็งแล้ว คุณก็อยากให้สารอาหารที่ดีที่สุดกับเค้าใช่ไหมล่ะ เจ้าเหมียวก็เหมือนกัน เค้าต้องการอาหารที่เหมาะกับอายุเพื่อบำรุงและเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อาหารพรีเมียมอย่างไอแอมส์ผ่านการคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าเหมียวและยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์นานาชนิด

ไอแอมส์ผ่านการคิดค้นสูตรอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณเพื่อมอบคุณประโยชน์ต่างๆ อาทิ

  • วัตถุดิบคุณภาพสูง
  • โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสมและสมดุล ไม่ต้องเพิ่มอาหารเสริมใด ๆ
  • รสชาติอร่อย คุณภาพดี 
  • ตรงตามมาตรฐานของ AAFCO (Association of American Feed Control Officials)
  • อัดแน่นด้วยสารอาหารที่เหมาะกับแต่ละช่วงวัย
  • การันตีผลิตภัณฑ์

 

จากประโยชน์ต่าง ๆ นี้ คุณจะเห็นผลลัพท์อะไรบ้าง ?

อาหารเกรดพรีเมียมที่มีโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพดีและมีความสุข ด้วยอาหารแมวคุณภาพ คุณมั่นใจได้เลยว่าเค้าจะมีสุขภาพดีแข็งแรง โดยสังเกตได้จากสัญญาณสุขภาพดีต่อไปนี้  ไอแอมส์จะช่วยให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืน

  • สังเกตเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน แข็งแรง
  • ขนสวยเงางาม
  • ผิวหนังและกระดูกแข็งแรง
  • ตาเป็นประกาย ฟันสะอาด
  • อึจับตัวเป็นก้อน

จากการศึกษาวิจัยมาหลายทศวรรษ สูตรลับเฉพาะของไอแอมส์ช่วยรักษาสุขภาพแมวของคุณรวมถึงมีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับแมวที่จะทำให้เค้ามีอายุยืนอยู่กับเราได้นาน ๆ ซึ่งแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาดอาจไม่มีความเชี่ยวชาญเท่ากับไอแอมส์ที่มีความใส่ใจในอาหารทุก ๆ ถุง

 

ควรเปลี่ยนอาหารเมื่อไร ?

เมื่อแมวของคุณอายุประมาณ 12 เดือน คุณสามารถเปลี่ยนมาให้อาหารพรีเมียมสูตรที่คิดค้นเพื่อสุขภาพที่ดีได้ทันที โดยระหว่างที่เพิ่งมาให้อาหารแมวโต อย่าลืมดูน้ำหนักและสภาพร่างกายของเจ้าเหมียวแล้วจึงปรับปริมาณอาหารตามความเหมาะสม

เนื่องจากแมวส่วนใหญ่กินอาหารเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แค่เทอาหารเอาไว้ให้เค้าก็เพียงพอแล้ว (การเทอาหารทิ้งไว้จะทำให้แมวกินอาหารได้ตลอดเวลา แถมเค้ายังเลือกปริมาณและเวลากินได้เองอีกด้วย) แต่แมวที่เลี้ยงในบ้านซึ่งไม่ค่อยออกกำลังกายอาจกินอาหารเยอะเกินไปได้หากเทอาหารทิ้งไว้ แมวที่เลี้ยงในลักษณะนี้จึงควรเปลี่ยนเป็นมาให้แบบควบคุมปริมาณวันละ 2 มื้อ

หากสงสัยว่าควรให้อาหารแมวปริมาณแค่ไหนจึงจะเหมาะสม ให้ดูที่ฉลากของผู้ผลิตเพื่อดูปริมาณที่แนะนำ ปฏิบัติตามคำแนะนำและชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำทุกสัปดาห์ หากแมวน้ำหนักขึ้นหรือลงผิดปกติ ให้ปรับปริมาณอาหารแล้วชั่งน้ำหนักอีกครั้งในสัปดาห์ต่อมา

 

วิธีการเปลี่ยนอาหาร

เพื่อป้องกันปัญหาลำไส้แปรปรวนจากการเปลี่ยนอาหาร ให้คุณเปลี่ยนจากอาหารลูกแมวมาเป็นแมวโตภายใน 4 วัน โดยค่อย ๆ เปลี่ยนตามคำแนะนำด้านล่าง

  • วันที่ 1: ให้อาหารสูตรลูกแมว 75% และอาหารแมวโต 25%
  • วันที่ 2: ผสมอาหารลูกแมวและแมวโตในอัตราส่วน 50:50
  • วันที่ 3: ให้อาหารสูตรแมวโต 75% และสูตรลูกแมว 25%
  • วันที่ 4: เปลี่ยนเป็นสูตรแมวโตได้ 100%

  • Feeding Guidelines for Your Cat
    Feeding Guidelines for Your Cat
    adp_description_block110
    คู่มือการให้อาหารแมวฉบับมือโปร

    • แบ่งปัน

    โภชนาการมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมว เจ้าตัวน้อยเหล่านี้ต้องการอาหารที่ประกอบไปด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ สำหรับปริมาณอาหารที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ น้ำหนัก ระดับกิจกรรม และสุขภาพโดยรวม
     

    สิ่งที่ต้องใส่ใจในการให้อาหารแมวคือการกำหนดปริมาณและการเลือกอาหารที่เหมาะสม อย่าให้อาหารมากเกินไป เพราะอาจนำไปสู่โรคอ้วนซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย หรือคุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดแนวทางการให้อาหารและจัดการกับความต้องการเฉพาะของเจ้าเหมียวที่คุณรักก็ได้

     

    วิธีการให้อาหารแมว

    จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราให้อาหารเจ้าเหมียวในเวลาที่เหมาะสมและในปริมาณที่เพียงพอ หากคุณสงสัยว่าควรเลือกอาหารแมวอย่างไร ต้องให้อาหารวันละกี่มื้อ แล้วสามารถให้อาหารเสริมหรือขนมกับแมวได้หรือไม่ มาค้นหาคำตอบไปด้วยกันในบทความนี้
     

    แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ พวกเค้าไม่ต้องการอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ในทางกลับกัน แมวต้องการสารอาหารที่อยู่เนื้อสัตว์อย่างน้อย 70% เพื่อความอยู่รอดและมีสุขภาพที่ดี ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารแมวที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเพียงพอ

     

    ควรวางแผนการให้อาหารแมวอย่างไร?

    แนะนำให้แบ่งอาหารเป็นสองมื้อต่อวัน โดยเว้นระยะห่างกันไม่เกิน 12 ชั่วโมง หรือจะแบ่งออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อก็ได้ เช่น มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารมีแคลอรีและสารอาหารที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

     

    จะรู้ได้อย่างไรว่าแมวของเรามีพฤติกรรมการกินอย่างไร?

    เมื่อเจ้าเหมียวคุ้นเคยกับการกินอาหารเป็นเวลา พวกเค้าจะค่อย ๆ แสดงพฤติกรรมการกินเฉพาะตัวออกมาให้เห็น เช่น เล่นกับอาหารก่อนกิน ชอบกินอาหารเพียงลำพัง หรือแอบเก็บอาหารเอาไว้ นิสัยเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย คุณไม่จำเป็นต้องกังวล แต่สำหรับพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง ได้แก่

    1. กินอาหารไม่หมด ทั้งที่ให้ในปริมาณปกติ

    2. น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน

    3. ไม่ยอมกินอาหารนานเกิน 24 ชั่วโมง

    หากแมวเหมียวของคุณมีอาการเหล่านี้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

     

    ปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณอาหารที่แมวควรได้รับ

    การกำหนดปริมาณอาหารต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการทางโภชนาการเฉพาะของแมว

     

    อายุหรือช่วงวัย

    ความต้องการทางโภชนาการของแมวจะเปลี่ยนไปตามช่วงวัย ลูกแมวในช่วงเดือนแรก ๆ จะเติบโตและมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวเล็กเหล่านี้จึงต้องการอาหารที่อุดมไปด้วยพลังงาน โปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ในขณะที่แมวสูงวัยมักจะทำกิจกรรมน้อยลง อัตราการเผาผลาญก็ลดลง พวกเค้าจึงต้องการอาหารที่มีพลังงานเหมาะสมเพื่อควบคุมน้ำหนักและบำรุงข้อต่อ การปรับสูตรอาหารให้เหมาะกับวัยถือเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสุขภาพที่ดีและยืดอายุของแมวให้อยู่ได้นานมากขึ้น

     

    ขนาดตัว

    ขนาดตัวของแมวเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับการกำหนดปริมาณแคลอรี แมวตัวใหญ่มักจะต้องการอาหารมากขึ้นเพื่อรักษาระดับพลังงานและใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับร่างกาย ในทางกลับกัน แมวพันธุ์เล็กต้องการอาหารน้อยกว่าและต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน การเลือกสูตรอาหารที่เหมาะกับขนาดตัวจะทำให้แมวได้รับอาหารที่ตอบสนองความต้องการอย่างเพียงพอ

     

    ระดับกิจกรรม

    แมวที่มีความแอคทีฟสูง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง มักจะใช้พลังงานจำนวนมากและอาจต้องการพลังงานเพิ่มเติม ส่วนแมวที่ขยับตัวน้อยหรืออยู่แต่ในบ้านจำเป็นต้องได้รับการควบคุมอาหารอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตัวเกินและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
     

    เลี้ยงในบ้านและเลี้ยงนอกบ้าน

    สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้กำหนดปริมาณอาหาร ไม่ว่าเลี้ยงในบ้านหรือนอกบ้านก็ส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานของเจ้าเหมียว แมวที่ถูกเลี้ยงนอกบ้านมักจะทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้ต้องการปริมาณแคลอรีสูงเพื่อเติมพลังในการผจญภัย ส่วนแมวที่เลี้ยงในบ้านจำเป็นต้องควบคุมปริมาณอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากโรคอ้วน

     

    สภาพร่างกาย

    สภาพร่างกายเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวมและน้ำหนักตัว สำหรับแมวที่มีน้ำหนักเกิน ควรเลือกอาหารที่มีแคลอรีต่ำ หรือหากแมวของคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัว อาจต้องเปลี่ยนอาหารตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ รวมถึงอาจต้องเปลี่ยนวิธีการให้อาหารและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดด้วย

     

    ภาวะสุขภาพ

    แมวที่มีปัญหาสุขภาพต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เรื่องอาหารมากเป็นพิเศษ เช่น แมวที่เป็นโรคเบาหวานจำเป็นต้องควบคุมปริมาณอาหารเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนแมวที่เป็นโรคไตอาจต้องกินอาหารสูตรพิเศษที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของไต และแมวที่เป็นโรคภูมิแพ้อาจต้องเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบเฉพาะเจาะจงเพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการเลือกสูตรอาหารที่สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าเหมียว

     

    ควรให้อาหารแมววันละกี่ครั้ง?

    ความถี่ในการให้อาหารจะพิจารณาจากอายุของแมว โดยคุณสามารถทำตามตารางแนะนำด้านล่างนี้ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวจะได้รับโภชนาการที่เหมาะสมในทุกช่วงวัย

     

    Age

    Schedule

    1 สัปดาห์

    ทุก ๆ 2 ชั่วโมง

    1 – 2 สัปดาห์

    ทุก 2 – 3 ชั่วโมง

    2 – 3 สัปดาห์

    ทุก 3 – 4 ชั่วโมง

    3 – 4 สัปดาห์

    ทุก 4 – 5 ชั่วโมง

    4 – 5 สัปดาห์

    ทุก 5 – 6 ชั่วโมง

    5 – 8 สัปดาห์

    ทุก ๆ 6 ชั่วโมง

    8 – 16 สัปดาห์

    ทุก 6 – 8 ชั่วโมง

    4 – 5 เดือน

    ทุก ๆ 8 ชั่วโมง

    6 เดือนขึ้นไป

    ทุก 8 – 12 ชั่วโมง

     

    ควรให้อาหารแมวมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน?

    การกำหนดปริมาณอาหารขึ้นอยู่กับอายุ ขนาด และระดับกิจกรรมของแมว หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือทำตามคำแนะนำที่ระบุบนผลิตภัณฑ์อาหารแมวของไอแอมส์™ ช่วงแรกอาจเริ่มให้อาหารในปริมาณที่แนะนำไปก่อน จากนั้นค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของเจ้าเหมียว และควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อต่อวัน

     

    วิธีการเปลี่ยนอาหารให้แมว ทำอย่างไร?

    สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนอาหารให้แมวคือต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นด้วยการให้อาหารในอัตราส่วนอาหารใหม่ 25% ต่ออาหารเก่า 75% หลังจากสามวันผ่านไป ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารใหม่และลดปริมาณอาหารเก่าลง

     

    วิธีการให้อาหารแมวแบบเปียกและแบบเม็ด

    เมื่อเข้าใจหลักการในการให้อาหารตามอายุและปัจจัยอื่น ๆ แล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับถัดมาคือชนิดของอาหาร ควรให้อาหารเปียกหรืออาหารเม็ดกันนะ? อาหารทั้งสองชนิดมีประโยชน์เฉพาะตัว และตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวในแต่ละช่วงวัยแตกต่างกัน เรามาดูข้อดีของอาหารทั้งสองชนิดนี้ประกอบการตัดสินใจไปด้วยกัน

     

    อาหารเปียก VS อาหารเม็ด

    เรารู้ดีว่าการตัดสินใจเลือกอาหารแมวต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เราจึงรวบรวมคุณประโยชน์ของอาหารแต่ละชนิดมาฝากทุกคน

     

    ประโยชน์ของอาหารเม็ด

    1. อาหารเม็ดให้ง่าย จัดเก็บง่าย มีอายุการเก็บรักษานานกว่าอาหารเปียก และเมื่อเปิดแล้วไม่ต้องแช่เย็น แต่ต้องเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด

    2. เนื้อสัมผัสกรุบกรอบของอาหารเม็ดมีส่วนช่วยให้สุขภาพเหงือกและฟันดีขึ้น โดยการเคี้ยวอาหารเม็ดจะช่วยลดการสะสมของคราบพลัคและหินปูนได้

    3. อาหารเม็ดมักจะมีราคาถูกกว่าอาหารเปียก ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

    4. อาหารเม็ดมักจะมีปริมาณแคลอรีสูงกว่าอาหารเปียก หมายความว่าแม้จะให้ในปริมาณน้อยก็ยังสามารถให้พลังงานที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน จึงเป็นประโยชน์สำหรับแมวที่กำลังควบคุมน้ำหนัก

     

    ประโยชน์ของอาหารเปียก

    1. อาหารเปียกมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี เหมาะสำหรับน้องแมวที่ไม่ค่อยชอบกินน้ำหรือกินน้ำไม่เพียงพอ

    2. เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่มและรสชาติที่หลากหลายของอาหารเปียกช่วยเพิ่มความอยากอาหาร นำมาดึงความสนใจจากเจ้าเหมียวช่างเลือกได้เป็นอย่างดี

    3. อาหารเปียกอุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหารที่หลากหลาย ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของแมว

    4. อาหารเปียกเหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาสุขภาพเฉพาะด้านหรือแมวที่ต้องการอาหารพิเศษ เพราะสามารถให้ร่วมกับยาหรืออาหารเสริมได้

    ตัวเลือกที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความชอบ ความต้องการด้านสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ของเจ้าเหมียวแต่ละตัว พ่อแม่บางคนอาจเลือกให้ทั้งอาหารเม็ดและอาหารเปียกเพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและรสชาติที่น่าพึงพอใจ ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณเพื่อปรับอาหารให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของเจ้าเหมียว

     

    จำเป็นต้องให้อาหารทั้งแบบเปียกและแบบเม็ดหรือไม่?

    แม้ว่าอาหารเปียกจะมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ทุกมื้อ อาหารเม็ดของไอแอมส์™ ผลิตจากแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อไก่ เนื้อแกะ หรือเนื้อปลา อีกทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนตามที่แมวต้องการ
     

    แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการให้อาหารหรือการเลือกสูตรอาหารที่เหมาะสม คุณหมออาจประเมินโภชนาการของแมวเพื่อพิจารณาว่าแมวของคุณต้องการอาหารประเภทใด

     

    หากต้องกินอาหารเดิม ๆ ตลอดเวลา แมวจะเบื่อหรือไม่?

    ไม่ แมวมักจะพอใจกับการกินอาหารเพียงชนิดเดียว โดยทั่วไปแล้วแมวจะกินอาหารเพื่อให้ได้รับพลังงานหรือสารอาหารที่ต้องการ พวกเค้ามีระบบย่อยอาหารสั้นมากและหากเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหันหรือเปลี่ยนตลอดเวลา อาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนหรือมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้การเปลี่ยนอาหารบ่อย ๆ ยังทำให้แมวมีนิสัยเลือกกินอีกด้วย

     

    สามารถผสมน้ำกับอาหารเม็ดได้หรือไม่?

    การเติมน้ำในอาหารเม็ดไม่ทำให้คุณค่าทางโภชนาการเปลี่ยนไป แต่ต้องรีบกินให้หมด ไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้นานเพราะเสี่ยงต่อการเน่าเสีย อย่างไรก็ตาม อาหารเม็ดถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะให้ง่าย สะดวก และเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบของอาหารเม็ดก็ช่วยขัดฟันได้ดีด้วย

     

    แมวกินอาหารสุนัขได้หรือไม่?

    แมวและสุนัขมีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกันและไม่ควรกินอาหารของกันและกัน การกินอาหารของกันและกันเป็นครั้งคราวอาจไม่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่แนะนำให้กินเป็นประจำ

     

    เราสามารถให้อาหารเสริมจำพวกวิตามิน แร่ธาตุ หรือกรดไขมันกับแมวได้หรือไม่?

    หากน้องแมวของคุณต้องการสารอาหารเพิ่มเติม คุณสามารถให้อาหารเสริมจำพวกวิตามิน แร่ธาตุ หรือกรดไขมันเพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดไปได้ แต่หากคุณเลือกให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมใด ๆ เพิ่ม เพราะอาหารคุณภาพดีเหล่านี้มีปริมาณสารอาหารที่สมดุล อยู่ในอัตราส่วนที่เหมาะสม จึงไม่จำเป็นต้องให้อะไรเพิ่มอีก

     

    หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการของสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม ควรทำอย่างไร?

    คุณสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงและโภชนาการของไอแอมส์ได้ที่เว็บไซต์ https://th.iams.asia/contact-us

Close modal